บทที่ 199
การค้นพบ
ในความเป็นจริงหากหนานกงหยิงเอ๋อคิดที่จะวิ่งหนีไปตั้งหลักก่อนหรือฮึดสู้กลับไป นางก็มีโอกาสสูงที่จะโค่นลั่วอู๋ลงได้
แต่นางกลัวเกินไป
นางจึงแพ้ในที่สุด
ทุกคนไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ ว่าลั่วอู๋จะมีวิธีการเช่นนี้ในการรับมือกับนาง
พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าต้าหวงจะมีรูปแบบอื่นและผีเสื้อ “กลายพันธุ์” นั้นจะมีความสามารถในการควบคุมปั่นป่วนสถานการณ์ในการต่อสู้ที่ทรงพลังมากถึงขนาดนี้
มันไม่ได้ปรากฏให้เห็นในตอนที่เขาได้รับการทดสอบ
ในขณะนี้ผู้คนต่างก็พากันเลิกดูถูกเหยียดหยามลั่วอู๋
“ตอนนี้ใครมีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้านายของหลี่หยินมากกว่ากันล่ะ ?” ลั่วอู๋ถามด้วยเสียงต่ำ
ใบหน้าของหนานกงหยิงเอ๋อแสดงร่องรอยของความไม่เต็มใจ
ถ้านางไม่ได้ดูถูกเขาตั้งแต่แรกละก็ นางคงจะใช้ท่าไม้ตายทุกรูปแบบโดยไม่ยั้งมือและก็คงจะไม่แพ้แบบนี้อย่างแน่นอน
“ฮึ่ม”
ลั่วอู๋หยุดดาบระบำแห่งความตายในมือของเขาลง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะสู้กันให้ถึงตาย
อีกฝ่ายเองก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร อีกทั้งยังเป็นลูกหลานจากพระราชวังหยู่หวัง เขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปมีเรื่องกับกองกำลังขนาดใหญ่ ด้วยเหตุผลไร้สาระ
ทุกคนต่างมองดูไปที่ลั่วอู๋ด้วยสายตาระมัดระวัง
แม้ว่าหนานกงหยิงเอ๋อจะไม่มีสัตว์วิญญาณตัวที่สาม แต่นางก็เป็นถึงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง การที่ความสามารถของลั่วอู๋เหนือกว่านางนั้นจึงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา
เขาเป็นคนที่ไม่สามารถประมาทได้
หลี่หยินเดินมาหาหนานกงหยิงเอ๋อ และพูดอย่างจริงจังว่า“ท่านหญิงหนานกงหยิงเอ๋อ ข้ามีบางอย่างจะบอกกับท่าน ที่จริงแล้วนายน้อยของข้าได้มอบเอกสารสัญญาทาสให้กับข้า ซึ่งข้าก็ได้ฉีกมันทิ้งไปแล้ว ตอนนี้ข้าจึงเป็นอิสระเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองล่ะ เจ้าอยากที่จะเป็นสาวใช้ของผู้อื่นอย่างนั้นเหรอ ?” ดวงตาของหนานกงหยิงเอ๋อเบิกกว้าง นางไม่สามารถทำความเข้าใจในความคิดของหลี่หยินได้
หลี่หยินส่ายหัว “นายน้อยคือครอบครัวของข้าเจ้าค่ะ ข้าจะไปที่ไหนได้ เมื่อไม่มีเขา”
“แต่เจ้ามีอิสระแล้วนี่นา เจ้าจะไปที่ไหนก็ได้ ทุกที่ที่เจ้าต้องการไม่มีใครสามารถบังคับเจ้าได้อีกต่อไป” หนานกงหยิงเอ๋อ กล่าว
“ข้าแค่อยากอยู่กับนายน้อยเจ้าค่ะ” หลี่หยินพูด
หนานกงหยิงเอ๋อตกอยู่ในความเงียบ
“แต่ข้าพร้อมจะทำเพื่อเจ้านะ” เป็นเวลานานก่อนที่นางจะพูดคำนี้ออกมาแต่นางก็พูดในที่สุด
“ข้าไม่ต้องการให้ท่านทำอะไร แบบนี้มันดีแล้วสำหรับข้าเจ้าค่ะ”
คำพูดจากหลี่หยินทำให้นางเงียบอีกครั้ง
“ดังนั้นโปรดอย่าตัดสินใจแทนคนอื่นเจ้าค่ะ ในอนาคตมันจะก่อความรำคาญให้กับผู้อื่น” หลี่หยินกล่าวออกมาอย่างสุภาพ
นางเริ่มโกรธขึ้นมาแล้วจริง ๆ
คนพวกนี้ช่างน่ารำคาญ ทำไมพวกเขาถึงกล้ามาพูดว่านายน้อยไม่คู่ควร คำพูดแปลก ๆ แบบนี้ไม่ถูกใจนางมาก
“กลับกันเถอะ หลี่หยิน” ลั่วอู๋ตะโกนอย่างเกียจคร้าน
หลี่หยินพยักหน้าอย่างสนุกสนานและเดินตามลั่วอู๋ไป
ใบหน้าของหนานกงหยิงเอ๋อดูมืดมัว แต่ในที่สุดนางก็ถอนหายใจแล้วเดินจากไป
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร แต่จู่ ๆ หยีเทียนเฉิน ก็มาปรากฏที่ด้านข้างของมู่เฉิง “เขาไม่ได้เข้าร่วมในการทดสอบผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้”
“ข้าไม่สนเจ้าต้องรับผิดชอบ หาทางกำจัดเขาออกไปให้ข้า”
“ตราบใดที่เขาใช้พลังวิญญาณในการปรับแต่ง ข้าจะรู้สึกได้ในทันที จากนั้นข้าก็จะให้สัตว์วิญญาณของข้าเล่นงาน” แสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของหยีเทียนเฉิน “เจ้าเองก็เถอะ เจ้าควรสุภาพกับข้าดีกว่านะ ข้าไม่ใช่คนรับใช้ของเจ้า จำไว้ด้วยล่ะ มู่เฉิง นี่มันเป็นแค่ข้อตกลงระหว่างเรา”
“หมายความว่าไง” เสียงของมู่เฉิงจมดิ่งลง
หยีเทียนเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้คนในหุบเขามรณะของข้าไม่มีกฏว่าห้ามฆ่าคน”
มู่เฉิงกำลังจะโกรธ แต่เขานึกถึงวิชาอันคาดเดาไม่ได้ของอีกฝ่าย เขากลัวอยู่ครู่หนึ่งและก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ ด้านหลังผู้ตรวจสอบ เขาเป็นชายที่มีหน้ากากมังกรดำ
“ท่านทูตเฉียนหลง” ผู้ตรวจสอบประหลาดใจและทำความเคารพอย่างเร่งรีบ
ทูตเฉียนหลงโบกมือบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องสุภาพ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ คนที่ชื่อลั่วอู๋นั้นน่าสนใจมาก จงปล่อยให้เขาผ่านการทดสอบรอบแรกซะ”
“ผมเองก็คิดเช่นนั้นขอรับ” ผู้ตรวจสอบพยักหน้า
……
……
หลังจากที่ลั่วอู๋ออกจากสำนักงานมณฑลได้ไม่นาน
เขาก็ได้รับข้อความจากสำนักงานมณฑลในทันที
ไม่แปลกใจเลยที่มันคือเอกสารแจ้งเตือนว่าพวกเขาผ่านรอบแรก
ทั้งสามคนนั้นผ่านรอบแรกไปได้
“โชคดีที่เจ้าผ่าน ไม่งั้นข้าคงจะเสียดายโควตาแย่” ฉูจงฉวนพูดติดตลก
ลั่วอู๋กลอกตาของเขา “อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า ไหนเจ้าบอกว่าฝั่งมู่เฉิงก็มาทดสอบกันสองคนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมข้าถึงได้เห็นว่ามู่เฉิงมาด้วยตัวคนเดียวซะอย่างนั้นล่ะ ?”
เขายังคงจำคำสัญญาของเขาที่สัญญาไว้กับตระกูลฉูได้
“ถ้าจำไม่ผิด ตัวแทนของตระกูลมู่ที่เข้ารับการทดสอบ น่าจะเป็นมู่เฉิงคนหนึ่ง และอีกคนน่าจะเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณจากหุบเขามรณะ” ฉูจงฉวนกล่าว
หุบเขามรณะ?
ลั่วอู๋นึกได้ในทันทีว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่มาจากหุบเขามรณะ
ดูเหมือนว่าว่าชายที่ชื่อหยีเทียนเฉินจะถูกส่งมาโดยมู่เฉิง
นี่เป็นต้องปัญหาในอนาคตแน่
เขาจะช่วยตระกูลฉูกำจัดหยีเทียนเฉินออกไปได้อย่างไร? ในเมื่อเขาไม่ได้รับการทดสอบในฐานะผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณแล้ว
ลั่วอู๋และหยีเทียนเฉิน
ต่างฝ่ายต่างกังวลว่าจะไม่สามารถกำจัดกันและกันออกจากการทดสอบเฉียนหลงได้
“แกว๊ก” นกส่งจดหมายลับบินมาจากที่ไหนสักแห่งและปรากฏตัวต่อหน้าลั่วอู๋
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและหยิบจดหมายลับนั้นออกมาอ่าน
ฉูจงฉวนหันหน้าเข้ามาอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นี่มันอะไรกันเนี่ย ?”
ข้อความในจดหมายนั้นเรียบง่าย ได้โปรดมาที่ศาลาไป่หยู่เพื่อพูดคุยกัน พวกเราไม่ได้มีความอาฆาตพยาบาท และทางตระกูลก็หวังว่าท่านจะกลับมาสู่ตระกูลของเรา
“ช่างเป็นเรื่องที่งี่เง่า ราวกับการทะเลาะกันของเด็ก ๆ ” ลั่วอู๋ฉีกจดหมายลับออกเป็นชิ้น ๆ เขาไม่เชื่อว่าศาลาไป่หยู่จะไม่มีเจตนามุ่งร้าย
จากนั้นหลี่หยินก็เรียกเสี่ยวไป่ ออกมาและทั้งสามคนก็หายตัวไปในพริบตาด้วยทักษะทะลวงมิติ
คนส่งจดหมายลับที่สุ่มอยู่ในความมืดรู้สึกเหมือนได้ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
พวกเขาน่าจะมีความไว้วางใจในผู้คนกันมากกว่านี้สักหน่อย
เขาอุตส่าห์หาโอกาส ที่ลั่วอู๋ออกมาข้างนอกได้เพื่อส่งจดหมายลับนี้ให้กับอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะสามารถฉีกมันได้โดยไม่ต้องแม้แต่จะคิดถึงมัน นี่มันช่างน่าหงุดหงิดจริง ๆ
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกผิดหวังที่ตนเองล้มเหลว
และแล้วครั้งนี้ศาลาไป่หยู่ ก็ล้มเหลวในการแสดงความปรารถนาดีอีกครั้ง
……
……
ตามข้อมูลที่ฉูจงฉวนบอกมา การทดสอบรอบที่สองนั้นจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ ดังนั้น ลั่วอู๋ จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เขาเพียงแค่ต้องหมั่นฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
เขาได้กลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์ ซึ่งทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดี
ลั่วอู๋จึงเลือกที่จะกลับลงไปในมิติไห เพื่อฝึกฝนต่อ
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขากลับไปยังมิติไหเขาพบว่าหนังสือที่ลอยอยู่กลางอากาศได้สว่างขึ้นอีกครั้ง
“ทำไมล่ะ ข้ายังไม่ได้ใส่สัตว์วิญญาณตัวใหม่เข้ามาเลยนะ แล้วหนังสือมันส่องแสงได้อย่างไรกัน?” ลั่วอู๋สงสัย
ลั่วอู๋เปิดหนังสือและตรวจดูทีละหน้า
สุดท้ายเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับแมลงกินวิญญาณปรากฏขึ้นในหนังสือ
เผ่าพันธุ์: แมลงกินวิญญาณ
ระดับ : ทองแดง
มิติ : ระดับ ทองแดง มิติ 8
ทักษะ: กลืนกินพลังวิญญาณ (ระดับ A)
พื้นเพ: แมลงลึกลับที่สามารถยกระดับ เสริมพลังวิญญาณของตัวเองได้โดยการกลืนกินพลังวิญญาณ จากสิ่งชีวิตอื่น ๆ มันเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มและมีลำดับชั้นการปกครองในเผ่าพันธุ์ โดยนางพญาของพวกมันเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด
มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก
นี่มันสัตว์วิญญาณของหยีเทียนเฉินไม่ใช่เหรอ ?
มันตามเขาเข้ามาในมิติไหอย่างงั้นเหรอ?
ลั่วอู๋ตรวจสอบร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยของแมลงกินวิญญาณ มันจึงแปลกมาก
เขาครุ่นคิดสักครู่จากนั้นก็เดินไปที่บ้านหลังใหญ่ในมิติไห
ภายในขอบเขตของบ้าน ลั่วอู๋มีอำนาจเด็ดขาดในการกำหนดให้สิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามา หรือขับไล่ออกไป
ตอนนี้ลั่วอู๋จึงเลือกใช้อำนาจนั้นขับไล่สัตว์วิญญาณทั้งหมดออกไป
เขาก้าวเข้ามาในบ้าน
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ปวดหลังอย่างรุนแรงราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจะแตกออก
ใบหน้าของลั่วอู๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย
นี่มันแปลกมาก
เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและเดินเข้าไปในบ้านได้สำเร็จ
“ฉึก”
ด้านหลังของลั่วอู๋ปรากฏรูเลือดเล็ก ๆ เสื้อผ้าของเขากลายเป็นสีแดงย้อมด้วยเลือดของเขา อย่างไรก็ตามไม่มีเวลามากังวลกับอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ตาของเขากว้างและเริ่มค้นหาตัวการ
ที่ประตูลั่วอู๋พบด้วงสีทองขนาดเท่ากับเมล็ดข้าวที่เปื้อนเลือดของเขาอยู่
“นี่มันแมลงกินวิญญาณ” ลั่วอู๋รู้สึกความตื่นเต้น
มันเป็นเรื่องแปลกมาก
แมลงกินวิญญาณถูกฝังซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา และมันไม่สามารถถูกตรวจพบได้ด้วยการตรวจสอบใด ๆ แต่แล้วมันก็ถูกปลดออกจากของเขาด้วยพลังของไหปีศาจ
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่ามันติดตัวเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่
มันน่าสนใจมาก