บทที่ 42
ความผิดพลาดโดยเจตนา
และพอถึงช่วงเวลาเปิดร้านของศาลาไป่หยู่ อันธพาลกลุ่มหนึ่งได้ตรงเข้ามาที่ศาลาไป่หยู่ทันที
“หลีกไปให้พ้น! หลีกทางไป!”
“มองอะไร! อยากหาเรื่องงั้นเหรอ”
“โอ้ว! สาวน้อยน่ารักตรงนั้น ทำไมหนูถึงไม่ไปเที่ยวกับพี่สักหน่อยล่ะ ชิ! อย่าหนีสิ!”
คนเหล่านี้ไร้มารยาทมาก การกระทำของพวกเขากำลังรบกวนแขกของศาลาไป่หยู่
แขกที่มาในร้านมีผู้ใช้พลังวิญญาณอยู่หลายคน ปกติแล้ว พวกเขาจะโกรธหลังจากถูกคุกคาม แต่เมื่อพวกเขาเหลือบไปเห็นป้ายบนหน้าอกของพวกอันธพาล พวกเขาทำได้เพียงแค่โกรธ
ปรากฏว่า พวกอันธพาลมีตราหวงชาประทับอยู่บนหน้าอกของพวกเขา
ทั้งหมดเป็นสมาชิกของพรรคหวงชา
“ ฮ่า ฮ่า! หัวหน้า ตราของพรรคหวงชานี่มันมีประโยชน์จริง ๆ ผู้ใช้พลังวิญญาณพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรกับพวกเราเลยขอรับ” มีคนในกลุ่มหัวเราะออกมา
หัวหน้าของอันธพาล เป็นชายผมสีเหลือง มีท่าท่างราวกับนักเลงโต
เขามีชื่อว่า หวันเฟย เขาเป็นอันธพาลที่รู้จักกันดีในเมืองหวงชา เขตที่ 23 มีคนหลายสิบคนติดตามเขาไปยังทุกที่ คนเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง
ในวันธรรมดา พวกเขาใช้ชีวิตโดยการกลั่นแกล้งผู้คนตามร้านค้าเล็ก ๆ และคอยเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อให้ร้านค้าเหล่านั้นไม่ถูกพวกเขาทำลายข้าวของ
หวันเฟย ยิ้มกว้างและกระซิบ “ถ้าเราทำงานวันนี้ได้ดี เราก็สามารถเข้าร่วมกับพรรคหวงชาได้ จากนั้นเราจะก้าวหน้าอย่างมาก และคอยให้กำลังใจเหล่าพี่น้องของเราได้”
“ขอรับ”
พวกอันธพาลเริ่มสร้างความเดือดร้อนภายในศาลาไป่หยู่
ผู้คนในศาลาไป่หยู่รีบวิ่งหนีออกไป
ผู้คนในพรรคหวงชา ไม่สามารถยั่วยุได้
“ท่านกำลังทำอะไร อย่ารบกวนแขกคนอื่นขอรับ” คนงานคนใหม่ถามหลังจากทนดูต่อไปไม่ไหว
พวกอันธพาลได้ยินดังนั้น จึงตรงเข้ามาหาล้อมรอบเขา
“โห! เจ้าว่าอะไรนะ”
“พวกเราคือแขกไม่ใช่หรือ เจ้าปฏิบัติต่อพวกข้าแบบนี้ได้อย่างไร”
“เจ้าว่าร้ายพี่น้องข้าเหรอ”
“ดูที่ตราของข้าสิ ข้าเป็นสมาชิกของพรรคหวงชานะ! เจ้ากำลังพูดกับข้าเช่นนี้ได้ยังไง”
คนงานคนใหม่มีอายุน้อย อีกทั้งยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาไม่เคยเห็นหรือมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาถูกล้อมไปด้วยอันธพาลหลายคน และถูกผลักไปมาเหมือนลูกบอล
ทุกคนต่างรู้สึกกลัว
“ขออภัยท่านลูกค้าด้วยขอรับ เขายังเป็นแค่เด็กใหม่” เสี่ยวชา และ อาฟูที่พึ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการ รีบออกมาทันที
หวันเฟย หัวเราะเยาะ: “เด็กใหม่เหรอ”
“ใช่แล้วขอรับ! ขออภัยด้วยขอรับ” อาฟู กล่าว
หวันเฟยพูดขึ้นเพื่อสั่งให้พวกอันธพาลเลิกรังแกเขา “แกล้งเด็กใหม่มันไม่ดีนะ พวกเราทุกคนล้วนมีสถานะเป็นของตนเอง”
พวกอันธพาลพากันตะโกนและหัวเราะลั่น
“ใช่ ใช่แล้ว พวกเราล้วนมีสถานะ”
“มันถึงเวลารุ่งเรืองแล้ว”
“ออกไปจากที่นี่ซะ! ครั้งต่อไปข้าจะหักขาเจ้าทิ้งแน่!”
