เหตุการณ์นี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นลางร้าย
ไม่ว่าจะเป็นการขุดสุสานหรือการขับไล่วิญญาณร้าย ก็มีข้อห้ามสำคัญคือห้ามกระทำสิ่งเหล่านั้นในวันฝนตก
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะในน้ำมีพลังปราณหยินอยู่
มีโอกาสสูงที่มันจะกระตุ้นให้ซากศพลุกขึ้นจากหลุม…
ในเวลานี้ ราชาแห่งนรกซึ่งเดิมทีตั้งใจไว้ว่าจะปิดประตูนรกสู่ยมโลกในอีกสามวันมีรับสั่งใหม่ออกมาว่า ถ้าฝนยังไม่หยุดตก ประตูทุกประตูที่มุ่งสู่ยมโลกจะต้องถูกปิดตอนยามจื่อ หรือก็คือเวลาศูนย์นาฬิกานั่นเอง
เมื่อบุตรแห่งราชานรกรู้เรื่องนี้เข้า เขาก็ฟาดบัญชีนรกที่อยู่ในมือตัวเองทันที ”ตาแก่ ท่านกำลังล้อข้าเล่นหรือ”
ราชาแห่งนรกเกลียดการถูกเรียกว่าตาแก่เป็นที่สุด มือที่ถือถ้วยชาอยู่กำเข้าหากันแน่น จากนั้นเขาจึงดุอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า ”เจ้าหนู เจ้าอยากถูกลงโทษมากนักใช่ไหม! จากวันนี้เป็นต้นไป ห้ามเจ้าก้าวเท้าออกนอกยมโลกโดยเด็ดขาด!”
“ท่านรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำให้ข้าอยากหนีไปจากที่นี่!” บนศีรษะของบุตรแห่งราชานรกมีเขาอยู่สองเขา และปานมรณะประดับอยู่ที่มุมปากอันหล่อเหลาของเขา ”ท่านคิดว่าข้ารักที่นี่นักหรือ ข้าจะมุ่งหน้าไปที่โลกมนุษย์เดี๋ยวนี้ล่ะ! เสี่ยวโกวยังรอข้าอยู่ที่นั่น!”
ราชานรกหัวเราะเย้ยหยัน ”คนผู้นั้นไม่ใช่คนที่ถีบเจ้ากลับลงมาที่นี่หรอกหรือ ยังรอเจ้าอยู่หรือ คงถึงเวลาที่เจ้าตื่นจากฝันได้แล้วกระมัง”
“ตาแก่ เห็นแก่ที่ท่านเป็นบิดาข้า ครั้งนี้ข้าจะทนท่านสักครั้งก็แล้วกัน!” บุตรแห่งนรกหยิบขวานขนาดมหึมาขึ้น แล้วเตรียมตัวกระโดดสู่โลกมนุษย์!
แต่เขาก็ต้องยอมจำนนเพราะฝีมือที่ยังไม่ถึงขั้นของตัวเอง หลังจากกระโดดไปครั้งหนึ่ง เขาก็ยังไม่สามารถออกไปจากที่เล็กๆ แห่งนี้ได้
บุตรแห่งราชานรกหันกลับไปมองผู้เป็นบิดา ”ถ้าท่านเก่งจริง ก็ปล่อยข้า แล้วเรามาสู้กันตัวต่อตัว!”
