หมอผีแม่ลูกติด – บทที่ 218 ใจที่อยากจะกลับดั่งลูกธนู

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 218

ใจที่อยากจะกลับดั่งลูกธนู

แม้จะไปแค่ไปกี่วัน แต่เจียงหวายเย่กลับรู้สึกเหมือนการเดินทางนี้ยาวนานมาก ถ้าเขาทำได้เขาก็อยากที่จะกลับไปหาหลินซีเหยียนเสียเดี๋ยวนี้เลย

ในเวลานี้ ณ รัฐหลีที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้นั้น พระราชวังของที่นี่ตกแต่งด้วยรูปแบบแตกต่างอย่างมากกับรัฐเจียง ซึ่งในเวลานี้ก็ได้มีขุนนางผู้ใหญ่มากมายได้มารวมตัวกัน ราวกับกำลังหารืออะไรบางอย่างที่สำคัญกันอยู่

“ฝ่าบาท องค์ชายรัตติกาลนั้นหาใช่คนโง่ไม่ ข้าเกรงว่าอีกฝ่ายคงจะเดาได้แล้วว่าพวกเราต้องการที่จะทำอะไรแล้วก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ชายผู้มีใบหน้าเยือกเย็นแต่ก็มีบรรยากาศอ่อนโยนได้คิ้วขมวดและคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการอย่างไรดีหลังจากนี้

จากที่เขาพูดมานั้น แม่ทัพเหยียเก๋อน่า กลับไม่เห็นด้วย “ข้าว่าท่านหัวหน้านักบวชประเมินองค์ชายรัตติกาลสูงไป ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะเก่งกาจสักแค่ไหน เขาก็ไม่อาจต่อกรกับทัพอาชาเหล็กของพวกเราได้หรอกน่า”

เหยียเก๋อน่านั้นเชื่อมั่นในทหารของรัฐหลีอย่างมาก เขานั้นเชื่อว่าที่รัฐหลีนั้นใช้เวลาไปหลายปีเพื่อฟื้นฟูกองทัพนั้นก็เพื่อในช่วงเวลาเช่นนี้

หลีเจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงนั้น ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความขี้เกียจ เมื่อเขาได้ยินที่เหยียเก๋อน่าพูด ใบหน้าของเขาก็ได้หัวเราะออกมาราวกับเห็นด้วย

แล้วสีหน้าที่แน่วแน่ของเหยียเก๋อน่าก็ได้กลายเป็นเชื่อฟังอย่างเคร่งครัดแทนเพราะเสียงหัวเราะของฮ่องเต้หลี

แล้วหัวหน้านักบวชก็ได้ส่ายหัวของเขา เขานั้นรู้สึกผิดหวังขึ้นมาและเริ่มกังวลถึงอนาคต ในเวลานี้เขากำลังนึกถึงคำพยากรณ์ของเขาอยู่

แล้วดวงตาของเขาก็ได้สว่างขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่ฮ่องเต้ของรัฐหลี “ฝ่าบาท คู่แห่งโชคชะตาของท่านปรากฏตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดี

แล้วเหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างของบัลลังก์ก็ได้พากันยินดี หลังจากที่ฮ่องเต้ครองราชย์มาได้ 3 ปี ในที่สุดฮองเฮาก็ได้ปรากฏตัวเสียที!!

นี่คือเรื่องที่น่ายินดีระดับประเทศเลยทีเดียว

ตั้งแต่อดีตกาลของรัฐหลีนั้น ฮองเฮาขององค์ฮ่องเต้ทุกพระองค์นั้นจะเป็นคนในนิมิตของหัวหน้านักบวชที่สืบทอดต่อกันมา และฮ่องเต้ก็จะต้องแต่งงานกับนางและพานางกลับมา

ถึงแม้ว่าหลีเจี้ยนเฉินนั้นจะไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดามากนัก แต่เขาก็ตั้งใจที่จะแต่งงานกับหญิงสาวเพียงคนเดียว และผู้ที่แต่งงานกับเขาก็จะต้องเหมือนเขาด้วย

ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของฮ่องเต้นั้น หัวหน้านักบวชก็ได้กล่าวอย่างช้าๆ “รัฐเจียง จวนมหาเสนาบดี”

“อยู่ในรัฐเจียงอย่างนั้นเหรอ?” ดวงตาจิ้งจอกของ หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ตกตะลึงเล็กน้อย แล้วริมฝีปากแดงของเขาก็ได้โค้งด้วยความยินดีขึ้นมา ราวกับหมาจิ้งจอกพบเหยื่อยังไงอย่างงั้น

แล้วเขาก็ได้จ้องไปที่เหล่าขุนนางที่กำลังตกตะลึงอยู่ด้านล่างของบัลลังก์ ดวงตาของเขานั้นเยือกเย็น และใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและงดงามนั้นก็ได้แสดงสีหน้าที่ชั่วร้ายออกมา

