ไหปีศาจ – บทที่ 166 เจ้าต้องการอะไร

ไหปีศาจ

บทที่ 166

เจ้าต้องการอะไร

ศาลาไป่หยู่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักโล่พิทักษ์

แม้ว่าลูกค้าส่วนมากจะไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม แต่ของในร้านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะงั้นใครจะไปสนใจกันละว่าร้านจะชื่ออะไร?

ธุรกิจของสำนักโล่พิทักษ์จึงยังคงเฟื่องฟูเหมือนเคย

อย่างไรก็ตามเมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักโล่พิทักษ์ได้เริ่มทำสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้อีกอย่าง

พวกเขาได้เริ่มทำการคัดเลือกผู้คุ้มกันในพื้นที่สาธารณะ

แต่น่าแปลกใจที่พวกเขารับสมัครเพียงวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง10 -13 ปีเท่านั้น

หากไม่อยากรับผู้ใช้พลังวิญญาณที่ฝึกฝนเสร็จแล้วมาละก็ เขาก็แค่ต้องรับสมัครเด็ก ๆ มาเพื่อฝึกฝนพวกเขา นี่ไม่ใช่การเสียเวลาและพลังงานแต่อย่างใด

อย่างไรภาพลักษณ์ของสำนักโล่พิทักษ์นั้นดีมาก หลายคนจึงเต็มใจที่จะส่งลูก ๆ ของตนมาที่นี่เพื่อลองดูว่าพวกเขาจะเข้าตาคนของสำนักโล่พิทักษ์ได้หรือไม่

กู่ฉวนเป็นเด็กอายุ 13 ปี

เขาดูมอมแมมมือเปื้อนโคลนไม่ต่างไปจากขอทานตัวเล็ก ๆ ร่างกายของเขาดูเหี่ยวเฉาแห้งผาก จนเขาดูไม่เหมือนเด็กอายุ 13 ปี

ที่แย่ที่สุดคือเขาไม่มีแขนขวา

แขนเสื้อด้านขวานั้นว่างเปล่าและแน่นห้อยอยู่ข้างหนึ่ง

แต่ใบหน้าเล็ก ๆ สีเทาของเขาเต็มไปด้วยความอดทน เขามีแรงบันดาลใจในการเข้ามาสมัครเป็นผู้คุ้มกันหน้าประตูสำนักโล่พิทักษ์ เขากล้าที่จะเดินเข้ามาอย่างจริงจัง

“ ขอทานน้อยเจ้ามาจากที่ไหนกัน? ที่นี่ไม่ใช่โรงทาน แต่เป็นที่ของผู้คุ้มกัน” ผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนโบกมือ

กู่ฉวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้ามาที่นี่เพื่อสมัครเป็นผู้คุ้มกัน”

“เจ้าเนี่ยนะ?” ผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนตรวจมองตัวเขาและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ลืมไปเถอะ อย่างเจ้าน่ะแค่โดนลมพัดก็ล้มแล้ว ”

อย่างไรก็ตามกู่ฉวนไม่ยอมเดินออก เขาไม่คิดจะเดินถอยหลังหรือเดินไปข้างหน้า ใบหน้าของเขานอกจากความจริงจังแล้วยังมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าอยู่ลึก ๆ

เขาเหนื่อยมาก

หลังจากเดินทางมานานเขาก็เหนื่อยมาก

“เฮ้ เจ้าตื่นอยู่รึเปล่า ?” ผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนโกรธที่กู่ฉวนปฏิเสธที่จะเดินกลับออกไป

ขณะนั้นเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นมา “ให้เขาลองเถอะ”

ใบหน้าของผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หลายคนถึงกับต้องหันกลับไปพูด “ท..ท่าน ไร้หน้า ”

ไร้หน้าพยักหน้าเล็กน้อย

เขาเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการคัดเลือกหาหน่วยผู้คุ้มกันในครั้งนี้

“เจ้าอายุเท่าไหร่ เด็กน้อย” ไร้หน้าถาม

“ 13 ”

“ ผอมจังเลยนะ” “ข้าเองก็เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ตอนอายุ 13 ถึงมันจะช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้”

เขาเองถือเป็นตัวอย่างที่ยังมีชีวิตอยู่

“ ……”

มีรอยยิ้มขบขันบนใบหน้าของไร้หน้า “แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับเลือกเป็นผู้คุ้มกันหรอกนะ”

กู่ฉวนพยักหน้าอย่างจริงจัง

“แขนของเจ้าถูกตัดออกตั้งแต่ยังเด็กสินะ” จู่ๆไร้หน้าก็พูดขึ้น

ใบหน้าของกู่ฉวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่ามันถูกมัดด้วยแขนเสื้อแล้วเขาคนนี้รู้ได้อย่างไร.