“ทำไมข้าจะต้องสู้กับเจ้าตัวต่อตัวด้วย หุบปากซะเจ้าหนู!” ราชานรกเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเหมือนกัน เจ้าหนูนี่คิดว่าข้าอยากปิดประตูสู่ยมโลกจริงๆ หรือ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันนี้ หากสิ่งชั่วร้ายสามารถแทรกซึมเข้ามาได้ การรับมือกับมันย่อมเป็นสิ่งที่ลำบากกว่านี้มากนัก
เห็นได้ชัดว่าราชาแห่งนรกไม่ใช่คนที่มีความอดทนมากนัก เขาจึงมัดบุตรชายเอาไว้กับเก้าอี้ แล้วจากนั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับบรรดาผู้พิพากษาวิญญาณต่อ พวกเขาจะต้องตรวจดูรายชื่อคนตายและเวลาตายที่อยู่ในบัญชีนรกให้เสร็จก่อนที่ยามจื่อจะมาถึง
เมื่อเห็นผู้เป็นบิดากำลังยุ่งอยู่ เด็กชายจึงลอบมองไปที่สุนัขสองหัวที่อยู่ด้านหลัง
พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเขามาตลอดหลายปี
สุนัขสองหัวกำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นลูกบอลอยู่
เมื่อพวกมันเห็นว่าเจ้านายมองอยู่ พวกมันก็หยุดเล่นทันที
หัวหนึ่งพูดขึ้นว่า ”เจ้าสอง ดูนั่นสิ นายน้อยเรียกพวกเราไปทำอะไรหรือ”
“เขาต้องอยากให้พวกเราช่วยแก้มัดให้เขาแน่!” อีกหัวหนึ่งตอบอย่างมั่นใจ มันยืดคอขึ้นราวกับรอรับคำชมจากบุตรแห่งนรก
แต่…
เสียงและการเคลื่อนไหวของมันกลับดังเกินไป
ไม่ใช่แค่ราชาแห่งนรกที่กำลังยุ่งอยู่ แต่แม้กระทั่งผู้พิพากษาวิญญาณก็ยังมองไปที่บุตรแห่งราชานรกพร้อมกัน…
เขาสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับยกมือเล็กๆ ของตัวเองขึ้นก่ายหน้าผาก สุนัขที่เขาเลี้ยงต้องโง่เง่าถึงเพียงใดกัน! มันโง่ยิ่งกว่าสุนัขฮัสกี้เสียอีก!
ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว แม้เขาจะรู้ว่าบิดาคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด และอาจจะต้องการประมือกับคนคนนั้น แต่เขาก็จำเป็นต้องพูดสิ่งนี้ออกไป!
“ตาแก่ ท่านยังจำราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ท่านมักประมือด้วยอยู่บ่อยๆ และมีฝีมือสูสีกับท่านได้หรือเปล่า เขายังมีชีวิตอยู่ ข้าได้เห็นเขามาแล้ว” ความจริงก็คือบิดาของเขาไม่เคยเอาชนะราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้เลย แต่เขาพูดเช่นนี้เพราะไม่อยากสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้เป็นบิดาเกินไป
เป็นอย่างที่คิด ราชาแห่งนรกผลักผู้พิพากษาวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าออก พร้อมกับตะโกนขึ้นด้วยดวงตาลุกเป็นไฟว่า ”ไอ้หมอนั่นอยู่ที่ไหน”
เด็กชายตอบอย่างเย็นชาว่า ”ทำไมข้าถึงต้องบอกท่านด้วยล่ะ”
ราชาแห่งนรกหรี่ตาลง แสงสีเหลืองอำพันส่องประกายออกมาจากตาคู่นั้น ”เจ้าคิดว่าจะสามารถใช้วิธีนี้มาขู่ข้าได้หรือ”
“อีกอย่าง เขายังหล่อกว่าเดิมเสียอีก” เด็กชายแกล้งพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องของเขา แล้วจึงว่าต่อ ”ถ้าท่านแม่เห็นเข้า นางจะต้องทิ้งท่านไปแน่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าตอนนั้นนางเอ่ยชมเขาว่าอย่างไร นางบอกว่าเขาดูเหมือนเทพบุตร แม้รอบตัวจะเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชั่วร้าย แต่เขาก็ยังดูเยือกเย็นดุจสายน้ำ เฮ้อ คนผู้นี้มีจุดเด่นอยู่ที่เสน่ห์ ท่านพ่อ ข้าก็ไม่ได้อยากว่าท่านหรอกนะขอรับ แต่ถึงท่านจะหน้าตาดูดี แต่การใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความภักดีมันตกยุคไปแล้วขอรับ สิ่งที่ควรมีอย่างมากคือความอ่อนโยนและความสง่างาม แต่ท่านกลับไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้นเลย ยิ่งกว่านั้น จนกระทั่งถึงวันนี้ท่านแม่ก็ยังไม่ได้สมัครใจจะอยู่กับท่านด้วย หึ!”
คำพูดของบุตรแห่งราชานรกจุดเพลิงโทสะของราชาแห่งนรกขึ้นมาได้ทันที!
“บอกข้ามาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าไปพบเสี่ยวโกวที่โลกมนุษย์!” ราชาแห่งนรกทนเห็นภรรยาของตัวเองชมผู้ชายคนอื่นไม่ได้ เขาจะต้องฆ่าพวกมันให้หมดทุกคน!