จนมีเสียงกลืนน้ำลายดังมาจากด้านล่างของบัลลังก์

พวกเขาพากันคิดในใจขึ้นมา คราวนี้พวกเขาได้ตายแน่ ฮ่องเต้ของเขานั้นเกลียดคนที่หมกมุ่นกับใบหน้าของเขามาก

ในขณะที่พวกเขาพากันคิดว่าพวกเขาคงได้ถูกลงโทษแน่ๆอยู่นั้น หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ลุกขึ้นยืนและเดินลากชุดสีแดงที่สง่างามของเขาไปกับพื้น เขาเดินลงมาจากบัลลังก์อย่างช้าๆ โดยไม่รอให้ขุนนางได้พูดอะไร

เขาก็ได้พูดทิ้งเอาไว้ประโยคหนึ่ง

“ข้าจะไปรับตัวว่าที่ฮองเฮา และในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ หวังว่ารัฐหลีจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่อย่างนั้น….”

หลังจากที่ได้ยินคำสุดท้ายแล้วจากปากของฮ่องเต้แล้ว เหล่าขุนนางต่างก็พากันสั่นด้วยความกลัวทันที

แต่ทว่ามหาเสนาบดีหลินแห่งรัฐเจียงนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีลูกสาวอยู่หลายคน แล้วลูกสาวของเขาคนไหนที่จะมีผู้หญิงแห่งโชคชะตาของรัฐหลี

ลูกสาวคนโตหลินหัวเยว่, ลูกสาวคนที่สาม หลินเสวี่ยเหยียน หรือว่าจะเป็นลูกสาวคนที่สี่หลินรั่วจิ่งที่เป็นลูกศิษย์ของนักปราชญ์เสียนอวิ๋นกันแน่?

แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็คงไม่ใช่หลินซีเหยียน เพราะอย่างไรเสียเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นก็เป็นคนที่องค์ชายรัตติกาลชื่นชอบ

เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาของเขาลง ด้วยมือที่แข็งแรงของเขาก็ได้ทำการขยี้เอกสารข้อมูลที่หอพันกลส่งมาจากรัฐหลีจนกลายเป็นผงและลอยไปในอากาศทันที

หลังจากที่เดินทางสองวันสองคืน อีกไม่นานเขาก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว และเขาก็ได้แต่หวังในแง่ดีว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อของเขาว่าคงจะไม่ไปถูกคนไม่ดีที่ไหนมาเกาะแกะอีก

ในเวลานี้อีกไม่นานก็จะบ่ายแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการถอนพิษเรียบร้อยแล้ว และรอหลินหนานเฟิงมาหา

แล้วก็มีคุณชายท่านหนึ่งที่มีผ้าปิดหน้าเดินมา เมื่อเขาได้เดินทางมาถึงโรงหมอหุยชุน เพราะว่าชุดของเขานั้นมีสีแดงเข้ม ลูกจ้างหนุ่มก็คิดว่าเขาคงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร และจัดให้รออยู่ในอันดับท้ายๆ

หลีเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ไอ้น้องชาย เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้านั้นบาดเจ็บสาหัสอยู่น่ะ?”

เพราะว่าเขาเสียเลือดมาก น้ำเสียงของหลีเจี้ยนเฉินจึงไม่ค่อยดีนัก แต่บรรยากาศที่น่าเกรงขามของเขาก็ไม่ได้ตกลงไปเลย

แล้วลูกจ้างก็ได้ขาสั่นด้วยความกลัว แต่ว่าเขานั้นรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นอาจจะแค่เป็นคนที่ก้าวร้าวเท่านั้น เขาจึงได้รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป “แต่ท่านขอรับ ข้าไม่เห็นว่าท่านจะเป็นอะไรมากนอกจากหน้าซีดเลยนะขอรับ”

หลีเจี้ยนเฉินก็ได้มองไปที่ลูกจ้างด้วยสายตาราวกับมองคนโง่ แล้วเขาก็ได้กัดริมฝีปากเพื่อระงับอารมณ์โกรธแล้วกล่าว “นี่คนในรัฐเจียงนี้โง่เหมือนเจ้ากันหมดรึยังไง?”

ในเวลานี้ผู้ป่วยคนอื่นๆก็ได้พากันแหวกทางออก และพากันมองมาที่หลีเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ไม่ดี “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันหา? ต่อว่าคนอื่นไม่พอยังว่าเหมารวมคนทั้งรัฐเจียงอีก!!”

“จริงด้วย คนคนนี้เขาเป็นอะไรของเขากันนะ?”