คนงานคนใหม่วิ่งหนีออกไปด้วยความตกใจ
“รีบวิ่งไปบอกนายน้อยและเจ้าของร้านคนเก่า และบอกพวกเขาว่ามีคนจะมาทุบร้าน” อาฟูพูดเสียงเบา ๆ คนงานคนใหม่พยักหน้าตอบและรีบวิ่งไป
สุดท้าย เหลือเพียงคนงานเก่าแก่ที่ได้รับการสั่งสอนจากเจ้าของร้านคนเก่า ส่วนคนอื่นยังคงยืนอยู่กับที่
……
……
ลั่วอู๋และเจ้าของร้านคนเก่ารีบวิ่งเข้ามาทันทีที่ได้รับข่าว
“ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ท่านเปิดร้านประเภทไหน ถ้าไม่มีอะไรก็ปิดไปได้แล้ว!” หวันเฟยยิ้มเยาะเย้ยและพวกอันธพาลแสดงสีหน้าอันชั่วร้าย
อาฟูและเสี่ยวชาพูดด้วยความเป็นมิตร แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ พวกเขากลับถูกดูถูกตลอดเวลาอย่างท่วมท้น
พวกอันธพาลเริ่มหมดความอดทน ดูเหมือนว่าหากพวกเขาไม่เห็นด้วย และเริ่มที่จะทำลายข้าวของ
“เกิดอะไรขึ้น” ลั่วอู๋เดินเข้ามา
เมื่ออาฟูเห็นลั่วอู๋ เขาสูดลมหายใจลึกราวกับว่าเขารู้สึกโล่งอกแล้ว พวกเขากระซิบที่หูของลั่วอู๋ “นายน้อย คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาล”
“ข้าเห็นแล้ว เดี๋ยวข้าจัดการเอง” ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น
อาฟู และเสี่ยวชา ถอยออกไปอีกฝั่งหนึ่ง
หวันเฟยเหลือบมองลั่วอู๋ “ท่านเป็นเจ้าของร้านงั้นหรือ ร้านนี้มันอะไรกัน ทำไมถึงไม่เห็นมีอะไรขายเลย”
พวกอันธพาลจ้องไปที่ลั่วอู๋
“นายท่านต้องการอะไรงั้นหรือ” ลั่วอู๋พูดอย่างไม่กลัว
หวันเฟยแสดงสีหน้าดูหมิ่นออกมาอย่างชัดแจ้ง “อันดับแรก ข้าต้องการยาวิญญาณ 100 ขวด”
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
วัสดุของยารวบรวมพลังวิญญาณได้เสียหายไปนานแล้ว
ดังนั้น ศาลาไป่หยู่ไม่ได้ขายยารวบรวมพลังวิญญาณเป็นเวลานานมากแล้ว
“ขออภัยด้วยขอรับ นักเล่นแร่แปรธาตุที่ทำยาไม่ค่อยสบาย ศาลาไป่หยู่ของเราจึงระงับการขายยาชั่วคราว” ลั่วอู๋พูดตอบ
หวันเฟยรู้สึกไม่พอใจและพูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ศาลาไป่หยู่เพิ่งจะรวบรวมยารวบรวมพลังวิญญาณมา และเห็นว่ามันพึ่งถูกขายออกไปต่อหน้าข้า แต่ท่านทำไมบอกข้าว่าไม่มี”
ลั่วอู๋มองไปที่เขา
บุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้ใช้พลังวิญญาณ สามารถใช้ยารวบรวมพลังวิญญาณได้งั้นเหรอ
“หากท่านไม่มียารวบรวมวิญญาณแล้วสัตว์วิญญาณระดับทองล่ะ มีหรือไม่ ร้านของท่านก็แค่ร้านกระจอกๆ” หวันเฟยพูดต่อ
ลั่วอู๋มองหวันเฟย เหมือนกับคนโง่
ชายคนนี้เข้าใจอะไรยากชะมัด
ขนาดร่างกาย นั่นไม่ได้ระบุความสามารถของสมองสักนิด
“ไม่มีขอรับ” ลั่วอู๋พูด
การล่าสัตว์วิญญาณระดับนี้ ต้องล่าโดยพรรคล่าสัตว์ที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้น และราคานั้นสูงมาก การทำมันให้เชื่องก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก และมีไม่กี่คนที่ต้องการซื้อมัน แม้แต่หอคอยหวงชาก็มีสัตว์วิญญาณระดับทองเพียงน้อยนิด