กู่ฉวนก้มหัวลง “ข้ายอมทำได้ทุกอย่าง”

“เจ้าต้องการที่จะแก้แค้นหรือไม่” ไร้หน้าถามในทันใด

กู่ฉวนเงยหน้าขึ้นราวกับต้องเผชิญกับทางเลือกในชีวิต เขาพูดอย่างจริงจังออกมาว่า “ใช่ ข้าต้องการ!”

เขาเหมือนกับไร้หน้าในอดีตมาก มันเหมือนกับเขาได้เห็นตัวเขาเองในอดีต เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ดีมาก นอกจากนี้เจ้ายังต้องการอะไรอีกไหม?”

“ถ้าเป็นไปได้” กู่ฉวนจ้องมองรองเท้าผ้าที่ดูขาด ๆ หาย ๆ ของเขาอย่างเหนื่อยล้า “ข้ารู้สึกหิวนิดหน่อย”

ไร้หน้าขำและยิ้ม “มาเถอะ เอาอาหารมาให้เขาหน่อยเตรียมทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ให้ครบด้วยล่ะ”

ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวาง

เนื้อสัตว์ 4-5 กิโลกรัมรวมทั้งผักและผลไม้ในอ่างขนาดใหญ่ถูกวางตรงหน้าเขา ดวงตาของกู่ฉวนเป็นประกายเขารีบสวาปามกลืนสิ่งเหล่านี้เข้าปาก

อาหารลดลงอย่างรวดเร็วในอัตราที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไร้หน้าได้แต่แตะคางของเขา “เขากินได้เยอะมาก ช่างเป็นเด็กที่น่าสนใจ”

……

……

การรับสมัครผู้คุ้มกันในรอบนี้ได้สิ้นสุดลงในที่สุด

ไร้หน้าเดินทางกลับมาหาลั่วอู๋

จากนั้นลั่วอู๋ก็ถามเขาในทันที “เป็นยังไงบ้าง เจ้าได้เจอผู้มีคุณสมบัติดี ๆ บ้างรึเปล่า”

เนื่องจากจะมีการจัดตั้งพันธมิตรผู้ล้างแค้น

โดยปกติแล้วหากเขาต้องการฝึกฝนผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ที่สุด ผู้ที่เข้ามารับการคัดเลือกโดยที่มีเงินเป็นจุดมุ่งหมายจะไม่มีความภักดีเพียงพอ และต้องได้รับการฝึกฝนปลูกฝังความภักดีตั้งแต่อายุยังน้อย

แผนการของลั่วอู๋คือการฝึกพวกเขาเหล่านี้ทั้งหมดให้เป็นนักรบ

“มีผู้ได้รับคัดเลือกทั้งหมดสิบคน มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชื่อกู่ฉวน เขามีแรงใจที่ดีมากแล้วยังกินได้เยอะมากอีกด้วย” ไร้หน้ากล่าวอย่างจริงจัง

การที่เขากินได้มากเองก็เป็นหนึ่งในศักยภาพที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักรบ

ลั่วอู๋หัวเราะ

“เอาล่ะ งั้นข้าให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบส่วนนี้ไปก็แล้วกัน”

การฝึกฝนเพื่อความภักดีที่แท้จริงได้ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน

ลั่วอู๋จึงไม่รีบร้อน

แต่ก่อนหน้านั้นเขายังมีอีกปัญหาหนึ่ง

ตอนนี้ตระกูลลั่วได้ส่งคนมาหาเขาอีกครั้ง

คราวนี้เป็นฟางฉุนฮีผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในบรรดาคนรับใช้ในตระกูลลั่ว นอกจากนี้เขายังเป็นพ่อบ้านหลักของตระกูลลั่ว แต่ตำแหน่งของเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับคนชั้นหนึ่งอย่างเสี่ยวเซียง

ฟางฉุนฮีรับผิดชอบการติดต่อทางธุรกิจกับเจ้าของร้านในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมด

เขามีอายุประมาณ 40 ปี เขาดูมีพละกำลัง และสงบมากราวกับว่าทุกอย่างถูกรวมเข้าอยู่ในความคิดของเขาทั้งหมด เขามาพร้อมกับลูกน้องผู้ภักดีสองคน

เห็นได้ชัดว่าฟางฉุนฮีนั้นมาพร้อมกับเจตจำนงของตระกูลลั่ว

“นายน้อยลำดับที่ 17 ” ฟางฉุนฮี โค้งเคารพเล็กน้อย เขาดูสุภาพมาก

ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาเป็นบุตรชายคนที่ 17 ของผู้นำสูงสุดในตระกูลลั่ว ดังนั้นจึงสมควรแล้วที่จะเรียกเขาว่านายน้อยลำดับที่ 17 แต่มันก็น่าขำขันนัก ที่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ถูกเรียกเช่นนี้

ลั่วอู๋รู้สึกไม่ชิน

“พ่อบ้านฟางถ้ามีอะไรก็พูดออกมาสิ” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเงียบ ๆ