แล้วหลีเจี้ยนเฉินก็ถูกล้อมโดยผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังถูกรุมประณามอีกต่างหาก

แล้วริมฝีปากแดงของเขาก็ได้กัดแน่น และกล่าวออกมาอย่างดูหมิ่น “พวกเจ้าทุกคนช่างโง่เขลากันจริงๆนั่นแหละ”

จากนั้นโดยที่ไม่รอให้คนอื่นได้ทันตั้งตัว เขาก็ได้ลุกขึ้นยืนและไล่เตะคนที่มาล้อมเขาจนกระเด็นทีละคน

ถึงแม้เขาจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ความเจ็บแผลก็ได้ทำให้เขาต้องกัดฟัน

ลูกจ้างที่เห็นเช่นนั้นก็ได้รีบวิ่งไปที่หลังร้านด้วยความกลัว ในขณะที่เขาวิ่งก็ตะโกนไปด้วย “เถ้าแก่เนี้ยขอรับ เถ้าแก่เนี้ย เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ มีคนกำลังไล่เตะคนอยู่ที่หน้าโรงหมอขอรับ!”

หลินซีเหยียนก็ได้เดินออกไปหาลูกจ้างหลังจากที่ได้ยินเสียง ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปก็ได้จ้องมองไปที่ลูกจ้างหนุ่ม “ไม่ต้องรีบร้อน ไปพาชายคนนั้นมาหาข้าที่หลังร้าน”

แล้วลูกจ้างหนุ่มก็ได้ผงกหัวแล้วรีบวิ่งแจ้นออกไป แล้วจากนั้นหมอหลวงจงก็ได้ตรวจอาการของหลีเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับอยากจะถามอะไรบางอย่าง

“เจ้าหมอเฒ่า ท่านจะบอกว่าบาดแผลของข้าที่ถูกทำร้ายโดยสัตว์ป่าแค่เนี้ย เจ้ารักษาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”

ตอนแรกที่เขาได้พบคนที่น่าจะฉลาด ก็คิดว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะได้รักษาเสียที แต่พอเขาพบว่าอีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเหมือนกับเจอศัตรูตัวฉกาจนั้น ก็ได้ทำให้เขารู้สึกอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตาขึ้นมา

เขาก็เริ่มรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมา เพื่อที่จะมาให้ถึงรัฐเจียงไวๆ จึงได้ทิ้งผู้ติดตามของเขามานั้น ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเสียแล้ว

แต่ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิด แต่ก็ไม่มียาแก้สำนึกผิดให้เขา

“คุณชาย บาดแผลของท่านนั้นถูกทำร้ายโดยหมีที่อาศัยอยู่ในป่าไม้ดำที่ชื่อว่าขุยหลาน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเล็บของหมีชนิดนี้มีพิษ ซึ่งข้าต้องเสียใจด้วย ข้านั้นไม่รู้วิธีรักษามันจริงๆ”

หมีขุยหลานนั้นเป็นหมีที่พบได้ทั่วไปในรัฐหลี แน่นอนว่ายาแก้พิษเองก็มีอยู่ทั่วไปเรียกได้ว่าทุกบ้านต้องมี หลีเจี้ยนเฉินจึงไม่อยากที่จะคิดว่าหมอในรัฐเจียงนั้นจะไม่สามารถรักษาได้

“รัฐเจียงนั้นสามารถทำให้คนตายได้ในพริบตาจริงๆ! หรือว่าความทะเยอทะยานของตระกูลข้าจะต้องมาจบสิ้นที่นี่เสียแล้ว?”

ในขณะที่เขากำลังรู้สึกเสียใจกับตัวเองอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงลูกจ้างหนุ่มวิ่งหอบมาหา “คุณชายขอรับ ได้โปรดตามข้ามา เถ้าแก่เนี้ยอยากที่จะพบท่านขอรับ!”

แล้วหมอหลวงจงก็ได้ลูบหนวดของเขาโดยมีความกระจ่างใสในคิ้วของเขา เขานั้นลืมเด็กคนนั้นไปได้อย่างไร? ถ้าหากเป็นเด็กคนนั้นล่ะก็จะต้องมีหนทางแน่ๆ

แล้วสภาพที่เหมือนม้าตายของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้กลับมามีชีวิตขึ้นมาและเดินตามลูกจ้างหนุ่มไปที่หลังร้าน แต่เมื่อเขาได้พบกับเถ้าแก่เนี้ยของร้านนี้แล้ว ดวงตาจิ้งจอกของเขาก็ได้เปล่งแสงออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ทำให้เขาต้องอุทานออกมาในใจ “สวรรค์ นี่มันนางฟ้าจากสวรรค์ชั้นเก้าหรืออย่างไรกัน?”

หมอผีแม่ลูกติด

หมอผีแม่ลูกติด

Status: Ongoing
หลินซีเหยียนหญิงสาวผู้บ้าคลั่งชายหนุ่มรูปงาม ได้หายตัวไปถึง 5 ปี และนางได้กลับมาอีกครั้งในฐานะหมอผี ผู้รักษาได้ทุกโรค พร้อมกับกระเตงลูกชายวัย 5 ขวบมา 1 คน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท