บทที่ 85
ร้านหายไป
“อะไรนะ? พบดอกบัวทองคำแล้ว?” หลินซีเหยียนพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นมาก เพราะการที่จะหาสมุนไพรอย่างดอกบัวทองคำนั้นเรียกได้ว่าต้องอาศัยโชคช่วยจริงๆ เพราะมันหายากมาก
ชิงอวี่ก็ได้ทำเสียงครางออกมาเบาๆด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล แต่ก็น่าเสียดายที่หลินซีเหยียนนั้นตาบอดอยู่จึงไม่เห็นสีหน้าของนาง
หลินซีเหยียนเองก็กำลังคิดอยู่ว่าจะใช้ดอกบัวทองคำนี้อย่างไรดี นำไปผสมกับยาเซียงหมิงจื่อกับยาหงเหมยชวีและอื่นๆแล้ว อาการป่วยของเจียงหวายเย่ก็จะหายขนาดสนิท และพิษในกายของนางก็จะหายด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนางเองก็มีคำถามหนึ่งในใจ ในตอนที่นางออกเดินทางไปทั่วพร้อมเทียนเอ๋อนั้น นางก็ยังไม่เคยได้ยินข่าวของดอกบัวทองคำเลย นางจึงได้ถามเสียงดัง “แล้วดอกบัวทองคำนั่นอยู่ที่ไหน?”
ชิงอวี่นั้นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดแล้วนางก็พูดโกหกออกมา “อยู่ในป่าทางตอนใต้เจ้าค่ะ”
หลินซีเหยียนผงกหัว ทางนั้นเป็นที่ที่น่าจะพบดอกบัวทองคำได้มากที่สุดจริงๆ
จากนั้นหลินซีเหยียนจึงได้ถอนหายใจ ในเวลานี้นางเริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมา แล้วในตอนนั้นเองเทียนเอ๋อก็ได้เข้ามา
“ท่านแม่” เทียนเอ๋อกระโดดเข้าหาหลินซีเหยียน ซึ่งในมือของเขาถือถุงกระดาษน้ำมันที่บรรจุขนมต่างๆเอาไว้ เขายื่นมาให้หลินซีเหยียนด้วยความคาดหวังแล้วกล่าว “ท่านแม่ วันนี้ท่านอาจารย์ไม่อยู่เทียนเอ๋อเลยกลัวว่าท่านจะเบื่อเทียนเอ๋อเลยมาอยู่กับท่านแม่และเอาขนมมาให้ท่านแม่เยอะแยะเลยด้วยขอรับ”
จากนั้นก็ได้หยิบเอาข้าวซอยตัดสีหยกออกมาหนึ่งชิ้นแล้วส่งให้กับหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนนั้นชอบขนมหวานอยู่แล้วเมื่อได้กลิ่นของขนมข้าวซอยตัดลอยเข้าจมูกของนางแล้ว ทำให้นางรู้สึกอยากกินแล้วเอาเข้าปากทันที
เมื่อได้ลองกัดลงไปแล้ว ทั้งฟันและริมฝีปากของนางก็ได้กลิ่นหอมของมันขึ้นมา มันทั้งหวานและอร่อยมากแต่นางนั้นทานขนมหวานมากๆไม่ได้ เพราะถ้าทานมากเกินไปนางคงได้อ้วนแน่ ดังนั้นหลังจากที่ทานลงไปไม่กี่ชิ้นหลินซีเหยียนก็ได้ปฏิเสธขนมหวานที่เทียนเอ๋อยื่นมาให้อีก
“ท่านแม่ขอรับ เทียนเอ๋อจะเล่าเรื่องในหลายวันก่อนให้ฟัง ผู้หญิงแย่ๆที่อยู่ในพระราชวังคนนั้นคงจะไม่มาปรากฏตัวที่นี่อีกแล้วล่ะขอรับ” เทียนเอ๋อรับเอาผ้าเช็ดมือที่สาวใช้ส่งมาให้และเช็ดมือของนาง ขณะเดียวกันก็เล่าซุบซิบนินทาที่เขาได้ยินมาให้หลินซีเหยียนฟัง
“ทำไมรึ?” หลินซีเหยียนก็ได้ถามกลับและคิ้วขมวดอย่างสงสัย
เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่แม่ของเขาแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ “ท่านแม่คงจะยังไม่ทราบสินะ เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านอาจารย์ได้หาคู่แต่งงานให้กับนาง และจะแต่งนางออกเรือนไปในอีก 8-9 วันให้หลังขอรับ”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้ว จากที่นางรู้มาแม่นางเหลียนนั้นคงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้บีบมือเล็กๆของเทียนเอ๋อ “สายตาของแม่นางหลินนั้นมักคาดหวังไว้สูงเสมอ นางคงไม่ยอมทำตามแผนขององค์ชายง่ายๆแน่”
เทียนเอ๋อก็ได้ยิ้มตอบ “ท่านแม่ช่างรู้จักหญิงสาวคนนี้ดีจริงๆ แน่นอนว่านางนั้นไม่ยอมง่ายๆ แต่ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวของท่านอาจารย์แล้ว นางก็ได้จำยอมขอรับ
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เทียนเอ๋อเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย ทำไมเจ้าถึงได้ไปตั้งใจฟังเรื่องนินทาเช่นนี้กัน?”
