บทที่ 59
นกหน้าโง่ที่ขายไม่ได้
ลั่วอู๋ถูกนำทางไปยังศาลาหลักของคฤหาสน์ชวนเทียน
มันเป็นสถานที่เฉพาะสำหรับสมาชิกระดับสูงภายในคฤหาสน์ชวนเทียนเท่านั้นที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ แต่เขาได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งผู้ดูแลอันดับเจ็ดอย่างหวังฉีและหลงเลินชาน ต่างก็กำลังวิตกกังวลอย่างหนัก
“น้องชายลั่ว รีบหน่อย ขอให้พวกข้าดูภูตดอกไม้หน่อยเถอะ” ทั้งหวังฉีและหลงเลินชาน รอคอยไม่ไหวจนพูดออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางโกหกพวกเขาแน่
แต่ท้ายที่สุดการได้เห็นก่อนก็น่าจะดีที่สุด
ลั่วอู๋พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาถ่ายเทพลังวิญญาณลงในไหปีศาจแล้วเปิดใช้งาน เขาแตะมือของเขาลงไป จากนั้นแสงสีชมพูก็ส่องออกมา
แสงและกลิ่นหอมของดอกไม้ค่อย ๆ ลอยออกมา
ดอกไม้สีชมพูขนาดเท่ากับดอกบัวบาน โผล่ขึ้นมาแล้วบานออกช้า ๆ ปรากฏร่างของภูตอันแสนน่ารักสวมกระโปรงสีชมพูขนาดเล็ก สายตาของมันสับสนและดูสดใส
ปีกอันใสสะอาดของมันสั่นเบา ๆ อากาศดูเหมือนว่าจะมีละอองเกสรหวานกระจายไปทั่ว พร้อมกับเพิ่มความหนาแน่นของพลังวิญญาณในห้องรับรองนี้
ภูตดอกไม้ลอยอยู่ในอากาศอย่างไร้กังวลมันมองไปรอบ ๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่ารักและละเอียดอ่อน แม้ว่าจะมีคนดูอยู่ไม่กี่คนก็ตาม
ภูตดอกไม้
สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เกิดจากดอกไม้วิญญาณ
หวังฉีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเก็บสายตาอันตื่นเต้นของเขาไว้ “นี่มันสุดยอดไปเลย มันเป็นภูตดอกไม้จริง ๆ มันเป็นภูตดอกไม้ของจริงแน่นอน”
“เจ้าหนูลั่ว ได้โปรดเอาภูตดอกไม้ของเจ้าขึ้นประมูลในโรงประมูลของเราเถอะ” หลงเลินชาน กล่าวอย่างจริงจัง
ลั่วอู๋พูดพร้อมกับยิ้มว่า “การที่ข้าเอาภูตดอกไม้ออกมาก็เพราะจะทำแบบนั้นแหละ”
“ขอบคุณ เจ้ามากน้องชายลั่ว เรื่องนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อคฤหาสน์ชวนเทียนของพวกเรา”หวังฉีพูดออกมาด้วยความซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ท่านหวังฉีข้ายินดี”
ลั่วอู๋พูดอย่างสุภาพ
ภูตดอกไม้กำลังลอยล่องอยู่ในห้องสักพัก จากนั้นก็ตกลงบนบ่าของลั่วอู๋ มันดูกระสับกระส่ายเล็กน้อยและแสงไฟในร่างก็ดูเหมือนจะสลัวลง
“อา”
ภูตดอกไม้ส่งเสียงออกมา
แต่มันก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ดังนั้นมันจึงตะโกนได้แต่แบบนี้เท่านั้น
เสียงของมันเย็นชาและดูไม่มีตัวตนเหมือนกับเครื่องดนตรี
“เจ้าหิวแล้วสินะ” ลั่วอู๋อารมณ์เสียเล็กน้อย
ภูตดอกไม้ไม่ได้สนใจยารวบรวมพลังวิญญาณ เขาจึงไม่รู้ว่าจะหาอะไรให้มันกิน
“ภูตดอกไม้กินแต่น้ำทิพย์บริสุทธิ์เท่านั้น มิฉะนั้นมันจะสูญเสียพลังวิญญาณของมัน มันคงจะดีกว่าถ้าน้องชายลั่ว ฝากมันไว้กับพวกเราก่อน” หวังฉีฝืนพูดออกมาอย่างปวดใจ เขาเคยได้ยินบางคนเคยพูดว่าภูตดอกไม้นั้นไม่สามารถหิวได้
“ได้เลย ” ลั่วอู๋พูด
หลงเลินชานรีบไปเรียกผู้ปรับแต่งระดับสูงหลายคนในคฤหาสน์ชวนเทียน ให้มาช่วยดูแลภูตดอกไม้ เขาต้องการให้ภูตดอกไม้ได้รับการปฏิบัติขั้นสูงสุด
จากนั้นเมื่อจัดการเสร็จไปเรื่องหนึ่งแล้วลั่วอู๋ก็ปล่อยแร้งทรายกลายพันธุ์ออกมา
นกหน้าโง่ก็ยังกวนประสาทเหมือนเดิม มันยกคอขึ้นกางปีกสีขาวหิมะออกมาเหมือนภูมิใจในตัวเองมาก
“ข้าต้องการขายไอ้นกหน้าโง่นี่ด้วย” ลั่วอู๋พูดขึ้น
นกหน้าโง่นั้นโมโหมาก
เจ้าต้องการขายข้า
ไอ้เจ้ามนุษย์ ครั้งก่อนคือครั้งสุดท้ายที่ข้าจะยอมเล่นตามเจ้า คราวนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าออกมาขายอีกงั้นสินะ
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม!”
