บทที่ 175
ขัดขวางการซุ่มโจมตี
ด้านในของสำนักโล่พิทักษ์
ลั่วอู๋ได้รับเอกสารลับฉบับหนึ่ง
เอกสารลับนั้นถูกส่งมาจากจากพรรคหวงชา
มันถูกส่งมาโดยคงฉิน
เอกสารนั้นระบุเอาไว้ว่าฟางฉุนฮีได้ขัดขวางรถของเจ้าของร้านคนเก่าเอาไว้
ลั่วอู๋เริ่มลุกลี้ลุกลนเป็นเวลานาน ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ข้าต้องรีบไป” เขาได้แต่ภาวนาขอให้เจ้าของร้านคนเก่าไม่ได้เป็นอะไร
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็คงจะกล่าวโทษคงฉินไม่ได้ เพราะฟางฉุนฮีไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับเขา
แต่เขารู้ได้จากบริบทคำพูดแปลก ๆ ที่ฟางฉุนฮีพูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างกับคนรับใช้
เอกสารลับยังระบุเอาไว้ด้วยว่าตระกูลลั่วนั้นได้ส่งกลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงมาลอบโจมตีอย่างลับ ๆ และพวกเขาก็กำลังจะมาถึงเขตหวงชาในอีกไม่กี่วัน
ดูเหมือนว่าพวกเขาตั้งใจจะมาทำอะไรบางอย่างที่นี่
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าตระกูลลั่วจะกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้ อีกทั้งยังส่งผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงตรงมาหาพวกเขาด้วยตนเอง มันคุ้มค่าแล้วงั้นหรือ?
เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ
ฟางฉุนฮีนั้นควรจะเป็นคนผู้ที่มีเหตุผลในการสื่อสาร เพราะเขาเป็นพ่อบ้านระดับแนวหน้า
อีกอย่างเหตุการณ์นี้ มันก็ไม่ได้ทำให้ทั้งตระกูลลั่วได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แม้แต่ชื่อเสียงก็ไม่ได้เสื่อมเสียมากนัก ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ
“โชคยังดี ที่ได้เรารับความช่วยเหลือจากพรรคหวงชา ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลลั่วไม่ได้เสื่อมเสียมากนัก” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
คงถึงเวลาที่เขาต้องไปจากที่นี่แล้ว
ในพื้นที่หวงชานั้น รายได้จากการทำธุรกิจโดยรวมไม่ได้ใหญ่โตมากเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นตามข้อตกลงกับคงฉิน ลั่วอู๋ก็ไม่มีแผนที่จะทำให้สำนักโล่พิทักษ์กลายเป็นธุรกิจใหญ่โต
เมื่อถึงเวลากลางคืน
สายฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
มีร่างของผู้ใช้พลังวิญญาณมากกว่าหลายสิบคน ยืนอยู่รายล้อมสำนักโล่พิทักษ์
“กลางคืนอันมืดสนิท สายลมที่พัดแรง ค่ำคืนแห่งการฆ่าฟัน และขอให้พายุแห่งการฆ่าฟันโหมกระหน่ำ” ฟางฉุนฮียืนถือร่มอยู่ใต้หลังคาของหอคอยหวงชา ภายในเมืองแห่งความพินาศ
วิเศษมาก
เขามองไปที่สำนักโล่พิทักษ์ที่อยู่ไม่ไกลนัก
เขาไม่คาดคิดว่ามันจะราบรื่นขนาดนี้ เขาเพิ่งส่งข้อเสนอนี้ให้กับหัวหน้า ซึ่งทางตระกูลก็ส่งผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงมาให้โดยไม่ลังเล
กำลังรบเป็นเหล่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงกว่า 15 คน
เขามีความสุขมาก เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่สามารถป้องกันการจู่โจมของพวกเขาได้
ในที่สุดการล้างบาง มันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“พ่อบ้านฟาง ท่านคิดจะใช้ความรุนแรงอย่างงั้นเหรอ?” คงฉินหัวเราะอย่างขมขื่นข้าง ๆ เขา
ฟางฉุนฮีเหลือบมองคงฉิน “ท่านจะไปรู้อะไร? นี่คือสิ่งที่หัวหน้าตระกูลสั่งมา ใครจะไปรู้ว่าลั่วอู๋จะไปทำให้นายหญิงโกรธได้มากขนาดนี้”
คงฉินส่ายหัวไปมา
“ไม่ต้องกังวลไป ในอนาคต พื้นที่หวงชาทั้งหมดนี้จะยังคงเป็นของพรรคหวงชา พวกเราตระกูลลั่วไม่ได้สนใจที่จะมาทำธุรกิจในสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้หรอก” ฟางฉุนฮีกล่าว “ข้าจะกลับตระกูลลั่วไปในวันพรุ่งนี้”
ขณะนั้น มีเสียงดังมาจากห้องใต้หลังคา
“เจ้ายังไม่เห็นต้องรีบกลับไปไหนเลย” ลั่วอู๋เดินออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้ม
ฟางฉุนฮีตกใจและตะโกนออกมา “เจ้า ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ลั่วอู๋ไม่ตอบ
“ท่านคงเข้าไปจับเขาเอาไว้” ฟางฉุนฮีตะโกนออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
คงฉินรีบลุกขึ้นไปยืนด้านข้างลั่วอู๋ “ข้าเกรงว่าคงทำไม่ได้ เพราะเจ้าของร้านลั่วเป็นพันธมิตรของพรรคหวงชาของพวกเรา”
ฟางฉุนฮี เบิกตากว้างด้วยความตกใจและสับสน
เกิดอะไรขึ้น
ลั่วอู๋หัวเราะเยาะ “เจ้ามันช่างโง่เขลาจริง ๆ แม้ว่าข้าจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับพรรคหวงชา แต่ข้าก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มความขัดแย้งกับพวกเขาเลยสักครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นในสำนักโล่พิทักษ์ … ” ฟางฉุนฮีตกใจอย่างมาก
ลั่วอู๋กล่าวว่า “อาคารนี้มันก็ว่างเปล่ามาเป็นเวลานานแล้ว ที่นี่มีกองกำลังของพรรคหวงชาอยู่รายล้อมเป็นจำนวนมาก เพราะตอนนี้เราจำเป็นต้องมีรับมือคนที่ถูกส่งมากจากตระกูลลั่วก่อนน่ะ”
ฟางฉุนฮีเสียสติไปชั่วขณะ
แม้ว่ากองกำลังที่ส่งมาจากตระกูลลั่วจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ความแข็งแกร่งของพรรคหวงชานั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน พวกเขาสามารถต่อกรกํบคนจำนวนมากด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าได้โดยการซุ่มโจมตี
งั้นเหรอ
ไม่น่าแปลกใจเลย ที่สินค้าถูกส่งไปยังสำนักโล่พิทักษ์ ส่วนทางเรากลับหายไปดื้อ ๆ
เดิมที คงฉินนั้นเป็นพันธมิตรกับลั่วอู๋มาตั้งแต่แรกแล้วสินะ
นี่มันไร้สาระสิ้นดี
ฟางฉุนฮีได้ตรอมใจจนเสียชีวิตลงในที่สุด
นอกจากนี้คงฉินก็คงจะไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่รู้เรื่องภายในออกไปสู่ภายนอกได้ เพราะเมื่อข่าวรั่วไหลออกไปแล้ว พรรคหวงชานั้นอาจจะต้องเผชิญกับหายนะก็เป็นได้
“น้องชายลั่ว เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไปงั้นหรือ?” คงฉินถาม
ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ข้าจะไปหาสถานที่ตั้งร้านแห่งใหม่ ไม่เช่นนั้นพรรคหวงชาของเจ้าก็คงจะทำธุรกิจอะไรไม่ได้อีก ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะถูกขับไล่ออกจากพรรคหวงชาและสำนักโล่พิทักษ์ก็คงจะต้องถูกปิดตัวลง”
คงฉินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมรับว่าที่เขาพูดมาก็ถูก
“ข้าจะพาคนที่เต็มใจไปทำงานกับข้าให้ไปด้วยกันทั้งหมด ถึงจะมีบางส่วนที่อาจจะยังไม่พร้อมที่จะไปกับข้าก็ตาม ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็ต้องการให้พวกเขาได้เข้าร่วมกับพรรคหวงชา ในส่วนของตัวร้านนั้น ข้าอยากจะยกมันให้กับเจ้าทั้งหมด เพื่อชดเชยความสูญเสียและเป็นการแสดงเจตจำนงของการทำความสัญญาที่ร่วมมือกันไว้ “ลั่วอู๋กล่าว
ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา
ศาลาไป่หยู่และศาลาไป่เปานั้นอ่อนแอมาก พวกเขาจึงได้เริ่มทำข้อตกลงกัน ซึ่งขณะนั้นฝ่ายของลูหยางพิงที่มีความแข็งแกร่งมากได้ใช้อำนาจกดดันพวกเขา สัญญานี้จึงสำคัญมากที่ทำให้มีสำนักโล่พิทักษ์ได้ในวันนี้
ศาลาไป่หยู่ไม่ได้มีเงินทุนมากพอที่จะขอความร่วมมือจากศาลาไป่เปา
ลั่วอู๋จึงใช้ตัวเองเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับกับการสนับสนุนจากศาลาไป่เปา
ตามข้อตกลงนั้น หลังจากที่พวกเขาสามารถกำจัดกลุ่มของลูหยางพิงได้แล้ว ลั่วอู๋จะแบ่งปันทุกอย่างในศาลาไป่หยู่ให้กับพรรคหวงชา
แต่เมื่อกาลเวลาได้เปลี่ยนไป แผนที่วางไว้นั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
ตอนนี้ พรรคหวงชาคงไม่กล้าขอให้ลั่วอู๋ทำเช่นนั้น เขาจึงต้องเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอให้เอง
นกพิราบส่งสารตัวหนึ่งได้บินเข้ามา
มันเป็นนกพิราบส่งสารสำหรับส่งข้อความลับสุดยอด ลั่วอู๋ดักจับมันเอาไว้และอ่านมันอย่างลวก ๆ มันเป็นข้อมูลที่ส่งให้กับฟางฉุนฮี ทั้งหมดโดยส่งมาจากหน่วยข่าวกรองของตระกูลลั่ว
ลั่วอู๋ไม่ได้สนใจ
แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นจดหมายลับขนาดเล็กอีกฉบับ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
วู่หยู่เจ้าของร้านร้านคนเก่าของศาลาไป่หยู่ ได้แขวนคอตัวเองอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลวู่
เจ้าของร้านคนเก่าเสียชีวิตแล้ว!!