เทียนเอ๋อก็ได้ยิ้มและอยู่ข้างๆหลินซีเหยียน ถึงแม้ว่านางจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการทำให้สนุกสนาน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะปิดซ่อนความกังวลในดวงตาของเขาได้ เขาจับมือของหลินซีเหยียนและพร่ำพูดในใจว่าแม่ของเขาเป็นถึงหมอผี ดังนั้นนางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ
มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้เทียนเอ๋อสามารถอดกลั้นน้ำตาในดวงตาของเขาได้ อย่างไรเสียเขาก็ได้จำคำพูดของท่านแม่ที่กล่าวเอาไว้ว่า เป็นลูกผู้ชายจะต้องหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา
เมื่อพูดถึงคำคำนี้แล้วเทียนเอ๋อก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง มีร้านอยู่ร้านหนึ่งที่อยู่ภายใต้ชื่อแม่ของเขาที่ขายเครื่องเพชรอยู่ และโรงเตี๊ยมซื่อฟางของเขาก็อยากที่จะขายเครื่องเพชรด้วย เขาจึงได้ไปที่ร้านนั้นเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ แล้วก็พบว่าร้านนั้นว่างเปล่าเหลือแค่เพียงเพชรพลอยไร้ค่าเพียงไม่กี่เม็ดอยู่ในชั้นเท่านั้น
เทียนเอ๋อจึงได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้หลินซีเหยียนฟัง แล้วหลินซีเหยียนเองก็ตกใจเช่นกัน อย่างที่รู้กันว่าร้านเหล่านี้เป็นร้านที่ได้มาจากมหาเสนาบดีหลิน จึงเข้าใจได้ทันทีว่ารายได้ของร้านค้าแห่งนี้ไม่น่าจะขาดทุนง่ายๆแน่
“ท่านแม่วันนี้อากาศดี ให้เทียนเอ๋อเข็นพาท่านออกไปข้างนอกเพื่อไปดูที่ร้านกันดีไหมขอรับ?” แววตาของเทียนเอ๋อ สว่างวาบขึ้นมา เขานั้นมีนิสัยที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเงินๆทองๆอยู่แล้ว และในเวลาเขารู้ว่ามีบางอย่างได้หายไปทำให้ตัวเขารู้สึกอ้างว้าง หรือว่านี่อาจจะเป็นแผนการที่มีคนวางเอาไว้ จะไม่ทำให้เขารู้สึกกระตือรือร้นได้อย่างไร
หลินซีเหยียนคิดอยู่สักพัก ตั้งแต่ที่ตาของนางบอดสนิทนางก็ไม่ได้ออกจากห้องอีกเลยแม้แต่ครึ่งก้าว นี่คงเป็นโอกาสที่ดีที่นางจะได้ออกไปข้างนอกบ้าง
“ให้ชิงอวี่กับจี๋เฟิงตามไปด้วย” หลินซีเหยียนกล่าว
เมื่อเทียนเอ๋อได้ยินที่หลินซีเหยียนอนุญาตแล้ว สีหน้าของเขาก็เบิกบานขึ้นมาและให้ชิงอวี่เข็นพาหลินซีเหยียนออกไปจากพระราชวังสักรอบ
แต่ในขณะที่ทั้งหมดกำลังเดินมาที่ประตูพระราชวัง พวกเขาก็ได้ถูกหยุดโดยใครบางคน แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้พูดอะไร นางก็ได้ยินเสียงของเหลียนเอ๋อดังขึ้นมา เหลียนเอ๋อก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่แดงและบวม ด้วยสีหน้าที่เศร้าโศก
“พระชายา เหลียนเอ๋อมีเรื่องที่อยากจะขอร้องพระชายา” แม่นางเหลียนเอ๋อก็ตะโกนอย่างสุดเสียง
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วกล่าว “เจ้ามีธุระอะไรกับข้า ไหนเจ้าลองว่ามา?”
หลินซีเหยียนได้ยินเสียงหอบอยู่พักหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงพูด “พระชายาได้โปรดบอกองค์ชายอย่าให้ข้าแต่งออกเรือนไปเลย เหลียนเอ๋อไม่อยากที่จะแต่งออกเรือน เหลียนเอ๋ออยากที่จะอยู่ในพระราชวังนี้”
“มันคงจะไม่ดีนักที่ข้าจะไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจขององค์ชาย” หลินซีเหยียนกล่าวปฏิเสธ
แววตาของเหลียนเอ๋อก็ได้เปลี่ยนไป แล้วจากนั้นนางก็ได้ล้มแจกันแตกแล้วกล่าว “ข้ามียาสำหรับรักษาดวงตาของเจ้า เจ้าไม่อยากที่จะกลับมาเห็นดังเดิมเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้แกล้งทำเป็นตกใจแล้วกล่าวอย่างกังวล “เจ้า….ว่าอะไรนะ? เจ้าจะให้ยาถอนพิษกับข้างั้นเหรอ?”
เหลียนเอ๋อลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่เย็นชา ราวกับว่าไม่ใช่คนลงไปคุกเข่าและขอให้ช่วยเมื่อสักครู่ ตอนแรกนางคิดที่จะใช้แผนอ้อมค้อมกับหลินซีเหยียน แต่เมื่อเห็นดวงตาน้อยๆที่กำลังโกรธของเทียนเอ๋อแล้ว นางก็ได้กล่าวอย่างกระตือรือร้น “ถ้าเจ้ายอมช่วยข้า ข้าก็จะมอบยาถอนพิษให้กับเจ้า ว่ายังไง?”
หลินซีเหยียนก็ได้แกล้งทำเป็นสู้ไม่ได้ “แม่นางเหลียน เจ้ากับข้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ไยเจ้าต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย?”
“ไม่มีความแค้นต่อกันอย่างนั้นเหรอ? เจ้าแย่งท่านพี่เย่ของข้าไป จะไม่ให้ข้าเกลียดเจ้าได้อย่างไร?” เหลียนเอ๋อนั้นรู้ว่าเจียงหวายเย่ไม่อยู่ในเวลานี้ นางจึงได้พูดอย่างประชดประชันใส่หลินซีเหยียนโดยไร้ซึ่งความกลัวและความอาย
“มองดูเจ้าตอนนี้สิ เจ้ามองไม่เห็นอะไรและยังอ่อนแออีกต่างหาก เจ้าคิดว่าองค์ชายยังจะชอบเจ้าอยู่อย่างนั้นเหรอ? ข้าแนะนำให้เจ้าเอายานี้ไปแล้วออกไปจากพระราชวังรัตติกาลนี้เสีย แล้วอย่าได้มาโผล่หน้าให้องค์ชายเห็นอีก” เหลียนเอ๋อพูดอย่างขวานผ่าซากมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพอองค์ชายไม่อยู่ในพระราชวังแล้ว นางก็ได้กลายเป็นเจ้านายของพระราชวังนี้แทน
แล้วความโกรธและความกลัวบนใบหน้าของ หลินซีเหยียนก็ได้ค่อยๆหายไป แล้วนางก็มองไปที่เหลียนเอ๋อด้วยสีหน้าที่เมินเฉย “ถึงแม้ว่าเจ้าจะตกหลุมรักเจียงหวายเย่มากเพียงใด แต่เจ้าก็ไม่ควรที่จะลงมือกับข้า”
จากนั้นนางก็ได้สะบัดมือแล้วจี๋เฟิงก็เดินออกมาเข้าคุมตัวเหลียนเอ๋อ
เหลียนเอ๋อก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนและขัดขืน “เพราะถูกข้าจี้ใจดำจึงได้คิดอยากจะจัดการกับข้าล่ะสิ ข้าจะบอกให้ว่าเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เพราะถ้าหากเจ้าทำองค์ชายจะต้องไม่ยอมยกโทษให้เจ้าแน่ๆ”
“ได้โปรดวางใจแม่นางเหลียนข้าไม่มีความคิดที่จะให้มือของข้าเปื้อนเลือดหรอก” หลินซีเหยียนกล่าวแล้วจากนั้นก็หันไปพูดกับจี๋เฟิง “นำนางไปขังไว้ในห้อง แล้วอย่าได้ปล่อยให้นางออกมาได้จนกว่าจะถึงวันแต่งงานของนาง”
จี๋เฟิงจึงได้พยายามลากตัวเหลียนเอ๋อที่พยายามขัดขืนไป
“ท่านแม่ เทียนเอ๋อไม่ชอบคนคนนั้นเลยขอรับ” เทียนเอ๋อยืนอยู่ข้างๆหลินซีเหยียน เพราะว่านางนั้นนั่งอยู่ในรถเข็น ในเวลานี้เทียนเอ๋อจึงตัวพอๆกับนาง