นกหน้าโง่กระพือปีกและจิกไปที่ลั่วอู๋อย่างโกรธเกรี้ยวด้วยจะงอยปากของมัน
ลั่วอู๋ เองก็เป็นคนใจร้อน เจ้านกโง่แกไม่คิดจะเสนอหน้ามาดี ๆ บ้างเลยสินะ แกกล้าจิกข้าต่อหน้าผู้ใหญ่สองคนนี้ ข้าก็จะไม่ทนเจ้าอีกต่อไปแล้ว
เขาตะโกนเรียกต้าหวงออกมาทันทีและให้มันกำราบนกหน้าโง่ให้หนัก
“แกว๊ก …”
นกหน้าโง่ที่ถูกกระแทกกับพื้นส่งเสียงโหยหวนดังลั่น
ท้ายที่สุดมันก็อยู่อย่างสงบในอาคารและหมดสภาพเกินกว่าจะมีแรงบิน
“เจ้าไม่พอใจรึไง” ลั่วอู๋ถาม
นกหน้าโง่พยักหน้า
ทำให้ลั่วอู๋ประทับใจแปลก ๆ
หลงเลินชานและหวังฉี ต่างก็สนุกสนานไปกับการทะเลาะของทั้งคู่
แร้งทรายกลายพันธุ์ตัวนี้เองก็น่าสนใจมากเช่นกัน
รอยยิ้มของลั่วอู๋ดูเขินอาย “ท่านหวังฉี ท่านเห็นใช่ไหม มีที่ไหนไหมที่ข้าจะสามารถเก็บไอ้นกหน้าโง่เจ้าอารมณ์นี่ไปได้บ้าง มันหยิ่งยโสเกินไป”
“ข้าเข้าใจ” หวังฉีหัวเราะแล้วมองไปที่ต้าหวง “ว่าแต่น้องชายลั่ว ทำไมเจ้าถึงเลือกสุนัขชาชีที่ดูธรรมดา ตัวนี้เป็นคู่หูตัวแรกงั้นหรือ “
สุนัขชาชีนั้นมีหลายชนิด หวังฉีไม่แน่ใจว่าต้าหวงเป็นชนิดใด แต่เขาแน่ใจว่ามันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับทองแดงเท่านั้น
ต้าหวงแลบลิ้นออกมาแล้วเดินมาทางด้านข้างลั่วอู๋
“มันเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์น่ะ” ลั่วอู๋ลูบหัวต้าหวง
ซึ่งต้าหวงก็เพลิดเพลินไปกับการลูบหัวของลั่วอู๋
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์ ต้าหวงอยู่กับเขามาตั้งแต่ลั่วอู๋อายุสามขวบ เขาจะยอมปล่อยให้มันตายไปอย่างเดียวดายได้อย่างไร
หวังฉีเดินขึ้นไปตรวจดูนกหน้าโง่ สีหน้าของเขาดูจริงจังเล็กน้อย “แปลก”
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ” หลงเลินชาน ถามหวังฉี
หวังฉีสับสน “ข้าไม่สามารถสร้างพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณตัวนี้ได้”
หากเขาต้องการจะประมูลมัน เขาจะต้องทำพันธสัญญาอีกครั้งเพื่อสร้างแผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณ มันจะค่อนข้างอ่อนแอและมีผลผูกพันเล็กน้อย
แต่อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่านกหน้าโง่จะไม่ไปทำร้ายผู้คนในโรงประมูล
“ไม่จริงน่า” หลงเลินชาน ก้าวไปข้างหน้าและพยายามที่จะทำพันธสัญญาบ้าง แต่เขาเองก็ล้มเหลวเช่นกัน
มันเป็นเรื่องแปลกประหลาด
นกหน้าโง่นั้นก็สงบลงอย่างเห็นได้ชัด
ในกรณีนี้มันควรจะเป็นเรื่องง่ายมากที่ทำพันธสัญญาเพื่อสร้างแผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณ
“รอเดี๋ยว ข้าจะไปเรียกให้ผู้ปรับแต่งของเรามาตรวจดู” หลงเลินชานนึกถึงคนของคฤหาสน์ชวนเทียนที่มีผู้ปรับแต่งขั้นสูงหลายคน ต้องมีคนที่ทำได้บ้างแหละ
ท้ายที่สุดแล้วผู้ปรับแต่งระดับสูงหลายคน ก็ต้องมาล้อมเพื่อศึกษาแร้งทรายกลายพันธุ์ตัวนี้
