บทที่ 167
จองจำในความมืด
จงซู่เฟิงก็ได้ประคองช่างช่านขึ้นมาแล้วจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ไปจากที่นี่แล้วกลับไปที่รัฐจงเสีย!”
ช่างช่านก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่เมินเฉยของเขา เขาปล่อยนางไปจริงๆเหรอ?
จริงๆแล้วไม่เพียงแค่นาง แต่ยังรวมถึงเหลยถิงและ หลินซีเหยียนเองก็ยังตกใจ ช่างช่านนั้นอยากที่จะเอาชีวิตของเขา! แต่กลับปล่อยนางไปง่ายๆงั้นเหรอ?
ช่างช่านที่ตั้งสติได้ก็ได้ลงไปคุกเข่าอีกรอบ นางได้ก้มหัวคำนับจงซู่เฟิงแล้วกล่าว “ขอบพระทัยองค์ชาย สำหรับความกรุณาของท่านนั้นข้าน้อยจะจดจำและจะไม่มีวันลืมเจ้าค่ะ”
หลังจากที่ช่างช่านกล่าวจบ นางก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเตรียมออกไป แต่นางก็ได้หยุดหลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว นางได้หันหน้ากลับมาแล้วบอกกับจงซู่เฟิง “นายท่านจะต้องระวังตัวนะเจ้าคะ องค์ชายสองจะต้องไม่ปล่อยท่านไว้แน่ๆเจ้าค่ะ”
จงซู่เฟิงก็ได้ผงกหัวหลังจากที่ได้ยินที่นางกล่าว “ข้ารู้แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ”
แล้วเรื่องนี้ก็จบลง จงซู่เฟิงก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างขอบคุณแล้วกล่าว “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ หากว่าช่างช่านยังอยู่ข้างกายข้า นางคงทำสำเร็จไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่”
“ไม่มีปัญหา” หลินซีเหยียนก็ได้โบกมือแล้วกล่าว จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่านางยังมีเรื่องที่ต้องบอกกับจงซู่เฟิง แต่ในเวลานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสักเท่าไร นางจึงคิดที่จะเอาไว้พูดในวันอื่นแทน “องค์ชายจงก็พักผ่อนก่อนเถอะ ข้าขอตัวก่อน”
เจียงหวายเย่ก็ได้เดินตามหลินซีเหยียนไปด้วย จนกระทั่งนางหยุดเดินที่หน้าประตูห้องนาง “ถ้าท่านอยากที่จะนอน ก็ไปนอนห้องของเทียนเอ๋อโน่น”
เมื่อพูดจบหลินซีเหยียนก็ได้เตรียมที่จะเข้าห้องของนาง แต่เจียงหวายเย่ก็ได้ตามเข้าไปด้วย หลินซีเหยียนก็ได้หันไปมองชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้านางแล้วคิ้วขมวด “องค์ชาย นี่ท่านคิดจะทำบ้าอะไรกันเนี่ย?”
เมื่อเห็นหลินซีเหยียนที่ชอบพูดด่าว่าเขา แต่กลับพูดอย่างอ่อนโยนกับจงซู่เฟิงแล้ว เจียงหวายเย่ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แล้วใช้มือของเขาจับตัวของหลินซีเหยียนเอาไว้แล้วก้มลงจูบนาง
แขนของเขานั้นแข็งแกร่งเยี่ยงเหล็ก ไม่ว่าหลินซีเหยียนจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้เลย
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางแล้วงอนิ้วของนาง ก็ปรากฏเข็มเงินออกมาจากปลายนิ้วของนาง แต่ทว่าปกตินางจะสามารถทำได้สำเร็จทุกครั้งไป แต่คราวนี้นางกลับทำไม่สำเร็จ
เจียงหวายเย่ก็ได้ปัดป้องเข็มเงินที่มือข้างหนึ่งของนางเอาไว้ จูบนี้ช่างให้ความรู้สึกชวนคิดถึงเรื่องนานมาแล้วขึ้นมา เขานั้นไม่ยอมปล่อยจากนางจนกระทั่งหลินซีเหยียนเริ่มหมดลมหายใจ
“เจียงหวายเย่ นี่ท่านเสียสติไปแล้วเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ จากนั้นมืออีกข้างที่ยังไม่ได้ตกอยู่ในการควบคุมของเจียงหวายเย่ ก็ได้หยิบเอาเข็มเงินออกมาแล้วปักลงไป เข็มเงินแท่งนี้มียาพิษซุ่ยกู่เฝิ่น ซึ่งยาพิษชนิดนี้จะมีฤทธิ์ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดราวกับกระดูกหัก หากไม่ถอนพิษแล้วทั้งกล้ามเนื้อและเส้นเลือดก็จะขาดสะบั้นภายในสามวันแล้วเลือดก็ได้จะไหลออกจากทวารทั้ง 7 จนตาย
เมื่อรู้สึกได้ถึงอาการเจ็บปวดจากส่วนลึกของร่างกายของเขา ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา ในเวลานี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นคิดที่จะฆ่าเขาจริงๆ
ไม่มีอะไรที่น่าเศร้ายิ่งไปกว่าการถูกฆ่าโดยฝีมือคนที่ตัวเองรักอีกแล้ว
โดยไม่ได้พูดอะไร เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่ หลินซีเหยียนอย่างหนักแน่นแล้วจากไปโดยที่ไม่ถามถึงยาถอนพิษเลยแม้แต่น้อย
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่แผ่นหลังที่อ้างว้างของเขาแล้วรู้สึกไม่ดีอย่างมาก แต่นางนั้นก็คิดว่านางนั้นไม่ผิดจึงไม่จำเป็นต้องขอโทษด้วย ส่วนเรื่องของยาถอนพิษนั้น เมื่อชายคนนั้นทนไม่ไหวก็คงจะกลับมาเอง
แต่โชคร้ายที่หลินซีเหยียนนั้นไม่เคยเข้าใจความรู้สึกลึกๆของเจียงหวายเย่เลย ว่าแท้จริงแล้วเขานั้นเป็นคนที่หัวแข็งมากขนาดไหน
ในขณะที่เจียงหวายเย่ออกจากจวนมหาเสนาบดีกลับมาถึงพระราชวังรัตติกาล เหงื่อกาฬก็ได้ไหลออกมาเต็มหน้าผากของเขา อันอี้ที่เห็นเช่นนั้นก็ได้ถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “องค์ชายรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างนั้นเหรอขอรับ?”
เขาส่ายหัวแล้วเดินตรงกลับไปที่ห้องของเขาโดยไม่ได้มองมาเลย
ในขณะที่อันอี้กำลังจะถอนตัวกลับไป เขาก็ได้ยินเสียงที่อารมณ์แปรปรวนและแหบเข้าหูของเขา “ไปเอาไหเหล้ามาให้เปิ่นหวางด้วย”
โดยที่ไม่รอให้อันอี้ได้ขานรับ ร่างของเจียงหวายเย่ก็ได้หายเข้าไปในหลังประตูนั้นแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายกันแน่ แต่เขาก็ยังเชื่อฟังแล้วไปเอาเหล้ามาส่งให้ที่ห้องขององค์ชาย
ในวันต่อมา เฉินซิวที่เปิดประตูห้องของเจียงหวายเย่เพื่อที่จะบอกลา แต่ก็พบว่าเจียงหวายเย่นั้นเมาหลับไม่ได้สติ จึงได้ถอนหายใจออกมาจากนั้นก็หันไปมองหาอันอี้ เพื่อบอกฝากเจียงหวายเย่ด้วยว่าเขาจะไปแล้ว
ส่วนผู้เฒ่าเทียนหยานั้น เทียนเอ๋อก็ได้ออกตามหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เขาก็ไม่พบเลยแม้แต่เงา แสดงว่าเขาออกไปโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย
เทียนเอ๋อก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างปฏิญาณ “หากข้าพบกับท่านอาจารย์ปู่ครั้งหน้า ข้าจะต้องทำให้เขาพาข้าไปเล่นด้วยให้ได้”
