บทที่ 682 ต้นหลิว ‘เจ้ายังไม่มีสิทธิ์เอ่ยวาจาเช่นนี้กับพวกมัน!’
หลี่จิ่วเต้า!
สิ่งมีชีวิตพิศวงตัวนี้มายังจักรวาลโกลาหลผืนนี้ก็เพื่อสืบค้นข้อมูลของหลี่จิ่วเต้า
ครั้งซีก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ในแดนบรรพกาลได้ถึงร้อยขึ้นครานั้น หรือก็คือจุดสูงสุด มันได้เผยให้เห็นถึงพรสวรรค์เลิศล้ำเกินหยั่ง จนเป็นที่สนใจของกองกำลังย่อยของพวกมันในจักรวาลโกลาหลผืนนี้
พรสวรรค์เลิศล้ำเกินหยั่งระดับนี้ เมื่อใดที่ได้เติบโต ย่อมต้องน่าครั่นคร้ามเป็นที่สุด กองกำลังย่อยของพวกมันในด้านนี้จึงคิดหาวิธีกำจัดซีไปก่อน
ฝ่ายพิศวงลางร้ายมีกองกำลังย่อยมากมายคณานับ จุดกำเนิดที่แท้จริงมิได้เจือจุนกองกำลังย่อยเหล่านี้เท่าใด เพียงแต่ให้กองกำลังย่อยต่าง ๆ แยกย้ายกันไปสั่งสมอำนาจในจักรวาลโกลาหลแต่ละผืน แล้วยึดครองจักวาลโกลาหลแต่ละผืนนั้นด้วยกำลังของตน
เช่นนี้ก็เพื่อให้สมาชิกกองกำลังย่อยเหล่านี้ได้รับการขัดเกลาจนเติบโตขึ้น
แท้จริงแล้ว กองกำลังย่อยของพวกมันไม่มีอำนาจพลังพอจะบุกเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล มิฉะนั้น ก็คงไม่ถูกพลังในแดนบรรพโกลาหลสกัดกั้น ยึดครองจักรวาลโกลาหลผืนนี้ได้นานแล้ว
แต่เพื่อกำจัดสิ่งที่ประเมินมิได้อย่างซี ไม่ให้ซีมีโอกาสเจริญก้าวหน้า กองกำลังย่อยเลือกที่จะยกทัพทั้งหมดเข้าจู่โจม และหาหนทางส่งบรรพจารย์โบราณท่านหนึ่งเข้าไป
ส่งบรรพจารย์โบราณระดับนี้เข้าไป ย่อมต้องฆ่าล้างแดนบรรพโกลาหล และกำจัดซีออกไปได้ ทว่าเรื่องที่มิมีผู้ใดคาดคิดคือ เบื้องหลังของซีมีผู้ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการคอยคุ้มครองอยู่!
พวกมันไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นเป็นใคร บรรพจารย์โบราณที่ส่งเข้าไปไม่ทันได้ประกอบกิจอันใด ก็ถูกร่างแย่งวิถีของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นกำราบ
ต่อมา แดนกำเนิดพิศวงลางร้ายอย่างแท้จริงยังต้องแตกตื่น ส่งพลังไปเจือจุนบรรพจารย์ท่านนั้น กระนั้นยังมิไหว
แดนกำเนิดพิศวงลางร้ายที่แท้จริงให้ความสำคัญต่อสถานการณ์นี้มาก ซ้ำต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนยังจุติลงมาด้วยตนเอง
ทว่าหารู้ไม่ ท่านผู้นั้นอัศจรรย์ถึงขีดสุด ทั้งที่มิใช่ร่างจริง เป็นเพียงร่างแยกวิถี ก็บดขยี้ต้นบรรพจารย์เสวี่ยเทียนจนแหลกลาญลงไปได้!
พวกมันต่างตะลึงงัน สะท้านในอก
แต่พวกมันมิได้เกรงกลัว
เบื้องหลังพวกมันมีพลังเทวโลกคอยค้ำจุน ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายพวกมันได้
เพราะอย่างนั้น หลังจากสิ่งมีชีวิตพิศวงตนนี้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกระจกสัมฤทธิ์ ก็รีบไปหาเหล่าต้นบรรพจารย์ ถามว่าสามารถเข้าไปสืบข้อมูลที่จักรวาลโกลาหลแห่งนี้ก่อนได้หรือไม่
ดูว่าท่านผู้นั้นมีภูมิหลังความเป็นมาอย่างไร
เหล่าบรรพจารย์อนุญาตให้มันไป มันถึงมายังจักรวาลโกลาหลผืนนี้โดยอ้างกระจกสัมฤทธิ์
ยามมา มันระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะกังวลว่าจะถูกท่านผู้นั้นจับได้ แต่หลังจากมันมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย จึงคิดว่าท่านผู้นั้นหาได้เก่งกล้าสามารถไปเสียทุกอย่าง มิได้จับตาดูสถานการณ์ในจักรวาลโกลาหลผืนนี้อยู่ตลอด
นี่คือโอกาสอันดีสำหรับมันอย่างไม่ต้องสงสัย
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ จ้าวหลานบุกออกไปข้างหน้าตามคำบัญชา มันไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว พลังทวีไม่รู้กี่เท่าตัว แผ่นหินเขียวปูพื้นเข้าถล่มมัน ถูกมันป้องกันไว้ได้ด้วยพลังกล้าแกร่ง
มันรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้สามารถกำราบจักรพรรดิเซียน กระหน่ำบรรพจารย์เซียนได้ง่ายดาย พลังที่มีอาจเหนือชั้นกว่าบรรพจารย์เซียนด้วยซ้ำ ก้าวสู่ขอบเขตที่เหนือกว่านั้นไปแล้ว
“ยังกล้าโอหังต่อหน้าข้าอยู่อีกรึ?! ข้า…”
จ้าวหลานเริ่มลืมตัว ตะคอกโหวกเหวกไม่หยุด ทว่ามันไม่ทันกล่าวจบ ก็รู้สึกถึงสายตาน่าประหวั่นพรั่นพรึงมองมาหามันจากทางด้านหลัง มันกลัวจนรีบหุบปาก วาจาที่กำลังจะพ่นออกไปต้องฝืนกลืนกลับเข้าไป
มันเกือบทำให้จ้าวแห่งความพิศวงผู้นี้ไม่พอใจอีกแล้ว!
มันก่อนนี้ลำพองอวดดีเกินไป จนสร้างความไม่พอใจให้กับจ้าวแห่งความพิศวงผู้นี้ จึงถูกจ้าวแห่งความพิศวงผู้นี้ตบเป็นหมอกเลือด…
หลังจากมันหุบปาก ก็รู้สึกได้ว่าสายตาที่จ้องมันจากทางด้านหลังหายลับไป
เหงื่อเย็นไหลโซมลงมาตามตัว นึกโชคดีอยู่เต็มประดา ยังดีที่มันมีไหวพริบ หุบปากทัน มิฉะนั้น มันได้โดนตบอีกแน่!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
มันมิกล้าเอื้อนเอ่ยวาจาใดอีก หลอมหอกยาวเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยพลังพิศวงลางร้าย บุกไปหาเหล่าของวิเศษ คลื่นพลังอันน่ากลัวซัดสาดใส่ปฐพีจนเสียงดังครืนคราน!
หมายจะกำจัดเหล่าของวิเศษไปให้หมด!
นี่คือคำสั่งจากจ้าวแห่งความพิศวงซึ่งอยู่เบื้องหลังของมัน แม้มันจะปวดใจอย่างมาก นึกเสียดายอยู่หน่อย ๆ ถึงอย่างไร วัสดุของวิเศษเหล่านี้ต่างอัศจรรย์เหลือแสน เลอค่าสูงส่ง ถูกทำลายไปทั้งอย่างนี้นับว่าน่าเสียดายยิ่ง
ทว่ามันก็มิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของจ้าวแห่งความพิศวง
มันลงมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มี มิได้กักเก็บแม้แต่น้อย เป้าหมายคือทำลายเหล่าของวิเศษให้สิ้นซาก!
หอกยาวทิ่มแทงออกไป พลังน่าพรั่นพรึงปะทุออกมา โต๊ะเก้าอี้หินออกหน้ารับศึก แต่ก็ต้องถอยด้วยแรงกระเทือนไปทันที ซ้ำยังเกิดรอยร้าวตามตัวอีกด้วย!
แม้ว่ารอยร้าวนั้นกระจิริด บางยิ่งกว่าเส้นผม กระนั้นก็เกิดรอยร้าวขึ้นมาแล้วจริง ๆ พลังของจ้าวหลานในยามนี้ ทำอันตรายเหล่าของวิเศษได้จริง ๆ!
จ้าวหลานตาเป็นประกาย อยากจะระเบิดเสียงหัวเราะ ทว่าเพียงพริบตาเดียว มันก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ ทำเช่นนั้นเท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ!
มันระเบิดพลังอีกครั้ง บุกเข้าไปในดงของวิเศษ พลังที่ระเบิดออกมาจากหอกยาวสะเทือนเลือนลั่น บรรดาของวิเศษเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
มัจฉาสัตมายาถอยกลับไปนานแล้ว การต่อสู้เช่นนี้มิใช่การต่อสู้ที่มันสามารถเข้าร่วมได้ หากฝืนเข้าร่วม น่ากลัวว่ามันคงถูกปลิดชีพในชั่วพริบตา
“พี่หลิวเล่า”
หัวใจของมันหนักอึ้ง หากพี่หลิวไม่ออกโรง ด้วยพลังของเหล่าของวิเศษเพียงอย่างเดียวคงยากจะพ้นภัย!
บัดนี้ ลำพังเพียงต่อกรกับจ้าวหลานยังลำบากยากเข็ญสำหรับเหล่าของวิเศษ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจัดการกับจ้าวแห่งความพิศวง หากคิดจะผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ ยังต้องหวังพึ่งพี่หลิว!
แต่จนบัดนี้พี่หลิวยังไม่หือไม่อือเลยสักนิด…
หรือว่าพี่หลิวกลับไปแล้ว มิได้อยู่ในอาณาจักรอวี้ซวี?
จ้าวหลานยิ่งได้ต่อสู้ก็ยิ่งดุดัน เหล่าของวิเศษถูกกำราบจนยิ่งทุลักทุเล กลายเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างสิ้นเชิง
อันที่จริง เป็นเพราะประสบการณ์ต่อสู้ของเหล่าของวิเศษน้อยเกินไป จึงมิอาจระเบิดพลังในตัวออกมาได้เต็มที่
หากว่าเหล่าของวิเศษสามารถเปล่งอำนาจที่แท้จริงออกมาได้ พวกมันไม่มีทางถูกถล่มจนอยู่ในสภาพยับเยินปานนี้ ต่อให้จ้าวหลานในเวลานี้ดุดันเพียงใด ก็ไม่มีทางเป็นเช่นนี้ได้!
อีกด้าน จ้าวแห่งความพิศวงมองดูทุกอย่างเงียบเชียบ มันไม่ยี่หระที่จะลงมือกับเหล่าของวิเศษ ในสายตาของมัน เหล่าของวิเศษเป็นเพียงของดาษดื่น
หากมันลงมือ เพียงโจมตีง่าย ๆ ก็สามารถสยบเหล่าของวิเศษได้แล้ว
ของวิเศษเหล่านี้ยังไม่ควรค่าให้มันต้องลงมือ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
จ้าวหลานสายตาเหี้ยมเกรียม จู่โจมรุนแรง ไม่ให้โอกาสเหล่าของวิเศษแม้แต่น้อย หมายจะกำจัดให้สิ้นซากในคราเดียว
เหล่าของวิเศษกดดันขึ้นเป็นเท่าตัว เริ่มสึกหรอบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เปลวเพลิงบนกระบองเขี่ยไฟเริ่มเบาบางลง ถังขยะพ่น ‘ของเสีย’ ออกมา
ถ้วยกระเบื้องพิถีพิถันแปดถ้วยก็เต็มไปด้วยรอยร้าว พวกมันต่างรู้สึกถึงภยันตรายอันใหญ่หลวง ซึ่งอาจถูกกำจัด!