เจ้านกหน้าโง่ยืดคอขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
แม้ว่ามันจะถูกตีจนต้องลงไปกองกับพื้น มันก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีความเป็นราชาของตัวเอง
ล้มเหลว
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างพันธสัญญาใหม่กับแร้งทรายกลายพันธุ์ตัวนี้ได้
สิ่งนี้ทำให้ผู้ฝึกสอนอาวุโสหลายคนประหลาดใจ
“น่าจะเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางต้นกำเนิดของมันกลายพันธุ์ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำพันธสัญญาใหม่” ผู้ปรับแต่งระดับสูงที่เก่าแก่ที่สุดคนหนึ่งออกมาอธิบายข้อสรุป
ลั่วอู๋ยกมือขึ้นลูบหน้าผากอย่างลืมตัว
แม้แต่ผู้ปรับแต่งระดับสูงก็ไม่สามารถทำได้อย่างนั้นหรือ
มันเป็นตัวตนที่ทำสัญญาไม่ได้จริงกระนั้นหรือ
“น้องชายลั่วดูเหมือนว่าแร้งทรายกลายพันธุ์ตัวนี้จะต้องอยู่กับท่านต่อไปซะแล้ว” หวังฉียิ้มเฝื่อน ๆ
เขาเองก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์นั้นมีค่ามาก แม้ว่ามันจะไม่สูงเท่าภูตดอกไม้ แต่ราคาประมูลของมันก็ไม่ได้ต่ำ
“นั่นคงจะเป็นวิธีเดียวสำหรับตอนนี้” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
นกโง่มันคงจงใจบิดเบือนจุดต้นกำเนิดของตัวเอง โดยไม่เห็นหัวลั่วอู๋ มันช่างหยิ่งทะนงจนไม่สามารถเข้าใจได้
มันเกลียดชังมนุษย์
มันเลยมีความสามารถในการเลือกเจ้านายด้วยตัวเอง
“ไอ้นกหน้าโง่ นอกจากขายไม่ได้แล้วยังสร้างปัญหาให้ข้าอีก ข้าอยากย่างเจ้าจริงๆ” สีหน้าของลั่วอู๋ดูไม่ดี
ทันทีที่ได้ยินต้าหวงก็นั่งตัวตรงน้ำลายไหลลงมาที่มุมปากของมัน
ร่างกายของนกหน้าโง่สั่นไหวและมันก็พยายามทำตัวดีในทันที
“ อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ คงน่าเสียดายที่จะต้องย่างมัน”
ลั่วอู๋ขว้างนกโง่กลับลงไปในไห
ปล่อยให้นกหน้าโง่ตัวนี้ได้ครอบครองโลกในมิติไหต่อไป
เรื่องวุ่นวายก็จบลงเพียงเท่านี้ ทั้งหวังฉีและหลงเลินชานต่างก็เป็นคนยุ่งมาก พวกเขาต้องเตรียมการสำหรับงานประมูลสินค้า
หวังฉีมอบบัตรดำให้กับลั่วอู๋
ว่ากันว่าบัตรดำใบนี้สามารถช่วยให้ผู้ที่มีมันได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษภายในคฤหาสน์ชวนเทียนได้ทุกสาขาและจะได้รับส่วนลด 10% ในทุกการซื้อ
มันมีค่าเทียบเท่ากับ 500,000 หินวิญญาณ
มันเป็นบัตรสิทธิพิเศษอันล่าสุด
แม้ว่ามันจะเป็นของหวังฉี แต่เขาก็มีมันเพียงแค่สามใบเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ใครกันง่าย ๆ
ถ้าลั่วอู๋ไม่ช่วยเขาแก้ปัญหาใหญ่ในครั้งนี้ เขาก็คงจะไม่ได้บัตรดำนี้
ลั่วอู๋กลับมาที่โรงเตี๊ยมพร้อมกับชายไร้หน้าและหลี่หยิน
ทันทีที่เขากลับมาถึงโรงเตี๊ยม ลั่วอู๋ก็ขังตัวเองไว้ในห้องของเขา
เขาหยิบคัมภีร์ ซึ่งมีสำเนาของคัมภีร์วิชาผีเสริมกระดูกออกมา เขาวางแผนที่จะพยายามเรียนรู้มัน