หลี่หยินยืนอยู่ข้างหลังลั่วอู๋อย่างประหม่า นางอุ้มเจ้าเสี่ยวหลวนที่แสนน่ารักไว้ในอ้อมแขน ตอนนี้ความแข็งแกร่งของมันได้ก้าวเข้าสู่สัตว์วิญญาณระดับเงินแล้ว ถึงอย่างนั้นมันก็ยังชอบนอนในอ้อมแขนของหลี่หยินอยู่ดี

ฟางฉุนฮีหัวเราะ “นายน้อยลำดับที่ 17 ข้าต้องขอชื่นชมท่านจริงๆ ที่ท่านสามารถจัดการบริหารศาลาไป่หยู่สาขาเขตหวงชาได้ประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้”

ลั่วอู๋ไม่พูดอะไร

ความสุภาพหลอกลวงแบบนี้มันช่างน่าเบื่อจริงๆ

ทันใดนั้นฟางฉุนฮีผู้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญที่สุดก็เริ่มพูดอย่างจริงจัง “เสี่ยวเซียงได้รายงานการกระทำทั้งหมดของนายน้อยลำดับที่ 17 ให้กับตระกูลลั่วแล้ว ต้องบอกว่าพฤติกรรมเหล่านี้ของนายน้อยลำดับที่ 17 นั้นไม่สมควรจริงๆ ตามกฎหมายของตระกูลท่านจะต้องได้รับการลงโทษที่ร้ายแรง ”

“ แล้วมันยังไง” ลั่วอู๋ยังคงเงียบ

ฟางฉุนฮีหัวเราะในทันใด “สำหรับคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยแข็งแรง เมื่อได้รับการปฏิบัติที่ดูไม่ยุติธรรม การทรยศย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางตระกูลลั่วเข้าใจท่านดี”

ตอนนี้ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หรือต้องการสื่ออะไรกันแน่

“ธุรกิจศาลาไป่หยู่สาขานี้ทั้งหมดเป็นผลมาจากการทำงานหนักนายน้อยลำดับที่ 17 มันจึงดูเป็นการเรียกร้องมากเกินไปที่จะขอส่วนแบ่งผลกำไร 70% ดังนั้นตระกูลลั่วจึงตัดสินใจว่าควรให้จ่ายเพียงแค่20 %ต่อปี”

ลั่วอู๋หัวเราะในใจ

20%?

เพื่อมาบอกความจริงนี้กับข้าเนี่ยนะ

ตอนนี้ 1 แสนหินวิญญาณเขายังขี้เกียจจ่ายเลย นับประสาอะไรกับกำไร 20% ต่อปี

เขาไม่อยากรู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

เขาพร้อมที่จะมีเรื่องแล้ว

“ ทางตระกูลยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะยอมรับการกลับมาของนายน้อยลำดับที่ 17 สู่ตระกูลลั่ว และฟื้นฟูสถานะของท่าน ในฐานะนายน้อยของตระกูลลั่ว” ฟางฉุนฮียิ้ม

เขารู้สึกว่าข้อเสนอของเขาเป็นอะไรที่ดีมาก

“ ทางตระกูลลั่วต้องการอะไรกันแน่” ลั่วอู๋ถามห้วน ๆ

“ทางตระกูลนั้นคิดว่านายน้อยลำดับที่ 17 ยังเด็กและอ่อนแอเกินไปที่จะปกป้องวิชาลับอันทรงพลังที่ท่านมี ท่านควรส่งมอบมันให้ตระกูลลั่ว เพื่อรักษาความปลอดภัยของมัน” ฟางฉุนฮีกล่าว

ในที่สุดเขาก็พูดออกมาแล้ว

นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ตระกูลลั่วต้องการ

นั่นก็คือความลับในการปรับแต่งของลั่วอู๋

ไหปีศาจ

ไหปีศาจ

Status: Ongoing
หากคุณชอบแนว มั่วๆซั่วๆจับมารวมกันได้ของเทพ อย่าพลาดเรื่องนี้!!ลั่วอู๋ โดนไหหล่นใส่หัวจนข้ามมิติไปอยู่ในร่างของ นายน้อยลั่ว ผู้ถูกเนรเทศ เพราะไม่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรได้ แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าไหที่เป็นปัญหาได้เชื่อมต่อกับเขา ความสามารถของเจ้าไหปีศาจนี้ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก เพียงแค่ ลั่วอู๋ใส่ ดอกหญ้าลงไปมั่วๆ มันสังเคราะห์สัตว์วิญญาณระดับเงินให้กับเขา ยิ่งเขาลองใส่ของลงไปมั่วซั่วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสังเคราะห์ สิ่งต่างๆออกมา ทั้ง ยาวิญญาณ อาวุธวิญญาณ สัตว์อสูร ภูต

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท