บทที่ 191
ข้าจะให้สัตว์วิญญาณระดับเพชรแก่ท่าน
โดยปกติแล้วการสอบคัดเลือกของเฉียนหลงไม่ใช่การแข่งขันคัดเลือกธรรมดา ๆ แต่พิธีอันแสนสำคัญสำหรับสำนักเฉียนหลงในการคัดเลือกเหล่าสาวก
แม้ว่าสำนักเฉียนหลงจะให้ความสำคัญกับคุณสมบัติเท่านั้น และไม่ได้ให้ความสำคัญกับความมั่งคั่งหรือตัวแปรอื่น ๆ อย่างไรก็ตามโดยส่วนมากแล้ว คนที่จะได้เข้าร่วมก็ยังจำเป็นที่จะต้องได้รับการแนะนำจากผู้มีอำนาจอยู่ดี
ทั้งหมดก็ให้เพื่อให้แน่ใจว่าทางสำนักจะได้รับผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการคัดเลือก
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้พลังวิญญาณทั่ว ๆ ไป ที่จะได้มีโอกาสเข้าร่วม
แน่นอนว่าหากมีความถนัดในด้านใดด้านหนึ่งจนโดดเด่น ก็อาจจะได้รับเชิญมาโดยตรงจากทูตเฉียนหลงก็เป็นได้
ความสามารถของลั่วอู๋นั้นถือว่าโดดเด่น อย่างไม่มีข้อกังขา
แต่เขานั้นไม่ได้มีชื่อเสียงหรือฐานะอะไร
โดยปกติแล้ว ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่มีชื่อเสียงและทรงพลังบางคน จะได้รับคำเชิญจากทูตเฉียนหลง แต่ตอนนี้ลั่วอู๋ก็ยังไม่มีใครมาเชิญ
เขาจึงต้องการเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจ
ตระกูลฉูซึ่งถือได้ว่าเป็นตระกูลผู้มีอำนาจ นั้นมีโควตาอยู่สำหรับสองคน
ซึ่งโควตานี้ มักจะถูกแก่งแย่งกันระหว่างคนในตระกูลฉู โดยคราวนี้ฉูจงฉวนนั้นจะสามารถมอบให้กับผู้ใดก็ได้เนื่องจากเป็นนายน้อยของตระกูล
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก ในหมู่รุ่นน้องลูกหลานของตระกูลฉู
นั่นมันโควตาไปร่วมคัดเลือกเข้าสำนักเฉียนหลงเลยนะ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถไม่เพียงพอ แต่ก็อาจจะโชคดีได้รับคัดเลือกโดยบังเอิญก็เป็นได้? ใครจะไปรู้ว่าโชคชะตาจะเปลี่ยนไปทางไหน?
“นี่มันมากเกินไปแล้ว หัวหน้าตระกูลคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ใช่นี่มันเป็นการทรยศต่อผลประโยชน์ของตระกูลชัด ๆ”
“ลั่วอู๋คนนี้เป็นใคร ทำไมต้องยกโควตาของตระกูลฉูของเราให้เขาด้วย
“พวกเราไม่ยอมรับเด็ดขาด!”
เหล่ารุ่นน้องในตระกูลฉู เริ่มส่งเสียงโห่ร้อง
ก่อนที่ผู้อาวุโสในตระกูลฉูจะได้เปิดปาก ฉูจงฉวนก็พูดขึ้นมาว่า “ใครชนะข้าได้ ข้าจะให้โควตากับคนนั้น”
รุ่นน้องในตระกูลฉู ทุกคนหยุดส่งเสียงไปพร้อมกัน
เดิมทีประสิทธิภาพในการต่อสู้ของฉูจงฉวนนั้นแข็งแกร่งมากอยู่แล้วตั้งแต่ในตอนที่เข้ายังเป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับกลางที่มีสัตว์วิญญาณเพียงตัวเดียว
ทว่าตอนนี้เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงแล้ว จึงไม่มีใครกล้าขัดใจฉูจงฉวนอีก
ส่วนทางเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลฉู แม้จะมีดุด่าตำหนิเขามากมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้หักล้างเรื่องนี้อย่างดุเดือด เพราะพวกเขารู้ว่าลั่วอู๋ดูเหมือนจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับองค์หญิงเจียโรว
“ข้าจะให้สัตว์วิญญาณระดับเพชรแก่พวกเจ้าเป็นการตอบแทน” ลั่วอู๋เดินตามฉูจงฉวนไปหาเหล่าผู้คนของตระกูลฉู และพูดประโยคนี้ต่อหน้าพวกเขา
สักครู่หนึ่งผ่านไป
ผู้คนในตระกูลฉูต่างตกตะลึงและรู้สึกว่าพวกเขาได้ยินอะไรที่ผิดปกติ
หลังจากการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าสิ่งที่ลั่วอู๋ พูดถึงคือสัตว์วิญญาณระดับเพชรไม่ใช่ระดับทอง ไม่ใช่ทองแต่อย่างใด แต่เป็นระดับเพชร!
