บทที่ 176
พ่ายแพ้
เจียงหวายเย่ก็หาได้เงยหน้าหรือตอบสนองไม่ เขาทำเป็นจ้องมองไปที่หนังสือในมือราวกับว่ามีทองอยู่ในหนังสือเล่มนั้น หรือเป็นสาวงามที่ชวนให้ลุ่มหลง
ด้วยเหตุนี้หลินซีเหยียนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเป็นนางเองที่ทำผิดกับเขาก่อน จึงเป็นเรื่องปกติที่เจียงหวายเย่จะโกรธ
หลินซีเหยียนจึงได้กะพริบตาแล้วเดินเข้าไปใกล้ เจียงหวายเย่ แล้ววางถาดในมือของนางไว้บนโต๊ะแล้วจากนั้นก็หยิบเอาชามยาให้เจียงหวายเย่
“องค์ชายเย่นั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ใจกว้าง ได้โปรดยกโทษให้ข้าคราวนี้ด้วยเถอะนะ!”
เมื่อกล่าวจบ เจียงหวายเย่ยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหวราวกับว่าหูทั้งสองข้างของเขานั้นไม่ได้ยินเสียงของนาง
ในเวลานี้หลินซีเหยียนก็รู้สึกอับอายขึ้นมา นางนั้นก็อยู่มานานแล้วแต่ไม่เคยต้องมาตามล้างตามเช็ดปัญหาเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ
แล้วนางก็ได้จับจ้องไปที่เจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นราวกับสงสัยนางก็ได้จ้องมองไปที่หนังสือในมือของเจียงหวายเย่ ซึ่งเมื่อมองดูอยู่สักพักหนึ่งแล้วนางก็ต้องตกใจขึ้นมาเมื่อนางพบว่าหนังสือที่เขาอ่านอยู่นั้นคือเรื่องฉาวโฉ่ในรัฐจง
หนังสือเช่นนี้มักเป็นเรื่องขี้โม้ไม่ก็เรื่องทรยศ นางนั้นไม่คิดว่าองค์ชายเย่ที่สูงส่งนั้นจะชอบเรื่องอะไรแบบนี้ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วนางก็ได้หัวเราะขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในเวลานี้แล้ว นางจึงได้รีบกระแอมทันที
“องค์ชาย ท่านจะโกรธข้าก็ไม่ว่า แต่ร่างกายนั้นเป็นของตัวท่านเอง ถ้าท่านไม่ใส่ใจกับร่างกายของตัวเองแล้ว ท่านจะมีหน้าไปพบกับพ่อแม่ที่ให้กำเนิดท่านมาได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดุเขาอย่างจริงจังจากคนที่อยู่ใกล้ๆเขาแล้ว ความเยือกเย็นในดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้ค่อยๆเบาลงไป
“วางเอาไว้แล้วออกไปเสีย”
น้ำเสียงที่เย็นชาที่เต็มไปด้วยความห่างเหินนี้ ทำให้ หลินซีเหยียนที่คิดว่าตัวเองหน้าหนาแล้วยังต้องตกตะลึง
หลินซีเหยียนก็ได้ลูบจมูกของนางแล้วจากนั้นก็ยิ้มอย่างตะกุกตะกัก “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนท่านแล้ว”
หลังจากที่ประตูได้ปิดลงอย่างนุ่มนวล ใบหน้าของ เจียงหวายเย่ก็ได้กลับมาเป็นเยือกเย็นอีกครั้ง แม้แต่นิ้วมือที่ถือหนังสืออยู่ของเขานั้นก็เริ่มซีดเช่นกันเพราะเขากำลังฝืนถือเอาไว้
เขาถอนหายใจอยู่พักใหญ่ๆ เขาไม่คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นจะตามมาง้อเขาถึงที่นี่แล้วยังถอนพิษให้อีก
ไม่เป็นไร จะเป็นการดีกว่าที่จะอยู่ห่างๆกันสักพัก แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้หยิบชามยาที่อุณหภูมิกำลังเหมาะขึ้นมาดื่มรวดเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยาหรืออะไร อาการหนาวเย็นถึงกระดูกของเขาในวันนี้นั้นมันได้หายไปอย่างมากแล้ว
แล้วเขาก็ได้มองไปชัดๆที่หนังสือที่เขาถืออยู่ในมือ แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอย่างสุ่มๆ แต่ไม่คิดว่าเขาจะหยิบเอาเรื่องฉาวโฉ่ในรัฐจงขึ้นมาเสียนี่…..
