บทที่ 92
ข้อจำกัด
อินทรีมังกรเพลิง
ร่างของมันไม่ใหญ่ มันสูงเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของคนเท่านั้น ปีกของมันมีสีดำเช่นเดียวกับหินแร่เหล็ก แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากที่สุดก็คือเปลวไฟสีแดงอันรุนแรงที่ปีกของมัน
เปลวไฟสีแดงที่น่ากลัวนั้นร้อนมากจนสามารถหลอมเหล็กให้เหลวได้อย่างง่ายดาย
ได้มีการกล่าวกันว่าพวกมันมีสายเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่จึงถูกเรียกว่าอินทรีมังกรเพลิง
“เจ้านี่แหละ” หลิวหูพูด
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “อินทรีมังกรเพลิง ท่านแน่ใจหรือว่าต้องการจะเลือกมัน ถึงมันจะแข็งแกร่งก็จริง แต่นกอินทรีกับงูเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ พวกมันไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอ”
นกอินทรีและงูเป็นศัตรูกันอย่างแท้
โดยปกติแล้วผู้ใช้พลังวิญญาณไม่ได้เลือกสัตว์วิญญาณโดยคำนึงถึงความแข็งแกร่ง แต่จะเลือกสัตว์วิญญาณโดยคำนึงถึงความเข้ากันกับตัวเอง
หากสัตว์วิญญาณทั้งสองตัวของพวกเขาเป็นศัตรูกัน ความแข็งแกร่งในการร่วมมือกันก็คงจะลดลงอย่างมาก
“ใช่ข้าแน่ใจ” หลิวหูพยักหน้า
ความสับสนเล็กน้อยเกิดขึ้นในดวงตาของลั่วอู๋เขาพูด “อย่างน้อยก็บอกข้าหน่อยว่าทำไมท่านถึงเลือกมัน ข้าไม่คิดว่ามันจะเหมาะกับท่าน”
“มันแข็งแกร่ง!” หลิวหูพูด
อินทรีมังกรเพลิงเป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่ทรงอำนาจที่สุดในระดับทอง
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ถึงมันจะแข็งแกร่ง, แต่ท่านก็ควรรู้ว่าบางครั้งสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับท่านที่สุดเสมอไป”
มันไม่จำเป็นที่ต้องแสวงหาแต่ความแข็งแกร่ง
“แต่มันมีพลังในการต่อสู้สูงนะ” หลิวหูพูดเบา ๆ
ความสับสนปรากฏระหว่างคิ้วของลั่วอู๋ มันดูเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อะไรคือพลังในการต่อสู้สูงกัน? นี่คือสัตว์วิญญาณที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
ไม่ว่าเขาจะเลือกสัตว์อะไร มันก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้ใช้พลังวิญญาณ
เมื่อคิดดูดีๆ ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็เข้าใจและเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มอันขมขื่น “ท่านเลือกเพราะคำนึงถึงการต่อสู้ครั้งนี้ใช่ไหม?”
หลิวหูพยักหน้า “อินทรีมังกรเพลิงสามารถบินบนท้องฟ้าได้และความเร็วของมันก็เร็วมาก มันมีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว นอกจากนี้สัตว์วิญญาณในพื้นที่ป่าหวงชา ส่วนมากจะเป็นงู แมลงและกิ้งก่า การโจมตีด้วยทักษะไฟของอินทรีมังกรเพลิง สามารถชนะทางสัตว์วิญญาณเหล่านั้นได้”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าเลือกมันเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
หลิวหูพยักหน้า “ใช่ ข้ารู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้มีความสำคัญมาก หากเจ้าแพ้การสูญเสียที่เจ้าต้องได้รับมันใหญ่เกินไป”
หลิวหูไม่ได้เลือกอินทรีมังกรเพลิงเพื่อตัวเขาเอง
เขาเลือกเพราะอยากให้ลั่วอู๋ชนะการประลอง
ลั่วอู๋พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากตบไหล่หลิวหู “ไม่ต้องกังวลไปน่า ข้าจะชนะแน่นอน ท่านสามารถเลือกสิ่งที่ท่านต้องการจริงๆได้เลย”
ผู้คนรอบ ๆ ของพรรคหวงชา ต่างก็รู้สึกโกรธเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้
เด็กคนนี้ช่างโอหัง
อาจารย์หงนั้นเป็นถึงหัวหน้าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณของหอคอยหวงชา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์หงผู้นั้น เขาคนนี้กลับกล้าพูดเช่นนี้
แม้แต่ลูหยางพิงเองก็เปลี่ยนท่าทางจากที่ไม่แยแสต่อสิ่งต่าง ๆ เป็นมองดูลั่วอู๋อย่างไม่พอใจเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามลูหยางพิงนั้นก็มีความมั่นใจสูงในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง เขาจึงไม่คิดอะไรมากอยู่ดี
ท่านสามารถเลือกสิ่งที่ท่านต้องการจริงๆได้เลย
หลังจากได้ยินสิ่งที่ลั่วอู๋พูด ในที่สุดหลิวหูก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
เขาเดินออกไปอีกครั้ง โดยคราวนี้เขามองไปที่แมงป่องพิษยักษ์
มันเป็นแมงป่องขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยสีดำสนิท มันมีสี่ขาและสองก้าม ตะขอพิษที่ด้านหลังตั้งตรง มันสูงยิ่งกว่าคนสองคน ร่างของมันกลืนไปกับความมืดอันน่ากลัว
มันเป็นแมงป่องที่มีพิษ
พิษของสัตว์วิญญาณระดับทอง
พิษของมันร้ายแรงมาก ตะขอพิษอันแข็งแกร่งและทรงพลังไม่เพียงแต่สามารถยิงพิษออกมาได้ แต่ยังมีพลังทำลายล้างสูงและสามารถฉีกเหล็กได้ง่าย ๆ
“ตัวนี้แหละ” หลิวหูนึกถึงมันและอยากจะพูดออกมา
ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักครู่แล้วพยักหน้า
แม้ว่าแมงป่องพิษยักษ์จะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ตะขอพิษของมันนั้นมีพลังมาก ไม่มีใครกล้าที่จะลองดีกับมันในป่า
ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์วิญญาณของหลิวหูสองตัวแรกยังเป็นแมงมุมดอกไม้และงูทมิฬปีกกระดูก
ทั้งสองตัวเป็นสัตว์วิญญาณที่ใช้การโจมตีประเภทพิษ ด้วยการเลือกสัตว์วิญญาณตัวนี้มาร่วมด้วยเหมือนว่าหลิวหูได้ตัดสินใจที่จะมุ่งสู่เส้นทางแห่งผู้ใช้พิษ
“ก็แค่นั้นแหละ” ลั่วอู๋กวักมือเรียกคนงานชายที่อยู่ข้างเขาและพูดว่า “ช่วยข้านำแมงป่องพิษยักษ์ตัวนั้นไปที่โรงเรือนได้รึเปล่า”
คนงานชายข้าง ๆ เขารีบขนส่งแมงป่องพิษยักษ์ในทันที
เนื่องจากลั่วอู๋ได้เลือกสัตว์วิญญาณที่จะทำให้อาจารย์หงได้เปรียบ
ท่านอาจารย์หงเดินเข้ามาจากข้างนอก ดวงตาของเขาก็กวาดไปทั่วห้องโถงและเขาก็เริ่มเลือกสัตว์วิญญาณที่เขาต้องการจะปรับแต่ง
คนงานคนหนึ่งเดินออกมามอบถ้วยชาให้อาจารย์หง
อาจารย์หงรับชานั้นมา จากนั้นเขาก็ตรงไปที่อินทรีมังกรเพลิงและพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าอย่างนั้นข้าจะขอเลือกเจ้านี่เอง”
แล้วคนงานชายผู้นั้นก็ส่งอินทรีมังกรเพลิงไปยังโรงเรือน
ใบหน้าของหลิวหูแสดงถึงความขมขื่น “แย่ชะมัดเจ้านั่นมันดันเลือกนกอินทรีมังกรเพลิงซะได้”
ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมไหนอินทรีมังกรเพลิงก็สามารถบดขยี้แมงป่องพิษยักษ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นสัตว์วิญญาณชนะทางที่แมงป่องพิษยักษ์ไม่มีทางที่จะต่อสู้กลับได้
อินทรีมังกรเพลิงมีความสามารถในการบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่วนแมงป่องพิษยักษ์นั้นมักซ่อนตัวอยู่ตามธรรมชาติ มันจึงเสียเปรียบ การโจมตีด้วยไฟของอินทรีมังกรเพลิงสามารถทำลายเปลือกของแมงป่องพิษยักษ์ได้อย่างง่ายดาย
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันใดนั้นก็รีบไปหยิบถ้วยชาในมือของอาจารย์หง
คนงานชายข้าง ๆ สั่นกลัวและรีบไปหยุดเขา “เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ?”
“หลบออกไปน่า”ลั่วอู๋ผลักคนงานชายออกไป แล้วเปิดฝาถ้วยชาก็พบว่า มีคำเขียนอยู่สามคำว่าแมงป่องพิษยักษ์
ใบหน้าของอาจารย์หงดูหงุดหงิดเล็กน้อย
“น่าสนใจดีนี่” ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยพร้อมยิ้มที่มุมปากของเขา “ท่านอาจารย์หง เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงเอ่ย?”
ถ้วยชานั้นได้เปิดเผยตัวเลือกสัตว์วิญญาณของลั่วอู๋
เพื่อให้อาจารย์หงสามารถเลือกสัตว์วิญญาณที่ชนะทางมาปรับแต่งได้
คดโกงกันหน้าด้าน ๆ
อาจารย์หงตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาว่า “ข้ายังไม่ทันเห็นคำในถ้วยชาเลย ข้าเลือกอินทรีมังกรเพลิง เพราะมันรู้สึกว่าทรงพลัง”
“แก้ตัวแบบนี้เนี่ยนะ ไปเลือกมาใหม่เลย!” หลิวหูโวยวาย
หากลั่วอู๋ไม่เอะใจเกี่ยวกับถ้วยน้ำชา
เขาคงจะแพ้การประลองไปโดยปริยาย
ในเวลานี้ดวงตามีสายตาของผู้แข็งแกร่งหลายจ้องมองมาที่ร่างของหลิวหู เขาได้แต่มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังและลดเสียงของเขาลง “ที่นี่มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงอยู่อย่างน้อยสี่คน ระวังตัวไว้นะนายน้อย”
แม้ว่าทีมหวงชาจะไม่กล้าโจมตีลั่วอู๋อย่างเปิดเผย
แต่ถ้าลั่วอู๋มีปัญหา พวกเขาก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะ “ลงโทษสักเล็กน้อย”
มีประกายความโกรธในดวงตาของลั่วอู๋ แต่ในไม่ช้ามันก็ถูกสงบลง เขาพูดอย่างใจเย็น “มันไม่สำคัญหรอก ข้าทำได้ดีกว่านี้”
หลิวหูประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่มีทาง … “
อาจารย์หงรู้สึกโกรธมาก
นี่ไม่ต่างไปจากการหักหน้าเขา
ในกรณีนี้เหมือนกับว่าลั๋วอู๋ตอกหน้าอีกฝ่ายว่า เขาไม่จำเป็นต้องเลือกสัตว์วิญญาณใหม่อีกครั้ง จากนั้นเขาพูดออกมาเบา ๆ
“อย่ากังวลไปเชื่อใจข้าเถอะ” ลั่วอู๋พูดกับหลิวหูแล้วหันไปมองอาจารย์หง “เจ้ายังต้องการที่จะประลองทั้ง ๆ อย่างนี้ต่อไปไหม”
“โอหังนัก ถ้าเจ้าต้องการประลองทั้ง ๆ แบบนี้ ข้าก็จะไม่ห้าม” ท่านอาจารย์หงพูดอย่างเย็นชา
ปากของลั่วอู๋ยกขึ้นเล็กน้อย “งั้นก็มาประลองกัน แต่ข้าขอเลือกสัตว์วิญญาณเพิ่มเล็กน้อย”
ลูหยางพิงผู้ซึ่งเฝ้าดูอยู่ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “ทั้งคู่สามารถเลือกได้เพียงตัวเดียวนี่คือกฎ”
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าแค่จะเลือกสัตว์วิญญาณทั่ว ๆ ไปสักสองสามตัวเท่านั้นเอง อีกอย่างข้าพร้อมจะซื้อไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า”
หลังจากพูดจบประโยคลั่วอู๋ก็เริ่มเลือกสัตว์วิญญาณที่เขาต้องการ
ลูหยางพิงยกคิ้วของเขาและกำลังจะคัดค้าน อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าลั่วอู๋เลือกสัตว์วิญญาณระดับต่ำที่ไม่ต่างไปจากขยะ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
นอกจากนี้อีกฝ่ายก็กำลังจ่ายค่าสัตว์วิญญาณเหล่านั้น เขาจึงไม่ได้หยุด
พวกมันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับขยะ เขาจะเอาไปทำอะไรได้