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลฉู ก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้
“ไอ้เจ้าเด็กน้อย อย่ามาล้อกันเล่น” ฉูจานเทียนพูดด้วยเสียงต่ำ
สัตว์วิญญาณระดับเพชรหายากเกินไปและแข็งแกร่งเกินกว่าจะปราบได้ ดังนั้นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรจำนวนมากจึงไม่สามารถหาสัตว์วิญญาณระดับเพชรมาทำพันธสัญญาได้เลย
อีกทั้งสัตว์วิญญาณระดับนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำพันธสัญญา ก็ยังมีบทบาทเป็นที่ต้องการอยู่ดี
ลั่วอู๋พูดอย่างสบาย ๆ “แน่นอนสิ ข้าไม่ได้ล้อเล่นหรอก แต่มันจะยอมจำนนไหมก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้านะ”
ผู้คนทั้งตระกูลฉู พูดไม่ออก
ในการปราบสัตว์วิญญาณระดับเพชร จำเป็นต้องมีพลังต่อสู้ในระดับเพชรด้วย ซึ่งฉูจานเทียนผู้อาวุโสแห่งตระกูลฉู นั้นยังคงมีช่องว่างความแข็งแกร่งห่างจากระดับเพชรอยู่
หากเขาต้องการที่จะทำให้มันยอมจำนน ด้วยกำลังละก็มันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมากแน่
“ เมื่อเจ้าพร้อมที่จะปราบสัตว์วิญญาณระดับเพชรแล้วละก็ ให้เรียกข้าก็แล้วกัน” ลั่วอู๋กล่าว
ฉูจานเทียนลังเลอยู่นาน แต่เขาก็ยังปฏิเสธข้อเสนอไว้ชั่วคราว
มันยากเกินไปสำหรับเขาที่จะต้องจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับเพชร หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นกับเขา ตระกูลฉูจะต้องได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ซึ่งเขายังไม่สามารถรับความเสี่ยงนี้ได้
ลั่วอู๋กล่าวเสริม “อย่างไรก็ตามข้าติดหนี้บุญคุณพวกท่านเป็น สัตว์วิญญาณระดับเพชรและข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้พวกคนจากตระกูลมู่คนใดได้เข้าร่วม สำนักเฉียนหลงอย่างแน่นอน”
ทั้งตระกูลฉูพอใจในทันที
พวกเขาได้รับทั้งคำสัญญาและยังสามารถขัดขวางพวกตระกูลมู่ได้อีกด้วย
บางครั้งความล้มเหลวของศัตรูนั้นก็สำคัญมากกว่าความสำเร็จของตัวเอง
……
……
“ช่วยข้าหน่อยสิ” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉูจงฉวนขอความช่วยเหลือจากลั่วอู๋อย่างจริงจัง
ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “บอกข้ามาสิ ว่าเจ้าต้องการให้ช่วยอะไร”
“คราวนี้มันเป็นการทดสอบที่มีผู้เข้าร่วมจากทั่วทั้งทวีป แม้ว่าข้าจะรู้ดีว่าข้ายอดเยี่ยม แต่บางทีข้าอาจจะพลาดก็ได้ … ”
“ พูดได้ตรงประเด็น!”
“เฮ้ เจ้าช่วยปรับแต่งยกระดับสัตว์วิญญาณของข้าหน่อยได้ไหม โดยเฉพาะภูตทะเลทราย นางยังคงติดอยู่ในระดับทองแดงมีติ 10 และประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนางก็ยังอ่อนแออยู่”
ภูตทะเลทรายเป็นสัตว์วิญญาณที่มาจากทะเลทรายในรูปร่างของมนุษย์
“ไม่มีปัญหา แต่การยกระดับมิติวิญญาณไปสู่ขั้นต่อไปมันยังไม่ค่อยเสถียร คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ามันจะมั่นคงนะ” ลั่วอู๋กล่าว
“ แน่นอนสิ ข้ารู้เรื่องนั้น”
ในวันนั้นลั่วอู๋ก็ได้ใส่ภูตไฟและภูตทะเลทรายลงในไหปีศาจ
จากนั้นข้อมูลสัตว์วิญญาณใหม่สองตัวก็ปรากฏขึ้นในหนังสือ
มันน่าอัศจรรย์มาก เมื่อใส่สัตว์วิญญาณธรรมดาลงมานั้น หนังสือจะเปล่งแสงออกมาเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อป้อนสัตว์วิญญาณที่หายากแสงของมันจะส่องสว่างแพรวพราว
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะคาดเดา
บางทีถ้ายิ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่หายาก ระดับความสำเร็จคงจะยิ่งสูงขึ้น
น่าเสียดายที่มันไม่มีแถบแสดงความคืบหน้า เขาจึงไม่รู้ว่าต้องหาอีกเท่าไหร่ ถึงจะได้การปลดความสามารถของไหปีศาจ
สามวันต่อมา
ลั่วอู๋กับหลี่หยินได้ไปที่สำนักงานมณฑล
การคัดเลือกนั้นมีด้วยกันสามส่วน
ส่วนแรกคือการทดสอบคุณสมบัติ
เฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญในอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ผ่านการทดสอบในรอบแรกได้
การทดสอบรอบแรกจะถูกจัดขึ้นในทุกมณฑล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องออกจากเมืองหมิงหนานไป มิฉะนั้นอาจจะพลาดโอกาสไปก็ได้
โดยปกติแล้วสำนักเฉียนหลงจะไม่ปรากฏขึ้นต่อสายตาของคนทั่วไป
แต่โชคดีที่สถานที่จัดงานในครั้งนี้อยู่ในเขตของมณฑล
ในวันนี้เหล่าเยาชนผู้มีความสามารถก็ได้มารวมตัวกัน ทุกคนล้วนมีลักษณะที่แตกต่างกันและมีความโดดเด่น พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา
“ทำไมมาช้าจัง” เมื่อเห็นลั่วอู๋มา ฉูจงฉวนก็ถามด้วยความโล่งใจ
“ก็เพราะเจ้านั่นแหละ” ลั่วอู๋พูด
จากนั้นลั่วอู๋เรียกสัตว์วิญญาณทั้งสองออกมาแล้วส่งคืนให้ฉูจงฉวน
ภูตไฟดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับหนึ่ง แก่นวิญญาณของมันได้ดูดซับพลังวิญญาณของแพะโครงกระดูกเข้าไป และค่อยๆมีร่องรอยของรูปร่าง หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าจริง ๆ แล้วจุดสีแดงนั้นแสดงให้เห็นถึงรูปร่างของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ
“ทอง มิติ 6!” ฉูจงฉวนรู้สึกประหลาดใจ “นี่มันบ้าไปแล้ว ตอนที่ข้าให้เจ้าไปปรับแต่ง นางยังเป็นเพียงทอง มิติ 1 เจ้าใช้เวลาสามวันในการปรับแต่งไปมิติ 6 เนี่ยนะ”
เมื่อมันเป็นคำขอของเพื่อน ลั่วอู๋จึงลงมือทำให้ดีที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นการสอบคัดเลือกเฉียนหลงในครั้งนี้มีผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของพวกเขาทั้งคู่ ลั่วอู๋จึงจะประมาทไม่ได้
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลองดูภูตทะเลทรายของเจ้าอีกครั้งดูสิ”
ฉูจงฉวนหันศีรษะและมองไปที่ภูตทะเลทราย ทางภูตทะเลทรายเองก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นมาก นางเป็นเหมือนกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในช่วงอายุสิบขวบ แต่เบาและใสเหมือนดอกบัวในน้ำ
ระดับ เงิน มิติ 5
ตอนนี้นางมีความสามารถในการต่อสู้ที่ดี
“ลั่วอู๋ข้ารักเจ้ามาก” ดวงตาของฉูจงฉวนดูเหมือนจะเร่าร้อน เขาไม่ได้คาดหวังว่าผลการปรับแต่งของ ลั่วอู๋จะดีขนาดนี้
ลั่วอู๋รู้สึกหนาวสั่น “ฟู่”
ขณะเดียวกันชายคนหนึ่งที่สวมหน้ากากมังกรดำ ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมด้วยเสียงที่สงบ “รอบแรกของการสอบคัดเลือกเฉียนหลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โปรดไปรับการทดสอบตามความเชี่ยวชาญของท่าน”
เขาก็คือทูตเฉียนหลง
นี่คือตัวแทนของสำนักเฉียนหลง ที่มาเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถ
ฉูจงฉวนเดินไปรับทดสอบคุณสมบัติของเขาในส่วนของผู้ใช้พลังวิญญาณด้วยสีหน้าที่มั่นใจ ส่วนหลี่หยินยังคงยืนอยู่รอให้ลั่วอู๋ไปทดสอบในส่วนของผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ
ทันใดนั้นใบหน้าของลั่วอู๋ก็แตกสลาย
“แย่แล้ว!”
“ข้าเผลอใช้แต้มเซียนทั้งหมดที่สะสมไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในการปรับแต่งสัตว์วิญญาณของฉูจงฉวน”
“ ตอนนี้ข้ามีแต้มเซียนไม่พอแน่!”