“องค์ชายขอรับ”
ทันใดนั้นเองเสียงของอันอี้ก็ได้ดังออกมาจากด้านนอก เจียงหวายเย่อนุญาตให้เขาเข้ามา แล้วจากนั้นอันอี้ก็ได้เข้ามาในห้อง
“องค์ชายขอรับ องค์ชายหนึ่งนั้นถูกจับตาดูอยู่ และในเวลานี้องค์ชายสองนั้นรู้ถึงสถานที่แห่งนี้แล้วขอรับ เขาน่าจะส่งคนมาล้อมที่นี่ในทันทีขอรับ”
“เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” เจียงหวายเย่คิ้วขมวด แล้วสายตาของเขาก็แหลมคม
อันอี้รีบลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความรู้สึกผิด “มันความผิดของข้าน้อยที่เลินเล่อต่อหน้าที่เองขอรับ ที่ข้าไม่ได้ทำการกำจัดบริเวณโดยรอบอย่างชัดเจน ขอให้องค์ชายได้โปรดลงโทษด้วย!”
“เรื่องของการลงโทษ เอาไว้กลับไปก่อนค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้รีบออกคำสั่งถอนกำลังก่อน”
เจียงหวายเย่นั้นไม่เคยรู้สึกผิดพลาดเช่นนี้มาก่อน เขาก็พอจะรู้สึกได้รางๆว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่อันอี้กล่าวมาก็ได้
แล้วที่โรงเตี๊ยมอันฝู นอกจากพนักงานที่ทำงานปกติแล้ว คนอื่นๆทั้งหมดก็ได้มารวมตัวกันแล้วถอนกำลังทันที หลินซีเหยียนที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็ได้มองผู้คนรอบๆที่กำลังเตรียมตัวหลบหนี และมีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหัวของนาง
จนกระทั่งอันอี้พบนางเข้า จึงได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งๆ “แม่นางหลิน องค์ชายต้องการให้ท่านหนีไปกับพวกเราขอรับ”
หลินซีเหยียนนั้นไม่คิดถามอะไรมากนัก แต่ก็ตามอันอี้ไปที่รถม้า หลังจากที่ขึ้นบนรถม้าแล้ว นางก็พบกับเจียงหวายเย่ที่บนรถม้าด้วย ทำให้บรรยากาศบนรถม้านั้นได้กลับมาอึดอัดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อรถม้าได้ผ่านมาถึงตรอกเปลี่ยวๆ ก็ได้ถูกล้อมทันที แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หรือทหาร แต่กลับเป็นนักฆ่ารับจ้าง
ไม่นานนักที่ด้านนอกก็ได้เกิดเสียงต่อสู้และดวลดาบกันเกิดขึ้น และเพราะว่าในเวลานี้มีนักฆ่ามากันมากมาย ลำพังหน่วยอันจึงไม่อาจต้านทานได้ เจียงหวายเย่จึงได้ออกมาโดยกล่าวเอาไว้ว่า “รออยู่ในรถม้า แล้วอย่าออกมา”
ก็ได้หยิบเอากระบี่ยมโลกออกมาแล้วพุ่งตัวออกไป
วรยุทธ์ของเจียงหวายเย่นั้นยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่ากระบี่จะพุ่งไปที่ไหน ก็จะมีศพกระเด็นไป 1-2 ศพอยู่ตลอด
หลินซีเหยียนนั้นไม่ใช่คนที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว นางจึงได้แอบเปิดมุมผ้าม่านออกมาเล็กน้อยแล้วแอบมองดูการต่อสู้ด้านนอกอย่างชัดเจน
เหล่านักฆ่ารับจ้างเมื่อเห็นว่าพวกเขานั้นไม่อาจที่จะต่อกรได้ จึงได้ทำการขว้างผงยาพิษออกมาไปเต็มท้องฟ้า ทำให้หน่วยอันจำนวนมากถูกยาพิษนี้เข้าไป หลินซีเหยียนจึงไม่อาจที่จะปล่อยไปเช่นนี้ได้ นางจึงได้รีบออกมาแล้วป้อนยาถอนพิษให้ทีละคน
“กลับไป” เสียงที่เยือกเย็นของเจียงหวายเย่แฝงด้วยความโกรธดังขึ้นมา
หลินซีเหยียนก็ได้บิดริมฝีปาก “ไม่เอา ข้าไม่ใช่สาวน้อยที่จะต้องมารอให้ผู้อื่นปกป้องอย่างเดียวหรอกนะ”