“ฆ่า!”
เมื่อได้เห็นภาพนี้ จ้าวหลานก็ลงมือรุนแรงยิ่งขึ้น มันต้องเร่งพลังอีกหน่อย เท่านี้มันก็จะกำจัดเหล่าของวิเศษได้หมด!
แต่นั่นเป็นเพียงความทึกทักเอาเองของมันเท่านั้น
มันคิดว่ามันเร่งกำลังอีกนิดก็จะกำราบเหล่าของวิเศษลงได้ หากเป็นของวิเศษชิ้นอื่นอาจเป็นเช่นนั้นจริง
แต่ของวิเศษเหล่านี้ไม่ธรรมดา
มันประเมินเหล่าของวิเศษต่ำเกินไป!
ในนาทีความเป็นความตาย เป็นช่วงเวลาที่กระตุ้นพลังแฝงได้ดีที่สุด สถานการณ์ของเหล่าของวิเศษในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น พวกมันสัมผัสถึงอันตรายที่อาจถูกกำจัด ส่งผลให้พวกมันเอาชนะความกลัว เปล่งพลังอันรุนแรงยิ่งขึ้นออกมาได้!
ถึงอย่างไร พวกมันก็ไม่ธรรมดา หลังจากถูกบีบคั้นจนวิกฤต พลังของพวกมันที่ไม่เคยระเบิดออกมาก็ปะทุในบัดนี้!
เสียงดัง ‘ตู้ม!’ แผ่นหินเขียวปูพื้นถล่มอีกครั้ง กฎวิถีอันน่ากลัวเคลื่อนทะยาน หอกยาวซึ่งหลอมด้วยพลังพิศวงลางร้ายของจ้าวหลานถูกทำลายจนป่นปี้ในบัดดล ต้านทานมิได้เลย!
ถ้วยกระเบื้องพิถีพิถันแปดถ้วยเปล่งประกายเจิดจ้า รอยร้าวตามตัวหายสาบสูญ คืนสภาพดังเก่า พวกมันส่ายตัวถ้วยเบา ๆ คลื่นแสงสีขาวพิเศษซัดสาดออกไป จ้าวหลานกอดหัวร้องลั่นอย่างเจ็บปวด ดวงวิญญาณถูกโจมตีอย่างรุนแรง!
กระบองเขี่ยไฟลุกโชนอีกครั้ง แผดเผามาถึงจ้าวหลานในชั่วพริบตา ทันใดนั้น ตัวจ้าวหลานลุกเป็นไฟ ควันดำโขมง จ้าวหลานถูกไฟลวกจนต้องคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดเหลือแสน
เปลวเพลิงสลาย ขนพิศวงบนตัวจ้าวหลานหลุดไปจนหมดแล้ว เนื้อตัวไหม้เกรียม อนาถจนไม่อาจทนมองได้ไหว
“เมื่อครู่กระบองบอกว่าเจ้าตาบอด มองไม่เห็นผิดชอบชั่วดี ข้าว่ามิใช่ ข้ารู้สึกว่าสมองเจ้าไม่ดีเท่าใด ข้ามาช่วยเรียกสติ”
ถังขยะบุกเข้ามา คว่ำลงบนหัวจ้าวหลาน มันไม่สงวนกลิ่นอายอีกต่อไป แผลงฤทธิ์เต็มที่ ชั่วพริบตานั้น จ้าวหลานสัมผัสถึงรสชาติที่ทรมานยิ่งกว่าตาย มันเกือบเสียสติเพราะกลิ่นเหม็นของถังขยะ!
เหล่าของวิเศษลงมืออย่างพร้อมเพรียง พลังที่ระเบิดออกมานั้นเหนือกว่าเก่ามากนัก บัดนี้ ไม่ว่าของวิเศษชิ้นไหนต่างสามารถเอาชนะจ้าวหลานได้ง่ายดาย มิเหมือนอย่างเก่า
“พอได้แล้ว!”
จ้าวแห่งความพิศวงทนดูไม่ไหว มันแค่นเสียงเย็น คลื่นพลังน่ากลัวถาโถม เหล่าของวิเศษกระเด็นกระดอน จ้าวหลานถูกช่วยไว้ได้
มันตกตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเหล่าของวิเศษจะวิวัฒนาการ เปล่งพลังยิ่งใหญ่ได้เพียงนี้
แต่เพียงไม่นานมันก็สงบความตะลึงนั้นได้
ต่อให้เหล่าของวิเศษสำแดงฤทธิ์เดชได้มหัศจรรย์เพียงใด ก็หาได้มีค่าในสายตาของมัน
“ข้ามอบพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ให้มันได้ อย่างเช่นแบบนี้…”
จ้าวแห่งความพิศวงปริปากเบา ๆ จิ้มนิ้วหนึ่งไปทางจ้าวหลาน ชั่วพริบตานั้น บาดแผลบนตัวจ้าวหลานหายไปทั้งหมด พลังปราณในตัวพุ่งพรวดไม่หยุด ไม่นานนักก็อยู่ในระดับสยดสยองอย่างยิ่งยวด!
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น จ้าวแห่งความพิศวงก็มิได้หยุดยั้ง เพิ่มพูนพลังของจ้าวหลานไปเรื่อย ๆ มันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอันใดอีก
พลังปราณของจ้าวหลานยกระดับอย่างบ้าคลั่ง พลังในกายยิ่งคูณทวี ระดับขอบเขตของจ้าวแห่งความพิศวงสูงเกินไป มันช่วยให้จ้าวหลานมีพลังไร้เทียมทานได้อย่างง่ายดาย
“ประมาณนี้คงพอแล้ว”
จ้าวแห่งความพิศวงหยุดมือ มิได้เพิ่มพลังของจ้าวหลานต่อ พลังที่จ้าวหลานมีในตอนนี้พอแน่นอน มันรู้สึกว่า ต่อให้ส่งจ้าวหลานเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลก็คงมิมีผู้ใดทัดเทียม กวาดล้างได้ทั้งแดนบรรพโกลาหล
“พวกเจ้าเล่า ผู้ใดจะมอบพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ให้พวกเจ้ากัน”
จ้าวแห่งความพิศวงทอดมองเหล่าของวิเศษ เอ่ยเสียงราบเรียบ “มองเห็นนภาเท่าเพียงปากบ่อ พวกเจ้าต้อยต่ำเกินไป พลังและสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของพวกเจ้ามีอยู่ถมเถ”
เหล่าของวิเศษหนักอึ้งในใจ จ้าวแห่งความพิศวงผู้นี้จัดการได้ยากจริง!
เสียงดังฟึ่บ ก้านหลิวก้านหนึ่งทะลุมิติมาอยู่ที่นี่
“ถูกต้อง มิมีผู้ใดมอบพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ให้พวกมันได้ เพราะพวกมันไม่ต้องการ พลังในตัวพวกมันกล้าแกร่งพออยู่แล้ว!”
ต้นหลิวมาถึง
“มองเห็นนภาเท่าเพียงปากบ่อ พวกเจ้าต้อยต่ำเกินไป พลังและสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของพวกเจ้ามีอยู่ถมเถ ประโยคนี้เจ้าเอ่ยให้ตัวเองฟังหรือ”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้ายังไม่มีสิทธิ์เอ่ยวาจาเช่นนี้กับพวกมัน!”
ต้นหลิวกล่าวต่อ แข็งกร้าวไร้ผู้ใดทัดเทียม!