บทที่ 245 ขู่คุกคาม
“ฮึ่ม! เจ้าไม่มีทางทำอะไรข้ามากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว! ข้ายอมเปลี่ยนเพศดีกว่ายอมบอกทุกอย่างกับเจ้า!” สำนักดอกบ๊วยได้ทรมานผู้คนนับไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อรีดข้อมูล ดังนั้นเหมยเชาฟงจึงคุ้นเคยกับวิธีการเค้นข้อมูลเป็นอย่างดี
“ดูเหมือนว่าคนในโลกนี้จะขาดจินตนาการไปบ้างจริง ๆ ให้ข้าสอนเจ้าก็แล้วกัน” ซูอันย้ายก้อนหินจากด้านข้างและนั่งลงบนมัน เพื่อทำให้เขาได้รับความสะดวกสบายที่สุดก่อนจะต้องเล่าเรื่องยาว
“เจ้าน่าจะรู้จักปลาไหลอยู่แล้วใช่ไหม? ตอนนี้เจ้าขาขาดและขากางเกงก็เป็นรู ถ้าข้าโยนเจ้าลงไปในถังที่เต็มไปด้วยปลาไหล เจ้าคิดว่าพวกมันจะรุมตอดอะไร?
“ถ้านั่นยังไม่พอสำหรับเจ้า ข้าอาจจะฝังเจ้าไว้ในดินให้โผล่มาแต่หัว ข้าจะฝานหนังหัวเจ้าแล้วราดปรอทลงบนแผล หึหึ ต่อจากนั้นอีกไม่นาน เจ้าจะคันตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งนั่นคงทำให้เจ้าทนไม่ไหวจนต้องกระดิกตัวไปมาอย่างสิ้นหวังโดยหวังว่าจะบรรเทาอาการคันได้ แต่แน่นอนว่าเจ้าจะทำอย่างไรได้ในเมื่อทั้งร่างของเขาถูกตรึงอยู่ใต้ดินจนไม่สามารถขยับแขนได้ ในที่สุดเจ้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามขยับร่างไปมาเพื่อให้ดินสีกับผิวหนังของเจ้าเพื่อบรรเทาอาการคันแต่นั่นมันคงทำให้ผิวหนังที่อยู่ใต้พื้นดินของเจ้าค่อยถลอกและหลุดลอก อืม คนไม่มีผิวหนังจะเลือดออกเยอะไหมนะ? เราจะลองทดสอบกันก็ได้”
วิธีการทรมานที่แปลกประหลาดเหล่านี้ทำให้หัวใจของเจียงลั่วฝูเต้นไม่เป็นจังหวะ คนที่ยังอายุน้อยอย่างเขาไปเรียนรู้วิธีทรมานอันชั่วร้ายเหล่านี้มาจากไหน?
“ไอ้สารเลว ฆ่าข้าซะสิ! มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้กับข้า!” แม้คำพูดของเหมยเชาฟงจะฟังดูกล้าหาญแต่เสียงของเขาก็สั่นเทาไปด้วยความกลัว เขารู้สึกว่าสำนักดอกบ๊วยไม่ได้ดูเลวทรามอีกต่อไปเมื่อเปรียบเทียบกับจอมวายร้ายอย่างซูอันที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา
—
ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
“เท่าที่ข้ารู้…ที่ผ่านมาเจ้าหลอกหญิงสาวมาแล้วหลายคน แต่ดูเหมือนว่ามีข้อยกเว้น ถ้าข้าจำไม่ผิด มีผู้หญิงของเจ้าคนหนึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือชื่อหวางชุยฮวา นางคลอดลูกแฝดให้เจ้าใช่ไหม? อา…เจ้าคงจะโล่งใจที่จะจากไปในขณะที่วางใจว่าสายเลือดของเจ้ายังคงอยู่ในโลกนี้สินะ?” ซูอันพูดยิ้มๆ
ดวงตาของเหมยเชาฟงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที เขารีบหันไปหาเจียงลั่วฝูและคำราม “อาจารย์ใหญ่เจียง สถาบันจันทร์กระจ่างจะให้อภัยแก่การกระทำที่เขาพูดมาได้งั้นเหรอ? ‘ล้างแค้นอย่าลามไปถึงครอบครัว’ เป็นกฎที่แม้แต่คนในโลกใต้ดินอย่างพวกเราก็ยึดถือ!”
ก่อนที่เจียงลั่วฝูจะตอบ ซูอันได้โพล่งขึ้นมาว่า “ใครบอกว่าข้าจะทำร้ายพวกเขา? ข้าแค่อยากให้ความมั่นใจกับเจ้าว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขาหลังจากเจ้านอนโดนหนอนแทะอยู่ในดินไปแล้ว ข้าจะดูแลภรรยาของเจ้าให้ดีและเลี้ยงลูกของเจ้าให้เหมือนเป็นลูกของข้าเอง เอ…ข้าคิดว่าตอนนี้ข้าก็น่าจะสามารถเรียกพวกเขาว่าภรรยาและลูก ๆ ของข้าได้แล้วสินะ?”