หลังจากที่กล่าวจบ หลินซีเหยียนก็ได้พุ่งตัวออกไปหาผู้คนด้วยความคล่องแคล่วว่องไวเพื่อทำการมอบยาให้ ซึ่งนางก็ได้ถูกหมายหัวโดยคนสองคนอยู่เป็นช่วงๆ ซึ่งในช่วงเวลานั้นไม่มีใครเลยที่สามารถทำอะไรนางได้
แล้วภาพนี้เองที่ถูกพบเข้าโดยหัวหน้ากลุ่มนักฆ่า แล้วเขาก็ได้แอบลอบเข้ามาด้านหลังหลินซีเหยียนแล้วหมายที่จะสังหารนางด้วยมีด แต่เจียงหวายเย่นั้นได้จับจ้องไปที่หลินซีเหยียนอยู่ตลอดหลังจากที่หลินซีเหยียนออกมาจากรถม้า หลังจากที่เขารู้สึกได้ถึงอันตราย ก็ได้รีบเข้าไปหาทันที
แล้วกระบี่ยมโลกได้พุ่งเข้าแทงหัวหน้ากลุ่มนักฆ่า แต่มีข้างหนึ่งของเขาก็ได้ทำการปัดป้องด้วยมีดและมีดที่แหลมคมอีกเล่มก็ได้เฉือนเข้าไปที่แขนของเจียงหวายเย่เป็นรอยยาว
“เจียงหวายเย่” สายตาของหลินซีเหยียนก็ได้เบิกกว้าง นางมองไปที่แผลของเขาที่ค่อยๆกลายเป็นสีดำ จึงกล่าวด้วยความตกใจ “มีดของเขาอาบยาพิษเอาไว้ด้วย มันเป็นพิษชุ่ยเวย!”
“หืม ไม่นึกเลยว่าแม่สาวน้อยของเจ้าจะรู้จักพิษนี้ด้วย ใช่แล้วมันคือพิษชุ่ยเวย ไม่ว่าจะมีวรยุทธ์ที่แน่สักแค่ไหน แต่จะตายลงไปที่ยมโลกเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”
แล้วหัวหน้านักฆ่าก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเฉื่อยชาราวกับไม่มีความคิดที่จะเข้าไปสู้ด้วยอีก “พิษชุ่ยเวยนั้นจะออกฤทธิ์ในเวลาเพียงชั่วขณะเท่านั้น ต่อให้ข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็สามารถลากเจ้าไปยมโลกได้”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา แล้วนางก็ได้หยิบเอาขวดหยกออกมาแล้วเอารองเลือดพิษของเจียงหวายเย่แล้วพูดพึมพำ “พิษชุ่ยเวยนั้นเป็นพิษที่ทำมาจากพิษของแมลงหายากที่จะปล่อยออกมาเพื่อป้องกันตัวเอง มันหายากมากจะปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้”
“นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้าน่ะ? เขากำลังจะตายอยู่แล้วนะ เจ้ายังจะมาพูดถึงพิษชุ่ยเวยของข้าอีกเหรอ?
หลังจากที่ทำการรองเลือดใส่ขวดเล็กเสร็จ หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดแล้วกล่าว “ใครบอกว่าเขากำลังจะตาย? มีไม่มากนักหรอกนะกับคนที่ข้าดูแลอยู่แล้วจะตายน่ะ”
“ยังจะมาโม้อะไรอีก ข้าจะรอดูพวกเจ้าตายที่นี่แหละ” จากนั้นเขาก็ได้ทำมือบอกไปยังลูกน้องของเขา แล้วผู้คนก็ได้หยุดต่อสู้แล้วถอยไปอยู่ด้านหลังหัวหน้าของพวกเขา
หลินซีเหยียนก็ได้ทำการรักษาแผลให้เจียงหวายเย่ก่อน แล้วจากนั้นก็ได้มอบยาให้เจียงหวายเย่สองเม็ดสีดำกับขาว หลังจากมองดูที่เขากินเสร็จ หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเฝ้าดูอยู่แล้วกล่าว “พิษถูกรักษาแล้ว เชิญพวกเจ้าต่อสู้กันต่อตามสะดวก”
แล้วเหล่านักฆ่าก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนที่ไม่ได้ล้อเล่น แล้วสายตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมา “พวกเจ้านี่มันกระดูกแข็งเคี้ยวยากเป็นบ้า พวกข้าถอนตัวก่อนก็ได้”
แล้วกลุ่มคนก็ได้ถอนตัวออกไปอย่างว่องไว ในเวลานี้พวกเขาไม่อาจที่จะกลับไปยังฐานที่มั่นเก่าได้แล้ว อันอี้จึงได้พาพวกเขาไปยังบ้านที่อยู่โดดเดี่ยวมากหลังหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นทรัพย์สินของเจียงหวายเย่