บทที่ 216
เรื่องของภูตไห
ลั่วอู๋ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ดูเหมือนว่าข้าจะคิดมากเกินไป” ลั่วอู๋ขอโทษอย่างเชื่องช้า เขาโล่งใจขึ้นมาก
เหวินเสี่ยวหายใจเข้าลึก ๆ และสงบลง
“ข้ารู้ว่า เจ้าคงจะสงสัยว่าทำไม ข้าถึงมาช่วยเหลือเจ้า” เหวินเสี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เหตุผลก็คือศาลาไป่หยู่สาขาเมืองหมิงหนาน เป็นคนมอบโควตาสำหรับเข้าร่วมการทดสอบเฉียงหลงให้กับข้า”
หัวใจของลั่วอู๋บีบแน่นและดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความหนาวเย็น
ศาลาไป่หยู่?
ตระกูลลั่ว!
อีกฝ่ายถูกส่งมาโดยตระกูลลั่ว!
ลั่วอู๋กดมือของเขาไว้ที่เอวพร้อมที่จะเรียกต้าหวงออกมาจากไหปีศาจ น้ำเสียงของเขาเย็นชาลง “เจ้าต้องการอะไร ?”
“ใจเย็น ๆ ก่อนน่า ถ้าข้าจะมีเจตนาร้าย ข้าคงจะไม่มาบอกเรื่องนี้กับเจ้าต่อหน้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้หรอก” เหวินเสี่ยวกล่าว
หัวใจของลั่วอู๋หลวมลงเล็กน้อย ที่เขาพูดมามันก็จริงอยู่ แต่ลั่วอู๋ก็ยังคงไม่นิ่งนอนใจและเฝ้าระวัง
เหวินเสี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าของร้านหยางของศาลาไป่หยู่ ไหว้วานขอให้ข้ามาบอกเจ้าว่า เขาไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับสำนักโล่พิทักษ์ของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นทางตระกูลลั่วยังมีคำสั่งโดยตรงจากหัวหน้าตระกูลว่าห้ามเป็นศัตรูกับเจ้า และทางตระกูลลั่วหวังว่าเจ้าจะลืมอดีตได้ และกลับไปที่ตระกูลลั่วอีกครั้ง ”
ลั่วอู๋เริ่มสับสนเล็กน้อย
อะไรเนี่ย?
ทำไมตระกูลลั่วถึงวางท่าทางประนีประนอมแบบนี้
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ความคิดแรกของลั่วอู๋คืออีกฝ่ายกำลังหลอกเขาอยู่ ตระกูลลั่วนั้นได้ส่งผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงมาล้อมสำนักโล่พิทักษ์เมื่อสองสามเดือนก่อน อีกทั้งตัวเขาเองยังได้ไปสังหารตระกูลวู่ ซึ่งเป็นตระกูลในเครือของตระกูลลั่ว มันเป็นการหยามหน้าอย่างรุนแรงสำหรับตระกูลลั่ว
อะไรเป็นสาเหตุให้ตระกูลลั่วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีไป?
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่มาบอกข้าด้วยตัวเองล่ะ นอกจากนี้เขายังเชิญคนมาสร้างปัญหาในวันที่สำนักโล่พิทักษ์เปิดให้บริการอีกด้วย” ลั่วอู๋ถาม
เหวินเสี่ยวตอบ “เท่าที่ข้ารู้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันเปิดตัวของสำนักโล่พิทักษ์ น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดและเจ้าของร้านหยางเองก็พยายามส่งคนมาส่งจดหมายคุยกับเจ้าแล้วหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยมีโอกาสเพราะเจ้า ซ่อนตัวอยู่ในสำนักโล่พิทักษ์และไม่ยอมออกมาปรากฏตัวเสียที ”
ลั่วอู๋นึกถึงจดหมายลับที่เขาได้รับตอนไปทดสอบรอบแรกที่สำนักมณฑล
จดหมายนั่นมันเป็นของจริงอย่างงั้นเหรอ?
“แล้วทำไมเขาไม่แจ้งให้คนงานร้านรู้ล่ะ ทำแบบนี้ คิดว่าข้าจะรู้ท่าทีของศาลาไป่หยู่เหรอ ?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
“ดูเหมือนว่าจะมีคำสั่งมาจากทางหัวหน้าตระกูลลั่ว ให้บอกเจ้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น” เหวินเสี่ยวอธิบาย “นั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ผู้จัดการหยางต้องขอให้ข้ามาบอกเรื่องนี้กับเจ้า”
ลั่วอู๋รู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่
ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าไม่มีเจตนาร้าย นี่มันคือความจริงใจแบบไหนกัน ?
“ข้าเองก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าให้ผ่านการประเมินรอบที่สอง เพื่อตอบแทนบุญคุณของศาลา ไป่หยู่ นอกจากนั้นก็ไม่ใช่เรื่องของข้าแล้วล่ะ” เหวินเสี่ยวกล่าว
ลั่วอู๋หลงอยู่ในภวังค์ความคิด
อีกฝ่ายหวังว่าเขาจะปล่อยผ่านเรื่องต่าง ๆ ในอดีตงั้นเหรอ?
แล้วยังหวังให้เขากลับไปที่ตระกูลลั่วอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าตระกูลลั่ววางแผนอะไรอยู่กันแน่ แต่ลั่วอู๋ก็ยังเลือกที่จะไม่สนใจมัน
ตระกูลลั่วเป็นหนี้เขามากเกินไป ความดีความชอบเพียงเล็กน้อยเท่านี้ ไม่ช่วยให้เขาอยากกลับไปหรอก อีกอย่างตัวลั่วอู๋เองก็ไม่คิดที่จะนับตัวเองว่าเป็นคนในตระกูลลั่วมานานแล้วด้วย ต่อให้เขาได้รู้ถึงสิ่งที่ตนเองสงสัยในอดีต เขาก็คงจะไม่กลับไปที่นั่นอยู่ดี
แสงสว่างจ้าของแคมป์ไฟสะท้อนให้เห็นใบหน้าของลั่วอู๋ที่ดูหดหู่
หลังจากนั้นไม่นานเหวินเสี่ยวก็พูดว่า “จบเรื่องของตระกูลลั่วแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาคุยเรื่องที่ข้าสงสัยแล้ว”
ลั่วอู๋ถามอย่างสับสน “เจ้ามีเรื่องอะไรสงสัยงั้นเหรอ?”
“สุนัขของเจ้า สัตว์วิญญาณตัวนั้น มันครอบครองลมปราณที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาทักษะลมปราณ ลมหายใจมังกร ใช่ไหม?” เหวินเสี่ยวถาม
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรเหรอ ?”
“มันเป็นเรื่องแปลกนะสิ สุนัขที่ไหนมันจะสามารถพ่นลมหายใจมังกรออกมาได้กันเล่า การปรับแต่งที่เหนือสามัญสำนึก เหนือธรรมชาติแบบนี้ เจ้าเคยพบกับภูตไหรึยังไงกัน?”
ลั่วอู๋กะพริบตา ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะอึ้งอยู่ หัวใจของเขาเริ่มสั่นคลอนด้วยคลื่นลูกใหญ่
ภูตไห?
เขาคนนี้รู้จักภูตไหงั้นเหรอ ?
ไหปีศาจเคยส่งข้อความมาว่า เมื่อไหปีศาจได้พบกับภูตไห มันจะสามารถกู้คืนความสามารถในการรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้เข้ามาในมิติไหได้
เห็นได้ชัดว่าภูตไหมีความสำคัญต่อไหปีศาจมาก
แต่ลั่วอู๋นั้นไม่สามารถเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับไหปีศาจให้คนอื่นรู้ได้ มันทั้งสำคัญและอันตรายมากสำหรับเขาหากมีคนรู้เกี่ยวกับมัน
“ภูตไหคืออะไร ?” ลั่วอู๋สับสนเล็กน้อย “ตอนที่ข้าได้รับมันมา มันก็มีทักษะนี้อยู่แต่แรกแล้ว”
เหวินเสี่ยวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตอบคำถามของลั่วอู๋ เขายังคงถามต่อไป “เจ้าได้มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? และที่ไหน ? ข้าไม่เคยเห็นสัตว์วิญญาณแบบนี้มาก่อนเลย”
“ประมาณหนึ่งปีที่แล้ว มันอยู่ลึกเข้าไปในป่าหวงชา” ลั่วอู๋เริ่มกุเรื่อง
ยังไงอีกฝ่ายก็เข้าไปพิสูจน์ไม่ได้อยู่แล้ว
“เมื่อ 1 ปีก่อนงั้นเหรอ ?” ใบหน้าของเหวินเสี่ยวแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดกับตัวเองว่า “ข้านั้นยังไร้เดียงสาเกินไป ถ้าภูตไหมันหาตัวได้ง่ายขนาดนั้น ทำไมข้าจะต้องมาเข้าร่วมการทดสอบเข้าสำนักเฉียนหลงด้วยล่ะ?”
ลั่วอู๋รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
คำพูดลอย ๆ ของเหวินเสี่ยวนั้นมีความหมายมาก
“เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยว่าภูตไหคืออะไร ?” ลั่วอู๋ถามอย่างเร่งรีบ
เหวินเสี่ยวกลับมารู้สึกตัวและพูดอย่างเหม่อลอย“ ว่ากันว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณที่อ้างตัวเองว่ามันถูกเรียกว่าภูตไห มันมีพลังวิเศษในการปรับแต่งทุกสรรพสิ่งบนโลก และสามารถทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อได้ทุกประเภท วิชาและทักษะของมันเทียบได้กับเทพเจ้าผู้สรรค์สร้าง ”
หัวใจของลั่วอู๋แทบจะกระโจนออกจากร่าง
คำอธิบายความสามารถนั่นมันแทบจะหมายถึงไหปีศาจชัด ๆ
“มีสัตว์วิญญาณแบบนั้นบนโลกด้วยเหรอ ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยมันเป็นเรื่องโกหกรึเปล่า ? ไม่ว่าจะเป็นบันทึกไหน ๆ ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เห็นมีเขียนถึงเลย” ลั่วอู๋กล่าว
เหวินเสี่ยวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เจ้าล้อข้าเล่นเหรอ ? มันถูกบันทึกไว้ในชีวประวัติที่บรรพบุรุษของข้าทิ้งไว้ในพระราชวังเป่ยหมิงมันจะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร?”
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
พระราชวังเป่ยหมิง?
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย
แต่ดูเหมือนว่าเหวินเสี่ยวจะไม่ใช่คนสบาย ๆ ทั่ว ๆ ไปเสียแล้ว เขาน่าจะเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของสักแห่ง
น่าแปลกที่แม้แต่เชื้อสายผู้สืบทอดอำนาจอันยิ่งใหญ่เยี่ยงเขา ยังคงต้องการโควตาแนะนำจากผู้อื่น ตระกูลของเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับโควตาอย่างนั้นเหรอ? ใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์กับราชวงศ์มังกรเร้นกายต่างก็มีโควตานี้กันทั้งนั้น
“ชีวประวัติอะไรของเจ้า ?” ลั่วอู๋กำลังสับสน
“ตามชีวประวัติบรรพบุรุษของข้า เมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาได้พบกับสัตว์วิญญาณลึกลับที่เรียกตัวเองว่าภูตไห ซึ่งมันสามารถทำให้ปลาคาร์พกลายเป็นมังกรได้” เหวินเสี่ยวกล่าว
มังกร
สัตว์วิญญาณที่ว่ากันว่าเป็นสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ
เป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด และยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวรรดิ
ลั่วอู๋รู้สึกสะดุ้งในใจ เขาถามต่อไปว่า “เจ้าบรรพบุรุษของเจ้าที่ทิ้งประวัติไว้ในพระราชวังเป่ยหมิง เขามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนแล้ว?”
“บรรพบุรุษของข้าเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อ 8000 ปีที่แล้ว” เหวินเสี่ยวกล่าว
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง “มีบันทึกจากเมื่อ 8000 ปีก่อนด้วยงั้นเหรอ อีกอย่างข้าคิดว่าถ้ามันนานขนาดนั้น ภูตไหที่เขาพูดถึงคงกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว เจ้าจะหามันเจอได้อย่างไร?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า” เหวินเสี่ยวมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความไม่พอใจ “เหล่าบรรพบุรุษของข้าไม่เคยลืมเลือนเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่เป็นอมตะ พวกเขาตามหาข้อมูลเกี่ยวกับภูตไหตลอด ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือบันทึกเกี่ยวกับผู้เป็นอมตะต่างก็มีภูตไหอยู่ในนั้น แม้แต่ในหนังสือโบราณเมื่อกว่า 17000 ปีก่อน ก็ยังเห็นได้ถึงชื่อของมัน ภูตไหนั้นเป็นตัวตนอมตะไม่มีวันตาย”
หากเป็นตามที่เหวินเสี่ยวกล่าว บรรพบุรุษโบราณในพระราชวังเป่ยหมิง ต้องมีอายุอย่างน้อยก็มากกว่า 9000 ปี
เขาเป็นใครกันแน่ ?
เซียนในตำนาน?