บทที่ 6 สายฟ้าที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน (ปลาย)
“สายฟ้ามันทำให้สมองของเจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือไง?” เสวี่ยเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าคนตรงหน้าแปลกไป อีกฝ่ายไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างที่นางคิดเอาไว้ และนั่นก็ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจอย่างเท่าที่มันควรจะเป็น
ซูอันเองก็ตระหนักได้ว่าปฏิกิริยาของเขานั้นแปลกไปจากเดิม ชายหนุ่มจึงรีบหุบยิ้มและสวมใบหน้าเจ็บช้ำระกำใจพร้อมกับเดินกลับเข้ามาในเรือนของ ฉู่ชูเหยียน อีกรอบและตะโกนว่า “สิ่งที่เจ้าทำมันผิดธรรมเนียม! ข้าไม่เคยได้ยินภรรยาคนไหนกล้าปฏิเสธที่จะนอนกับสามีของนางมาก่อน!”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงก่ำ นางสะบัดแขนเสื้อของตัวเองไปดึงประตูด้านหลังของชายหนุ่มให้ปิดลงเพราะนางไม่ต้องการให้ใครที่อยู่แถวนี้ได้ยินเสียงร้องที่น่าสังเวชของชายหนุ่มตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว
ซูอันยังคงป่าวร้องออกมาอย่างหน้าไม่อาย “หากเจ้าไม่อยากนอนกับข้าแล้วเจ้าจะแต่งงานกับข้าทำไม? พรุ่งนี้ข้าจะไปเดินตามท้องถนนและประกาศให้ชาวบ้านรู้ความจริงนี้ให้หมด! แล้วเรามาดูกันว่าจะเป็นเจ้าหรือข้ากันแน่ที่จะอับอายมากกว่ากัน!”
“เจ้าไม่กล้าหรอก!” ฉู่ชูเหยียน ตวาดขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายเพื่อกดดันซูอัน
ซูอันสะอื้น “ทำไมข้าจะไม่กล้า? ยังไงชื่อเสียงของข้ามันก็ย่ำแย่อยู่แล้ว นอกจากนี้…นี่คือผลลัพธ์ที่เจ้าต้องการอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เพื่อให้ผู้คนได้รู้ว่าคุณหนูจากตระกูลฉู่ผู้สูงศักดิ์ยังคงบริสุทธิ์ไม่เคยถูกคนหยาบช้าอย่างข้าแตะต้อง…”
ฉู่ชูเหยียน พยายามสูดหายใจลึก พยายามจะระงับอารมณ์ของตัวเองสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้พลั้งมือฆ่าชายตรงหน้าจากนั้นนางจ้องไปที่ชายตรงหน้าเขม็ง “ยังไงเจ้าก็ต้องการจะนอนร่วมเตียงกับข้าให้ได้ใช่ไหม?”
“ก็ใช่น่ะสิ!” ซูอันเอ่ยอย่างตื่นเต้น หญิงสาวตรงหน้าเธอโง่หรือเปล่า? แน่นอนสิว่าเขาต้องการจะนอนกับเธอ! เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไปเด็ดขาด ชาง เคยเขียนเอาไว้ว่า วิธีที่ดีที่สุดในการที่จะครอบครองหัวใจของหญิงสาว ก็คือการครอบครองที่นาผืนน้อยของพวกนาง เพราะเมื่อใดที่ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก มันก็ไม่มีทางที่จะทำให้มันกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีก
ฉู่ชูเหยียนเอ่ยเสียงนิ่ง “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เสวี่ยเอ๋อร์รับใช้เจ้าในคืนนี้”
เสวี่ยเอ๋อร์ที่นั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขถึงกับต้องชะงักไปทันที “ตะ แต่คุณหนู!…” ในเวลานี้เมล็ดแตงโมที่อยู่ในปากของนางสูญเสียรสชาติของมันไปทันที
ฉู่ชูเหยียนปรายตามองคนของตน แววตาของนางเป็นประกายขบขัน “ตอนที่เขาช่วยชีวิตของเจ้า เขาก็ได้สัมผัสร่างกายทุกส่วนของเจ้าไปแล้ว นอกจากนี้ นี่ก็เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของสาวใช้อยู่แล้วนี่ หรือว่าเจ้าจะขัดคำสั่งข้า?”
เสวี่ยเอ๋อร์สบตาหญิงสาวนิ่ง คุณหนูของนางมักจะหมายความตามที่พูดเสมอ ร่างของสาวใช้สั่นระริก ไม่กล้าเอ่ยตอบอะไรออกไป นางเพียงแค่เม้มปากแน่น หยดน้ำสีใสเริ่มปรากฏออกมาจากหางตา
ซูอันมึนงงเป็นอย่างมาก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ผลักไสให้ผู้หญิงคนอื่นมาขึ้นเตียงกับสามีของตัวเองเนี่ยนะ? แล้วก็นะ…ผู้หญิงคนนี้พยายามที่จะฆ่าเขามาแท้ ๆ แต่ก็เอาเถอะเขาจะยอมเล่นตามน้ำเพื่อดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่เป็นอย่างไรกันแน่ เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงรีบนั่งลงบนเตียง “เสวี่ยเอ๋อร์ที่รัก เจ้าช่วยมาถอดชุดให้ข้าหน่อยสิ”
ฉู่ชูเหยียนที่อยู่ไกลออกไปย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ชายผู้นี้ไร้ยางอายกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก
เสวี่ยเอ๋อร์เหลือบตามองคุณหนูของตนอย่างอ้อนวอน แต่ฉู่ชูเหยียนกลับเลือกที่จะไม่สนใจและหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเท่านั้น ถ้าหากซูอันยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว เขาก็จะจำได้ทันทีว่าหนังสือเล่มนี้คือนิยายรักที่เขาเห็นนางอ่านก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ เสวี่ยเอ๋อร์ก็มีสีหน้าหมดหวัง นางเดินไปหาชายหนุ่มอย่างไม่เต็มใจ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธราวกับจะกินเนื้อ พร้อมกับพูดว่า “เอาสิ ในเมื่อเจ้าอยากทำก็ทำเลย! ข้าจะถือว่าทำบุญให้หมามัน” นางเอ่ยด้วยแววตาโหดเหี้ยมและดุร้าย ขณะที่เอื้อมมือไปหยิบเข็มปลายแหลมที่ซ่อนอยู่ในผมของตัวเอง
ทันใดนั้นเองฉู่ชูเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่นางกำลัง ‘อ่าน’ อยู่ สายตาจับจ้องไปที่ร่างของเสวี่ยเอ๋อร์ราวกับครุ่นคิดบางอย่าง
แม้แต่ซูอันเองก็เริ่มรู้สึกอึดอัด เขาแค่อยากจะเล่นตามน้ำและดูว่าทั้งคู่จะทำอะไรก็เท่านั้น…แต่ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรแล้วจริง ๆ นี่เขาควรปรับอารมณ์ของตัวเองให้อยู่ในโหมดสัตว์ร้ายหรือเปล่า?
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็ตัดสินใจในที่สุด ในเมื่อผู้หญิงอย่างพวกนางไม่อาย แล้วเขาจะอายทำไม? อยากจะเล่นเกมใช่ไหม?
ดี!! งั้นข้าก็จะเล่นไปจนกว่าจะได้รู้ว่าใครจะแพ้ก่อนกัน!
เมื่อจิตใจของเขาสงบลงได้แล้ว ซูอันก็เผยรอยยิ้มหื่นกระหายพร้อมกับคว้าร่างบางของเสวี่ยเอ๋อร์เข้าหาตัวทันที
ต่อมาไม่นาน เสียงร้อยโหยหวนก็ดังออกมาจากบนเตียง
“นี่ มัน เป็น ไป ไม่ ได้!!!!!”
ซูอันก้มมองไปที่ส่วนล่างของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันไม่มีการตอบสนองอะไรเลย มันแทบจะเหมือนกับถั่วฝักยาวข้างปีที่แห้งเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา!
ฉู่ชูเหยียนเหลือบสายตามองชายหนุ่ม แต่จากนั้นนางก็รีบเบนสายตาไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็วด้วยแววตาที่ฉายแววสงสารปรากฏขึ้นให้เห็น
เสวี่ยเอ๋อร์ ผู้ที่รู้สึกราวกับว่าตัวเองเพิ่งได้รับการละเว้นโทษจากการประหารชีวิตก็กลายเป็นได้ใจในทันที นางแอบเก็บเข็มเอาไว้ที่เดิมพร้อมกับใส่เสื้อผ้าคืนตามเดิม จากนั้นหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า ในอดีต ข้าเคยคิดว่าเจ้าเป็นแค่คนไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง…แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวเองยังประเมินเจ้าสูงเกินไป! เจ้าไม่ใช่ชายชาตรีด้วยซ้ำ! ฮ่าฮ่าฮ่า ให้ตายสิ! นี่ข้าขำจะตายอยู่แล้วเนี่ย!”
ซูอันไม่ได้มีใจจะเถียงกับอีกฝ่ายเลยสักนิด ดวงตาของเขามีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาและค่อย ๆ เดินคอพับออกไปจากห้อง ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้ง เรื่องครั้งนี้มันหนักหนาเกินไปสำหรับเขา ชายหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองสามารถจัดการกับปัญหาได้ทุกรูปแบบ
แต่…ถ้าต้องทรมานกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศแบบนี้ ทั้งหมดที่ทำมามันจะไปมีประโยชน์อะไร?
เป้าหมายในชีวิตของเขาไม่ใช่การเป็นขันทีนะ!
หลังจากที่เดินออกมาได้พักหนึ่ง เขาก็บังเอิญเดินผ่านต้นไม้ที่โค้งงอ เขาถอดเข็มขัดที่คาดไว้ออก จากนั้นจึงแขวนมันไว้รอบกิ่งไม้บนต้น ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะจบทุกอย่าง
ใครจะรู้…บางทีถ้าเขาตายไป เขาอาจจะได้กลับไปที่โลกเดิมของตัวเองก็ได้
แต่ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงแหบแห้งดูสูงอายุก็ดังขึ้นข้างหูของเขา “ส่วนนั้นของเจ้าแค่ได้รับผลกระทบจากผนึกที่พิเศษ มันไม่ได้หมดหวังไปซะทีเดียวหรอก”
เมื่อซูอันหันไปมอง เขาก็เห็นชายสูงวัยคนหนึ่งถือจอบยืนอยู่ข้างตน ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น แถมยังมีร่างกายที่ผอมแห้งและโอนเอนไปมาจนเหมือนกับว่าลมสามารถพัดให้เขาล้มลงได้
ความทรงจำมากมายเริ่มไหลเข้าสู่หัว ซูอันจำได้ลาง ๆ ว่าชายชราผู้นี้คือคนงานที่มีหน้าที่ดูแลสวนดอกไม้ให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา อีกฝ่ายไม่ค่อยพูดอะไรมากนักและมักจะเก็บตัว แถมยังมักจะถูกเมินและถูกคนในคฤหาสน์รังแกอยู่บ่อย ๆ อีกต่างหาก ทุกคนที่นี่เรียกเขาว่า ‘ตาเฒ่ามี่’
เจ้าของร่างคนเก่ารู้สึกเห็นใจตาเฒ่ามี่เป็นอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองตัวเอง นอกจากนี้เขายังเคยแอบให้ขนมอีกฝ่ายด้วยและนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมซูอันคนนี้ถึงรู้ข้อมูลของชายชราผู้นี้
แต่ข้อมูลเหล่านั้นมันก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรนักสำหรับซูอัน สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คือสิ่งที่ชายชราเพิ่งพูดออกมาเมื่อครู่นี้ “ผนึก? ใครกันที่เป็นคนผนึกร่างข้า?”
ซูอัน คิดในใจ ‘หรือว่าจะเป็นฉู่ชูเหยียน? แต่เท่าที่ดูจากพฤติกรรมของนาง นางไม่น่าจะเป็นคนเลือดเย็นขนาดนั้น!’
ตาเฒ่ามี่ส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกัน ข้าคิดว่าคงมีใครสักคนผนึกร่างเจ้าตั้งแต่ตอนเจ้าเป็นเด็กนั่นแหละ”
“ผู้อาวุโสแล้วท่านพอจะรู้วิธีปลดผนึกนี้บ้างรึเปล่า?” ซูอัน รีบวิ่งเข้าไปควงแขนของชายชราด้วยสีหน้าร้อนใจ หลังจากที่อ่านนิยายออนไลน์มาหลายต่อหลายเรื่อง เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าจะต้องไม่ใช่แค่คนแก่ธรรมดาทั่วไปแน่นอน
ทันใดนั้น ความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานาก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา เขารู้พล็อตเรื่องแบบนี้!
ตาเฒ่ามี่คนนี้จะต้องเป็นคุณตาแก่สุดเจ๋งที่วางมือมานานแล้วแน่ ๆ และด้วยเหตุผลบางอย่าง อีกฝ่ายถึงต้องละทิ้งชื่อเสียงของตัวเองและใช้ชีวิตในฐานะคนสวนธรรมดาคนหนึ่งของตระกูลฉู่!
ซูอันจับแขนอีกฝ่ายแน่น มันไม่มีทางที่เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่!