หวันเฟยทุบโต๊ะและชี้ไปที่ตราบนหน้าอกของเขา “ไม่งั้นเหรอ ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นคนของพรรคหวงชาเนี่ยนะ”
“ในเมื่อท่านเป็นสมาชิกของพรรคหวงชา ก็ขอให้ท่านไปซื้อมันที่หอคอยหวงชา แล้วทำไมท่านถึงต้องมาที่ศาลาไป่หยู่ด้วยล่ะ” ลั่วอู๋ตอบ
“หืม!” หวันเฟยกลืนน้ำลายของเขาและเช็ดตราพรรคหวงชาด้วยปลอกแขนของเขา ไม่ให้มีรอยและพูดด้วยความภูมิใจ
“ข้าสามารถซื้อมันได้ทุกที่ที่ข้าต้องการ ทำไมท่านถึงหามาให้ข้าไม่ได้ หลังจากฟังคำพูดของท่านแล้ว ท่านควรยอมรับได้แล้วว่าศาลาไป่หยู่นั้นด้อยกว่าหอคอยหวงชามาก”
ลั่วอู๋ก้มหน้าลงเล็กน้อย “มันเป็นความจริงที่หอคอยหวงชานั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าศาลาไป่หยู่”
“ถูกต้อง!” หวันเฟยยกนิ้วโป้ง “ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเดินไปยังประตูร้านและตะโกนขึ้นสามครั้งว่า “ศาลาไป่หยู่ไม่เห็นจะดีเท่าหอคอยหวงชาเลย” ถ้างั้นข้าจะให้อภัยร้านของท่านละกัน”
สีหน้าของคนในศาลาไป่หยู่เปลี่ยนไปอย่างมาก
นี่คือการฆาตกรรมชัด ๆ
ถ้าเกิดนายน้อยตะโกนออกมา ศาลาไป่หยู่ก็คงไม่สามารถตั้งตัวขึ้นมาได้อีก
มันคือความอัปยศที่น่าขัน
ลั่วอู๋ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า”ถ้าข้าไม่ทำล่ะ”
“ไม่หรอ” หวันเฟยยิ้มอย่างน่ากลัว และพวกอันธพาลข้างหลังเขาดูอารมณ์ร้อนขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ท่านจะให้ร้านนี้ถูกพวกข้าทุบทิ้งหรือว่าท่านจะปิดร้านนี้โดยเร็วล่ะ”
ตาของลั่วอู๋หรี่ลง
หาเรื่องกันงั้นเหรอ
มันไม่ใช่การทะเลาะวิวาท แต่มันคือแผนการมาตั้งแต่ต้น
ถึงแม้ศาลาไป่หยู่จะปิดตัวลง ตราบใดที่ปัญหาทั้งหมดเกิดจากข้อพิพาททางธุรกิจ มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ตระกูลลั่วโกรธเลยแม้แต่น้อย
หอคอยหวงชามักมีปัญหาบ่อยเกินไปแล้ว
“ว่าไง! ท่านได้ยินข้าไหม” หวันเฟยตะโกน
พวกอันธพาลแสดงความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทุบทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ลั่วอู๋วางมือลงบนไหปีศาจ และพูดด้วยเสียงที่เบา “ดูเหมือนว่าท่านมาที่นี่เพื่อหาเรื่องใช่ไหม ข้าพูดถูกหรือเปล่า”
มันเป็นเพียงพวกอันธพาล
“เจ้าอยากได้หรือไม่เล่า” หวันเฟยยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหลั่วอู๋อย่างมาก
ทันใดนั้น ได้มีคนสองคนเดินออกมาจากฝูงชน คนหนึ่งพันผ้าโพกหัวสีขาวบนหัวของเขา และอีกคนหนึ่งสวมผ้าคลุมสีดำบนใบหน้า ทั้งคู่มีลมหายใจที่ร้อนระอุรุนแรง ทำให้ฝูงชนคนอื่นรู้สึกถึงแรงกดดัน
ระดับเงิน มิติที่ 10!
ทั้งคู่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติที่ 10
Related