บทที่ 57 ข้ารับใช้ปากเปราะ (ต้น)
จี้เสี่ยวซีแลบลิ้นตอบกลับ ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่บนเก้าอี้ ด้วยความอยากรู้ นางจึงหยิบมันขึ้นมาดู แค่เห็นเนื้อหาในหน้าเดียวก็เกินพอที่จะทำให้จี้เสี่ยวซีหน้าแดงราวกับแอปเปิ้ล นางรีบวิ่งไปหาพ่อของนางและตะโกนว่า “ท่านพ่อ!! นี่ท่านดูหนังสือน่าเกลียด ๆ แบบนี้ได้ยังไง ถ้าท่านป้ามาเห็นเข้า ข้ามั่นใจว่าว่าท่านต้องโดนนางด่าจนหูชาอีกรอบแน่ ๆ!”
ตอนนั้นเองที่จี้เติ้งถูนึกได้ว่าตนทิ้งของสำคัญเอาไว้ ไม่รอช้าเขารีบวิ่งกลับมาที่ห้องยาและคว้าหนังสือออกจากมือของลูกสาว อย่างรวดเร็วก่อนจะพูดว่า “เหอะ! ข้าแยกทางกับแม่ของเจ้าไปนานแล้ว ป้าของเจ้า
จะโผล่หน้ามาอีกได้ยังไง นางไม่มีความข้องเกี่ยวอะไรกับข้าอีกต่อไปแล้ว!”
จี้เสี่ยวซีกระทืบเท้าของนางด้วยความโมโห “ก็เป็นเพราะท่านชอบทำตัวงี่เง่าแบบนี้เป็นประจำ ท่านป้าเลยไม่อยากมาเหยียบที่นี่ต่างหากล่ะ”
“เหอะ! ใครอยากให้นางมา เจ้าคงไม่รู้หรอก ว่าทุกวันนี้ข้าสบายใจแค่ไหน!” จี้เติ้งถูโบกมือปัดรำคาญ “คืนนี้เจ้าควรนอนเร็ว พรุ่งนี้เจ้าต้องกลับเข้าไปที่สถาบันจันทร์กระจ่าง จากนั้นเจ้าจะไปบ่นอะไรกับป้าของเจ้าก็เชิญได้เลยตามสบาย!”
เมื่อพูดจบจี้เติ้งถูก็เดินกลับที่ห้องของเขาทันทีและรีบปิดประตูตัดความรำคาญลูกสาวของเขา
ในทางกลับกันในทันทีที่ซูอันกลับไปถึงตระกูลฉู่ เขาได้รับการแจ้งเตือนอย่างกะทันหัน
———————————————————————————————
ท่านยั่วยุ จี้เติ้งถู สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +345!
———————————————————————————————
ซูอันหัวเราะคิกคักเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหมอเทวะจี้ จะรู้แล้วว่าเขาขาย โก๋วเป่า ให้กับจี้เสี่ยวซีแต่เมื่อคิดดูอีกทีเขาก็รู้สึกผิดต่อจี้เสี่ยวซีอยู่นิดหน่อยที่หลอกใช้นางไปแบบนั้น
เมื่อกลับมาที่ห้องซูอันหยิบชามน้ำมาล้างหน้าและมือตามธรรมเนียม เพื่อเตรียมที่จะลองสุ่มรางวัล
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันสุ่มรางวัล จู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามามาในห้องของเขา
ชายชราคนนี้แต่งตัวสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าของเขาไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย ผมสีขาวของเขาถูกหวีอย่างพิถีพิถันซึ่งบ่งบอกถึงบุคลิกที่เข้มงวดของเขา
ซูอันตกตะลึงกับการปรากฏตัวของชายชราคนนี้อย่างกะทันหัน เขาจำได้เลือนลางว่าชายชรายผู้นี้เป็นพ่อบ้านของตระกูลฉู่ หงจง เขาเป็นคนซื่อสัตย์และเถรตรงต่อกฎระเบียบทุกอย่าง เขาคือหนึ่งในคนที่ฉู่จงเทียนไว้ใจมากที่สุด
“พ่อบ้านหง มาหาข้าป่านนี้มีธุระอะไร?” ซูอันถามทันที
หงจงมองสำรวจซูอันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ตามคำสั่งของนายท่าน เมื่อไหร่ที่อาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้น ท่านต้องไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างเพื่อร่ำเรียน ดังนั้นในเช้าวันพรุ่งนี้โซวผิงจะพาท่านไปที่นั่นขอให้ท่านเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
ซูอัน กะพริบตาปริบ ๆ พร้อมกับรีบตอบว่า “แต่ข้ายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บเลย ไอ้หยา…
เจ็บ ๆ ๆ …”
พวกเจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ ๆ! ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ข้าจะมาเสียเวลากับการเรียนได้ยังไง?
หงจง พูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่แยแสว่า “ท่านอย่าได้พยายามแสดงละครตบตาข้าซะให้ยาก หากท่านยังคงบาดเจ็บอยู่จริง ๆ ท่านคงไม่สามารถออกไปเตร็ดเตร่ได้ทั้งวันอย่างที่ท่านทำวันนี้ได้แน่ ๆ เอาล่ะไม่ว่าจะยังไงพรุ่งนี้เช้าโซวผิงจะมาพาท่านไปที่สถาบันจักนทร์กระจ่างทันที”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจที่พ่อบ้านผู้นี้รู้เรื่องที่เขาออกไปข้างนอก แต่แล้วเมื่อเขาเหลือบไปเห็นเฉิงโซวผิงที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังหงจงเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าใครมันเป็นคนปากเปราะ!
เขารู้สึกโกรธทันที ไอ้เด็กคนนี้มันบอกว่าปากมันปิดแน่นเหมือนจุกขวด แต่ผ่านไปไม่ถึงวันมันกลับขายข้อมูลเขาจนหมดเปลือกซะอย่างนั้น!
หงจงเอ่ยกับซูอันต่อไปอีกสองสามเรื่องก่อนที่จะจากไป ปล่อยให้ซูอันและเฉิงโซวผิงยืนจ้องหน้ากันและกัน
“ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าเก็บความลับได้เหมือนกับจุกขวดน้ำไม่ใช่เหรอ?” ซูอันกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น
เฉิงโซวผิงรีบวิ่งมานวดหลังของเขาทันที ด้วยรอยยิ้มประจบประแจงพร้อมกับอธิบายว่า “โธ่นายน้อยโทษอย่าเพิ่งโกรธข้าสิ…ก็ตอนที่ท่านไม่อยู่ พ่อบ้านหงบังเอิญแวะมาดูอาการบาดเจ็บของนายน้อยพอดี แต่นายน้อยกลับไม่อยู่ เขาเลยจับข้าไปเค้นซะหนักเลย แล้วคนอย่างข้าจะไปต่อต้านอะไรเขาได้ ข้าได้แต่จำใจต้องบอกทุกอย่างกับเขาไป ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้จริง ๆ เหมือนกัน”
ซูอันพ่นลมหายใจอย่างหงุดเหงิด “แต่ก่อนหน้านี้เจ้าสัญญาอะไรกับข้า?”
เฉิงโซวผิงอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “แต่ว่านายน้อย ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านไปหาหมอเทวะจี้ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของท่าน ถึงแม้ว่าพ่อบ้านหงจะขู่เข็ญข้าสักแค่ไหนข้าก็เอ่ยถึงเรื่องนั้นแม้เพียงครึ่งคำ!”
ซูอัน โกรธมากจนอยากจะถลกหนังหัวของเฉิงโซวผิง“นี่ข้าควรจะขอบใจเจ้าสินะใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อย ท่านไม่ต้องเอ่ยขอบคุณข้าก็ได้”เฉิงโซวผิงตอบกลับพร้อมกับเผยรอยยิ้มไร้เดียงสา “แต่ถ้าหากท่านอยากจะตอบแทนข้าจริง ๆ ล่ะก็…เอาเป็นเงินหรือ…”
ซูอันตบหัวเฉิงโซวผิงจนทรงผมซาลาเปา 2 ลูกกระจุยยับเยินพร้อมกับตวาดว่า “นี่เจ้าคิดว่าข้าชมเจ้าจริง ๆ งั้นเหรอ!”
เฉิงโซวผิงรีบจัดทรงผมใหม่ทันทีด้วยท่าทางไม่พอใจและพูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “นายน้อย ท่านอย่าตีหัวข้าได้ไหม? ท่านไม่รู้หรอกว่าทรงผมนี้มันจัดยากขนาดไหน!”
“อย่ามาบังอาจพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงแบบนั้น!” ซูอันตวาดกลับจากนั้นเหมือนเขาจะนึกอะไรออกบางอย่างซึ่งมันส่งผลให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนทันที “เอ๊ะว่าแต่ ภรรยาของข้ากลับมารึยัง? นางออกไปไหนวันนี้? ข้าออกไปข้างนอกมาทั้งวัน นางมาตามหาข้าบ้างรึเปล่า?”
“ภรรยาของท่าน?”เฉิงโซวผิงกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสับสน
ซูอัน: “ไอ้…”
ก่อนที่ซูอันจะพูดจบเฉิงโซวผิงก็เบิกตากว้างและรีบพูดขึ้นทันที “อ๋อ! ท่านหมายถึงคุณหนูใหญ่!
เรียนนายน้อย เมื่อเช้าคุณหนูใหญ่ออกไปพร้อมกับคุณหนูของตระกูลเพ่ย แต่เมื่อนางกลับมาและได้รับข่าวว่า
มีปัญหาเกิดขึ้นกับธุรกิจของตระกูล นางจึงออกไปข้างนอกอีกรอบเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น”
“เฮ้อ…ช่วงนี้มีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นจนทำให้คุณหนูใหญ่ยุ่งอยู่ตลอด นางเป็นหนึ่งในคนสำคัญ
ที่คอยดูแลกิจการมากมายของตระกูล อันที่จริงหากนางเกิดมาเป็นผู้ชายมันคงจะดีกว่านี้มากจริง ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของซูอันมืดหม่นลงทันที “นี่เจ้าอยากเจ็บตัวจริง ๆ ใช่ไหม? ถ้านางเป็นผู้ชายแล้วข้าจะทำยังไง!?”
“นายน้อย ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…” เฉิงโซวผิงตอบขณะที่เขารินน้ำชาอย่างนอบน้อมให้กับ
ซูอันเพื่อแสดงท่าทีขออภัยสำหรับความผิดพลาดของเขา
อย่างไรก็ตามมันยิ่งทำให้ซูอันรู้สึกอยากจะซัดหน้าเฉิงโซวผิงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นการกระทำนี้
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้เด็กนี่ถึงถูกส่งตัวไปอยู่ที่โรงครัวจากก่อนหน้านี้ที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลของ
ฉู่จงเทียน “เออ แล้วคุณหนูเพ่ยอะไรนั่นมีที่มาเป็นยังไง?”
เขายังคงจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเกือบจะทำให้เขาโดนโทษตายที่ห้องโถงบรรพบุรุษด้วยคำพูดเพียง
ไม่กี่คำของนาง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาพบว่ามันยากที่จะเกลียดนาง ไม่ใช่ว่าเขาให้อภัย แต่เป็นเพราะหน้าอกหน้าใจของนางมันใหญ่เกินไป!