ลั่วอู๋ตัวแข็งทื่อ ขณะนั้นภายในจิตใจของเขานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ของความสูญเสีย
“ข้าเชื่อมั่นว่าศาลาไป่หยู่นั้นควรจะถูกยกให้เป็นของท่าน”
“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ ข้ายินดีที่จะกำลังให้ท่านได้เสมอ”
“ในอนาคต พวกเจ้าควรจะรับฟังและเคารพนายน้อยให้มากกว่าข้านะ เข้าใจไหม?”
“นายน้อยของข้าคือผู้ปรับแต่งที่หาที่เปรียบมิได้”
“……”
“นายน้อย ข้าต้องไปแล้ว”
สิ่งที่เจ้าของร้านคนเก่าเคยพูดเอาไว้ ดูเหมือนจะดังกึกก้องอยู่ในหูของเขา
ลั่วอู๋คิดอะไรไม่ออก
เจ้าของร้านคนเก่าจากไปแล้ว
เจ้าของร้านคนเก่าผู้ที่น่านับถือคนนั้นได้จากเขาไปแล้ว
และเขาก็ได้แขวนคอตัวเอง
ผ่านไปหลังจากนั้นไม่กี่วัน
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ และแสร้งทำเป็นฟางฉุนฮี เพื่อส่งข้อมูลกลับไปยังหน่วยข่าวกรอง ขอร้องให้พวกเขาส่งข่าวเกี่ยวกับวู่หยู่มาในทันที
แน่นอนว่า ข่าวก็มาถึงมือเขาในไม่ช้า
เอกสารลับระบุอย่างชัดเจนถึงการปฏิบัติที่ตระกูลวู่ได้ทำต่อเจ้าของร้านคนเก่า เมื่อเขากลับไปที่ตระกูลวู่
“วิญญาณร้าย?”
“ขยะเก่า ๆ ?”
“ผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือที่สุดของสำนักโล่พิทักษ์ ถูกทำให้อับอายเมื่อเขาได้กลับไปยังตระกูลวู่ และเขาก็เลือกที่จะแขวนคอตัวเองจากความสิ้นหวัง”
ดวงตาของลั่วอู๋เปลี่ยนเป็นสีแดงและตะโกนออกมา “ตระกูลวู่! ไอ้เจ้าพวกตระกูลวู่!”
ลั่วอู๋รีบกลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์
ทั่วทุกแห่ง มีร่องรอยของการต่อสู้และมีซากศพกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้ง 15 คนที่ถูกส่งมากจากตระกูลลั่วถูกปราบลงทั้งหมด
เขาหยิบกิ้งก่าทรายดูด 10 ตัว, หญ้ากระดูกงู 10 ชิ้น และขอร้องให้หลี่หยินเรียกเสี่ยวไป่ออกมา จากนั้นก็เขาก็รีบวิ่งไปที่สำนักงานของพรรคหวงชาในทันที
ลั่วอู๋ไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้อีก
เขากำลังจะไปรับศพของเจ้าของร้านคนเก่าที่ตระกูลวู่กลับมายังสำนักโล่พิทักษ์
ในค่ำคืนเดียวกันนั้น
ฝนก็ได้ตกกระหน่ำลงมา มีเสียงของมังกรดังออกมาจากทะเลทราย อย่างน่ากลัว
ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ
พวกเขามองเห็นแค่เพียงเงาของมังกรที่สั่นไหวอยู่กลางทะเลทราย และเสียงคำรามของมังกรที่ดังก้องกระจายออกไป ราวกับว่ามันพร้อมที่บดขยี้ทั้งสวรรค์และปฐพี