โดยที่ไม่มีใครเลยที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของ เจียงหวายเย่ เสื้อของเขานั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ผมที่ยุ่งเหยิงที่หน้าผากของเขาก็ได้ลงมาปิดหน้าของเขา
วันนี้เป็นวันที่สองที่เขาถูกพิษ เขาได้ฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายของเขา เขามองไปที่เหล้าที่เกลี้ยงไหตรงหน้าเขา และปรากฏรอยยิ้มที่ประชดประชันที่มุมปาก
ร่างกายของเขานั้นถูกพิษมาเป็นร้อยแล้ว จะมีเพิ่งอีกหนึ่งก็ไม่แย่เท่าไร
ในขณะที่เขามองไปที่ประตู อันอี้ก็ได้เดินเข้ามาหาแล้วคุกเข่ากับพื้นก้มหน้าแล้วรายงานด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “องค์ชายขอรับจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ องค์ชายสิบหกแห่งรัฐจงนั้นได้มาอยู่ในรัฐเจียงแล้วขอรับ และฮ่องเต้เจียงเองก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย จึงได้ส่งคนออกไปค้นหาตัวเขาแล้ว”
ถ้าองค์ชายสิบหกตกอยู่ในมือของฮ่องเต้เจียงเมื่อไร องค์ชายสิบหกจะต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของเขาในการควบคุมรัฐจง ไม่ก็เป็นหมากต่อรองรัฐจงแน่ๆ ซึ่งไม่ว่าอย่างไหนเขาก็ไม่ยอมที่จะปล่อยองค์ชายไปแน่นอน
“ส่งคนออกไปตามหาองค์ชายสิบหก แล้วคอยคุ้มครองเขา”
เสียงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งนี้ทำให้อันอี้รู้สึกแปลกใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ องค์ชายนั้นไม่ได้สั่งการด้วยความรู้สึกที่เลือดเย็นเช่นนี้มานานมากแล้ว จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ?
“องค์ชาย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ?”
อันอี้ก็ได้ขัดเจียงหวายเย่ก่อนที่เขาจะพูดจบ “อันอี้ เจ้าล้ำเส้นมากไปแล้วนะ”
น้ำเสียงที่หนาวเย็นไร้ซึ่งอุณหภูมินี้ทำให้อันอี้ต้องรู้สึกตัวสั่น อันอี้จึงได้รีบลงไปคุกเข่ากับพื้น “ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยขอรับ”
“โบย 20 ไม้ เจ้าออกไปแล้วจัดการลงโทษตัวเอง!”
หลังจากที่เจียงหวายเย่พูดจบ เขาก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป เขาไปที่บ่อน้ำร้อนเพื่อล้างเหงื่อที่เหนียวเต็มตัวของเขา จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่บ้านสกุลเฉิง เพื่อไปพบ เฉิงรุ่ยเหยียน
“ผะ ผี!”
ในขณะที่เพลิดเพลินไปกับความหรรษาอยู่นั้น ใครสักคนก็ได้ตะโกนออกมาแล้วร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น
เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้มองไปตามเสียงแล้วพบเจียงหวายเย่ที่กำลังใส่หน้ากากที่น่ากลัวอยู่บนใบหน้าของเขา เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วจากนั้นก็ได้โบกมือให้สาวๆกลับออกไปก่อน
“ท่านเปลี่ยนหน้ากากที่ใส่หน่อยได้ไหม? ดูสิท่านทำเหล่าสาวๆที่น่ารักของข้ากลัวหัวหดหมดแล้ว”
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดบ่นจบ เฉิงรุ่ยเหยียนก็รู้สึกได้บรรยากาศรอบตัวของเจียงหวายเย่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เขาจึงได้ถามออกไป “พี่ชาย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แล้วเขาก็ได้ยื่นมือของเขาออกไปหาเฉิงรุ่ยเหยียน เป็นเชิงบอกให้เขาช่วยจับชีพจรให้เขาที
ซึ่งจริงๆแล้วเขานั้นไม่คิดที่จะถอนพิษเลยแม้แต่น้อย อย่างไรเสียนี่ก็เป็นบทลงโทษที่นางคนนั้นได้ให้เขาไว้
ซึ่งเขาก็ได้มาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเขาจะตายหรือไม่ ถึงแม้ว่าเขานั้นจะตายก็ไม่ใส่ใจอะไร แต่เขาก็ยังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จอยู่และไม่อาจที่จะตายได้ในเวลานี้