บุตรแห่งราชานรกรีบคว้าโอกาสนั้นทันที เขาประสานมือเข้าหากัน ”ตกลงขอรับ!”
สองพ่อลูกทำข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย คนหนึ่งเดินออกจากวังด้วยความเดือดดาล
ส่วนอีกคนรีบสั่งให้สุนัขสองหัวหาตำแหน่งของสุนัขล่าเนื้อที่อยู่ข้างเฮ่อเหลียนเวยเวย เขากระโดดลงมายืนอยู่เหนือหลังคาบ้านของตระกูลหวัง
ทันใดนั้นดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็พลันดำทะมึนพร้อมฝนที่ตกลงมาอย่างกะทันหัน
เมื่อบุตรแห่งราชานรกเห็นนาง เขาก็รีบกระโดดเข้าไปในลาน ”แม่นาง!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นเด็กชายตัวเล็กเข้ามา นางจึงเลิกคิ้วขึ้น ”เจ้ามาทำไม”
“ข้ามาบอกเจ้าว่าท่านพ่อของข้าจะปิดเส้นทางแห่งการเกิดใหม่เร็วกว่ากำหนด แต่โชคดีที่เขาเป็นคนขี้หึง ทันทีที่เขารู้เรื่องราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็ลืมสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบแล้วก็รีบออกจากวังทันที!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังอย่างเงียบๆ แล้วเผลอหันไปมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าน่ามองขององค์ชายหันออกด้านข้าง แสงจันทร์และสายฝนเหล่านั้นล้วนแต่ไร้ความหมายสำหรับเขา เขาไม่ได้คิดจริงจังกับคำพูดของบุตรแห่งราชานรกด้วยซ้ำ
แต่… คราวนี้องค์ชายทำอะไรลงไป? ทำไมถึงสามารถทำให้ราชาแห่งนรกโมโหจนทิ้งทุกอย่าง แล้วบึ่งมาแก้แค้นเขาถึงโลกมนุษย์ได้เชียวล่ะ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยสงสัยความสามารถในการดึงดูดความเกลียดชังขององค์ชายเลยสักครั้งเดียว
แต่ตัวเขาเองกลับไม่เคยสนใจเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ
การเป็นศัตรูกับองค์ชายช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ…
“แต่” บุตรแห่งราชานรกพูดต่อ ”เขาเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว ถ้าเขาไปที่วังหลวง และหาตัวราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ไม่เจอ เขาจะรีบทำตามแผนการเดิมนั่นคือการปิดเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ทันที ผู้พิพากษาวิญญาณเองก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว ทันทีที่ถึงยามจื่อ ประตูที่มุ่งสู่ยมโลกทุกบานจะถูกปิดลง ถ้าฝนไม่หยุดตก ยมโลกก็จะไม่สามารถบอกได้ว่าวิญญาณตนใดมีปราณแห่งความเคียดแค้นอยู่ หรือตนใดไม่มี ดังนั้นมาตรการรับมือนี้จึงเป็นหนทางเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว นางไม่ได้ตำหนิที่บุตรแห่งราชานรกกลับคำพูดของตัวเองอย่างกะทันหัน
นางรู้ว่าการตัดสินใจปิดประตูสู่ยมโลกนั้นเป็นการทำเพื่อส่วนรวม มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกักไม่ให้เชื้อนั้นแพร่ออกไป
พวกนางต้องทำลายต้นตอของการติดเชื้อนี้ทันที ไม่อย่างนั้นพวกเขาย่อมจำเป็นต้องปิดเส้นทางแห่งการเกิดใหม่
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้ากลับไป สายตาของนางหยุดอยู่ที่เหยียนหลิ่วเอ๋อร์และหวังหลิง จากนั้นนางก็หรี่ตาลงพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาหวังหลิง ”ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราคงเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว”
ในเวลานั้น มุมปากของวิญญาณร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กลุ่มผมยาวก็พลันกระตุกขึ้นอย่างช้าๆ บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างของมัน ข้ารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าคนเราจะฉลาดเพียงใด แต่พวกเขาก็มักจะมองข้ามผู้บริสุทธิ์และอ่อนแอเสมอ ยิ่งกว่านั้น ความวุ่นวายที่เจ้าหมอนี่ก่อขึ้นเมื่อครู่ก็ยังเป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ ในตอนที่ชุดแต่งงานพวกนั้นถูกเผา เขาก็เลือกคนคนนี้ทันที…