บทที่ 88
จินฉาน
พื้นที่โล่งขนาดใหญ่ของศาลาไป่หยู่ ถูกจัดแจงเอาไว้
ฝูงชนเริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนตั้งตารอคอยที่จะได้การวัดฝีมือระหว่างอาจารย์หงในตำนานและเจ้าของร้านศาลาไป่หยู่ ลั่วอู๋ผู้เลื่องชื่อ
บนพื้นที่โล่งมีโรงเรือนชั่วคราวขนาดเล็กสองหลังสร้างขึ้น และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับผู้ปรับแต่งเองก็ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่
โดยในระหว่างที่มีการประลองกัน กลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณของทีมหวงชาและทีมคมมีดจะคอยดูแลพวกเขา ป้องกันไม่ให้ผู้คนสามารถเข้ามารบกวนการประลองได้
เหตุผลในการสร้างโรงเรือนชั่วคราวนั้นง่ายมาก มันคือการสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการประลองใหม่ เพื่อป้องกันการโกง
“ท่านต้องการจะประลองแบบไหนล่ะ” ลั่วอู๋ถาม
ท่านอาจารย์หงกล่าวว่า “มันง่ายมาก พวกเราจะทำการประลองกันแบบตัดสินที่แพ้ชนะสามนัด เจ้าจะชนะก็ต่อเมื่อชนะการประลองสองครั้ง ในรอบแรกข้าจะประลองกับเจ้า ในด้านการปรับแต่งขั้นพื้นฐานที่สุด พวกเราจะเลือกชนิดของสัตว์วิญญาณมา ใช้เวลาปรับแต่งเพียงหกชั่วโมง เพื่อดูว่าใครจะสามารถปรับแต่งออกมาได้ทรงพลังกว่ากัน”
“ทรงพลังที่เจ้ากำลังพูดถึงหมายถึงอะไร พัฒนาต้นกำเนิดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ หรือพัฒนามิติให้สูงขึ้นหรือมีประสิทธิภาพโดยรวมมากขึ้น?” ลั่วอู๋ถาม
ท่านอาจารย์หงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้องเปรียบเทียบที่ประสิทธิภาพโดยรวมอยู่แล้วสิ”
“ได้เลย” ปากของลั่วอู๋ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เนื่องจากเนื้อหาของการประลองนั้นขึ้นอยู่กับเจ้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็ควรจะได้ตัดสินใจว่าจะเลือกสัตว์วิญญาณชนิดไหน ตกลงไหม?”
“อะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ” ท่านอาจารย์หงดูจะไม่ได้กังวลอะไร
ลั่วอู๋หัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นข้าขอเลือกกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ”
“กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ?” ท่านอาจารย์หงดูตกใจเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดราวกับว่าเขาดูถูกมันอยู่
ฝูงชนต่างตะโกนกู่ร้องใส่กัน
ด้วยกระต่ายเป็นสัตว์ที่อ่อนแอที่สุด การทดสอบนี้ขึ้นอยู่กับทักษะในการปรับแต่งมากเกินไปแล้ว
พวกเขาจะต้องทำให้กระต่ายแห่งแดนสาบสูญแข็งแกร่งขึ้น
นั่นมันเยี่ยมมาก เยี่ยมมาก
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า ?” ลั่วอู๋ถาม
ท่านอาจารย์หงแสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องการปรับแต่งสัตว์วิญญาณที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้สักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเจ้าต้องการให้ใช้มัน งั้นข้าขอให้เจ้าเตรียมกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ ให้ข้า 100 ตัว”
100 ?
ผู้คนต่างก็งงงวยว่าจะเอามาทำไมตั้งมากมาย
การปรับแต่งนั้นมีความเสี่ยง หากทำลงไปอย่างไม่ระมัดระวังอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์วิญญาณ ซึ่งมันเป็นธรรมดาเพื่อที่จะได้ผลลัพธ์อันแข็งแกร่ง ผู้ปรับแต่งต้องใช้วิธีการต้องห้ามบางอย่างที่อาจจะทำให้เกิดความล้มเหลว จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าต้องมีการสำรองสัตว์วิญญาณเอาไว้บ้าง
แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสำรองไว้เยอะขนาดนั้นรึเปล่า
“เตรียมมาให้เขา” แววตาของลั่วอู๋แสดงถึงการครุ่นคิด ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาพูดด้วยความรู้สึกสยอง “เจ้าคิดจะใช้วิธี ‘จินฉาน’ อย่างนั้นสินะ”
“เจ้าเข้าใจได้ไวดีนี่” ท่านอาจารย์หงพูดอย่างภูมิใจ
วิธีการเลี้ยงจินฉาน
มันเป็นวิธีการคัดสรรที่โหดร้าย
ผงพิเศษจะถูกใช้เพื่อกระตุ้นต้นกำเนิดของสัตว์วิญญาณ ทำให้มันสูญเสียจิตสำนึกโดยธรรมชาติของมันและกลายเป็นสัตว์โหดร้ายกระหายเลือด จากนั้นก็ปล่อยให้กลุ่มสัตว์วิญญาณฆ่ากันเองกินกันเอง
ด้วยวิธีนี้สัตว์วิญญาณที่มีชีวิตอยู่จนถึงตัวสุดท้ายจะเป็นราชาที่แข็งแกร่งที่สุด
แน่นอนค่าใช้จ่ายในการทำจินฉานนั้นสูงมาก แต่ราชาที่ได้ออกมาจากการฝึกฝนด้วยวิธีนี้นั้นจะทรงพลังมาก ดังนั้นมันจึงเป็นที่นิยมอยู่ช่วงหนึ่ง
แต่ต่อมาเขาก็ได้ยินว่าความนิยมในวิธีการนี้นั้นหายไปแล้ว
ไม่มีคนที่ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดในฝูงชน ในไม่ช้าทุกคนก็รู้กันในทันทีว่าท่านอาจารย์หงต้องการจะใช้วิธีการจินฉาน
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วอึดอัดในใจ แม้จะลังเลมานานแต่ยังไม่ได้พูดอะไร “เอากระต่ายแห่งแดนสาบสูญมาให้ข้าสิบตัวและปีศาจยาหลงด้วย”
ผู้คนต่างงงงวย
เขาจะเอาปีศาจยาหลงมาทำอะไร ในเมื่อเขาต้องปรับแต่งกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
ท่านอาจารย์หงหงุดหงิดราวกับกำลังคิดจะหนีไปทางอื่น
ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่ามีปีศาจยาหลงในศาลาไป่หยู่ หลายคนรู้ว่าทีมคมมีดครั้งหนึ่งเคยจับปีศาจยาหลงมาได้ถึงสองตัว
แต่ปีศาจยาหลงจะสามารถช่วยเหลือในการปรับแต่งกระต่ายแห่งแดนสาบสูญได้งั้นเหรอ?
ในที่สุดสายตาของสาธารณชนก็รวมไปในที่เดียว เมื่อการประลองเริ่มขึ้น
ลั่วอู๋และอาจารย์หงนำสัตว์วิญญาณเข้าไปในโรงเรือนเล็กตามลำดับ กระบวนการปรับแต่งนั้นถือเป็นความลับและไม่ได้รับอนุญาตให้สามารถดูได้จากภายนอก
ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่รอข้างนอก
หลังจากเข้ามาในโรงเรือนแล้วท่านอาจารย์หงก็เริ่มนำสมุนไพรพิเศษหลายสิบชนิดมาบดให้ละเอียดและบางครั้งก็เสริมด้วยวิธีลับ ๆ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา
แสงสีแดงอันคลุมเครือก็เริ่มควบแน่นในเครื่องบด แสงแวบวับส่องประกายแวววับในสายตาของอาจารย์หงและเขาก็เอากริชออกมา
เขาหยิบกริชมาแล้วกรีดข้อมือของตนเอง
เลือดสด ๆ ไหลออกมาเหมือนโรยแป้ง
ลมหายใจของอาจารย์หงอ่อนแอลงอย่างมาก แต่ดวงตาของเขาก็แสดงออกถึงความพึงพอใจ
เลือดถูกนำมาใส่จาน มันเปล่งประกายแวววาว จากนั้นของเหลวสีแดงระยิบระยับก็ถูกบรรจุลงในเครื่องบด เกิดไอเลือดฟุ้งออกไปทั่วทั้งโรงเรือน
มันดึงดูดเสียงอุทานจากโลกภายนอก
เหยาเฉิง!
ท่านอาจารย์หยิบผงเลือดมาโปรยกระจายแบบสุ่มบนเหล่ากระต่ายแห่งแดนสาบสูญในกรง กระต่ายเหล่านั้นเริ่มพยายามจะหนีด้วยความตื่นตระหนก
แต่ในไม่ช้าพวกมันก็หยุดตื่นตระหนก
ดวงตาสีแดงของพวกมันกลายเป็นสีแดงที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอันโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจอธิบายได้ ความกระหายเลือดถูกเพิ่มลงไปในร่างกายของพวกมัน
ในโรงเรือนที่อาจารย์หงทำการปรับแต่งอยู่ มีเสียงของการฉีกขาดอย่างรุนแรงและเสียงแผดต่ำซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกและหวาดกลัว
ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่ง
ห้องของลั่วอู๋นั้นค่อนข้างเงียบ
มันเงียบมากจนไม่มีร่องรอยของเขาอยู่
บางคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าลั่วอู๋หลับไปแล้วรึเปล่า?
แน่นอนว่าลั่วอู๋ไม่ได้หลับเขาเพิ่งเอากระต่ายแห่งแดนสาบสูญและปีศาจยาหลง ใส่ลงไปในไหปีศาจ
ณ มิติในไห
ตั้งแต่ที่เจ้านกหน้าโง่ได้ออกไป ก็ไม่มีกลุ่มแร้งทรายบินอยู่บนท้องฟ้า อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะแร้งทรายนั้นเป็นสัตว์ที่อยู่อย่างสันโดษ
ลั่วอู๋เริ่มการ“ปรับแต่ง” ของเขาเอง
ส่วนประสานสังเคราะห์
ในมิติไหที่นี่มีสัตว์กระหายเลือดระดับทอง ทักษะคลุ้มคลั่งของมันได้รับการลงตราและสัตว์กระหายเลือดก็ได้สูญเสียมูลค่าในการใช้งานไป
ลั่วอู๋ใส่สัตว์กระหายเลือดเข้าไปในส่วนต่อประสานการสังเคราะห์โดยตรงและสังเคราะห์มันเข้ากับกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
การสังเคราะห์ประสบความสำเร็จ
[ได้รับสัตว์วิญญาณระดับทอง สัตว์ร้ายกระหายเลือด แต้มเซียน + 50]
ก็นะ
นี่ยังไม่ใช่ที่เขาต้องการ
ลั่วอู๋ขว้างสัตว์ร้ายกระหายเลือดลงไปใหม่แล้วใส่กระต่ายแห่งแดนสาบสูญตามลงไป
การสังเคราะห์ประสบความสำเร็จ
[ได้รับ สัตว์วิญญาณระดับทองแดง กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ (ผู้นำ), แต้มเซียน + 20]
ลั่วอู๋รู้สึกยินดีเล็กน้อย
ถูกต้อง ใช่แล้ว
เมื่อช่องว่างระหว่างต้นกำเนิดของสัตว์วิญญาณ ทั้งสองมีมากเกินไป ตัวที่อ่อนแอจะกลายเป็นระดับที่สูงขึ้นได้ง่าย ยิ่งมีช่องว่างมากเท่าไหร่ระดับการเสริมพลังก็จะยิ่งชัดเจน
หากใช้สัตว์วิญญาณระดับทอง ในการสังเคราะห์เขาจะได้รับ กระต่ายแห่งแดนสาบสูญที่มีคุณสมบัติ ผู้นำอย่างแน่นอน
กระต่ายแห่งแดนสาบสูญที่มีคุณสมบัติของผู้นำนั้นมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของกระต่ายแห่งแดนสาบสูญทั่วไปและการรับรู้ของมันเองก็คมชัดเป็นพิเศษ และมีออร่าแสงสีทองจาง ๆ
“ระดับผู้นำ น่าจะสูงกว่าระดับจ่าฝูงรึเปล่านะ ? ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีระดับไหนที่เหนือไปกว่าระดับผู้นำนี้อีก” ลั่วอู๋พูดกับตัวเอง
หลังจากลังเลสักครู่ลั่วอู๋ก็พร้อมที่จะลองใหม่
“ไม่ว่าจะเกิดการสูญเสียแบบไหนมันก็เป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับทองที่ข้ายังสามารถจ่ายได้”
ลั่วอู๋โยนกระต่ายแห่งแดนสาบสูญลงไปในส่วนประสานการสังเคราะห์อีกครั้ง จากนั้นลั่วอู๋ก็โยนปีศาจ ยาหลงเข้าไป
มันถูกสังเคราะห์อีกครั้ง
ทันใดนั้นมีการสั่นสะเทือนที่เห็นได้ยากก็เกิดขึ้นในส่วนประสานสังเคราะห์
พลังวิญญาณของลั่วอู๋ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ส่วนต่อประสานสังเคราะห์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนประสานสังเคราะห์ดูเหมือนจะกลายเป็นหลุมลึกที่กลืนกินพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
ทว่ากลับไม่มีความตื่นตระหนกในใบหน้าของลั่วอู๋
เขาประสบกับสถานการณ์แบบนี้แล้วสองครั้ง และคราวนี้เป็นครั้งที่สาม
ครั้งแรกคือตอนที่เขาทำแมวผีขึ้นมาจากสมุนไพรธรรมดา
ครั้งที่สองคือภูตดอกไม้ที่ทำจากสัตว์วิญญาณระดับทองแดงสองตัว
เวลานี้
ลั่วอู๋มั่นใจแล้วว่ามันกำลังจะเกิดเป็นความประหลาดใจอันยิ่งใหญ่ที่เขาคาดไม่ถึง