“เจ้า!!!” เหมยเชาฟงโกรธมากจนเขาต้องการจะพุ่งตัวไปฉีกกระชากหัวของซูอัน แต่การโจมตีครั้งก่อนของเจียงลั่วฝูได้ตัดเส้นประสาทของเขาออกไปด้วย ทำให้เขาไม่มีกำลังเพียงพอ
—
ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
“เจ้าคิดออกแล้วหรือยัง” ถามซูอัน “เจ้าต้องการให้มันจบลงด้วยดี หรือเจ้าต้องการที่จะทรมานนิดหน่อยก่อนจะยอมทำตามคำขอของข้าในที่สุด? ข้าไม่ได้เจาะจงวิธีไหนเป็นพิเศษหรอกนะ”
ทำไมนะ…ข้าถึงได้เข้าไปยุ่งกับกับปีศาจนรกตนนี้!
เหมยเชาฟงเริ่มสะอื้นไห้อย่างโศกเศร้า เขาอยากจะกัดฟันอดทนต่อการทรมานของซูอันและตายอย่างกล้าหาญ แต่เขาก็เลือกแบบนั้นไม่ได้ จริง ๆ ลึก ๆ เขารู้ว่าเขาคงทนวิธีทรมานอันแสนพิสดารของ ซูอัน ไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงว่าซูอันใช้ภรรยาและลูก ๆ ของเขามาขู่อีกต่างหาก
เขาไม่มีทางเลือกอื่นอะไรอีกแล้ว…
“มีสมุดบัญชีสองเล่มสำหรับสำนักดอกบ๊วย หนึ่งในนั้นอยู่ในห้องลับในห้องทำงานของข้า และอีกเล่มหนึ่งอยู่ในห้องลับในห้องนอนของข้า…”
เหมยเชาฟงจ้องมองท้องฟ้าอย่างหม่นหมอง ขณะที่เขาเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับสำนักดอกบ๊วย
“ไอ้ซูอัน เจ้าจะต้องตายอย่างน่าสยดสยอง!” เหมยเชาฟงกัดฟันสาปแช่ง เขารู้สึกได้แล้วว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้อ้อมกอดของความตายไปทุกขณะจากเลือดที่กำลังไหลออกจากขาของเขาอย่างต่อเนื่อง
—
ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
ซูอันยิ้มตอบ “ข้าขอโทษ แต่ตามที่ภรรยาของข้าบอก คนดีมักจะตายก่อนเวลาอันควร ในขณะที่คนเลวอยู่ได้เป็นศตวรรษ ดูเหมือนว่าข้าจะยังเหลือเวลาอีกหลายร้อยปีข้างหน้า”
อั่ก!
เหมยเชาฟงรับไม่ได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ในที่สุดผู้ปกครองโลกใต้ดินของเมืองจันทร์กระจ่างมานานหลายสิบปีก็โกรธจนกระอักเลือดตาย แม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ดวงตาของเขาก็ยังคงเป็นสีแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง
—
ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
ซูอันรีบไปที่ศาลาและอุทานอย่างตื่นเต้น “อาจารย์ใหญ่ ข้าทำภารกิจของข้าสำเร็จแล้ว!”
เจียงลั่วฝูมองไปที่ซูอันด้วยสายตาที่ขัดแย้ง “ใครที่เป็นศัตรูของเจ้าคงต้องทุกข์ทรมานมาก”
ซูอันส่งยิ้มไร้เดียงสาและตอบกลับไปว่า “ข้าดีใจที่ท่านเป็นเพื่อนคนหนึ่งของข้า”
เจียงลั่วฝูถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้คนมาทำความสะอาดตรงนี้ ส่วนเรื่องยึดสำนักดอกบ๊วยข้าจะส่งคนไปช่วยเจ้าทีหลัง”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!” ซูอันตบหน้าอกของเขาในขณะที่เขาให้การรับประกัน
จากนั้นทั้งสองก็กลับไปที่สถาบันจันทร์กระจ่าง
…
สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดซือคุนก็ได้ยินข่าวนี้และลงเอยด้วยการปาถ้วยชาของเขาลงบนพื้น “เหมยเชาฟงตายแล้ว? เป็นไปได้ยังไง!?”
ซือเล่อจื่อตอบอย่างเคร่งขรึม “ข้าได้ตรวจสอบเป็นการส่วนตัวแล้ว เหมยเชาฟงตายไปแล้วจริงๆ”
“ไม่สมเหตุสมผลเลย เหมยเชาฟงเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้า การฆ่าซูอัน ไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะสำหรับเขา เขาจะตายได้ยังไง?” ซือคุนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เสวี่ยเอ๋อร์พูดเบา ๆ “นายน้อย มีคนเห็นซูอันกลับมาที่โรงเรียนพร้อมกับอาจารย์ใหญ่เจียง”
“เจียงลั่วฝู? เจ้ากำลังพูดว่านางร่วมมือกับซูอันงั้นเหรอ?” ซือคุนรู้สึกตกใจ ระดับการบ่มเพาะและฐานะของเจียงลั่วฝู ทำให้นางเป็นศัตรูที่อันตราย เขาจะต้องคิดให้รอบคอบอีกครั้งว่าเขามีวิธีที่จะจัดการกับนางหรือไม่?
“บางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เหมยเชาฟงอาจโชคไม่ดีที่นางผ่านไปเห็นพอดี” ซือเล่อจื่อกล่าว เขาไม่อาจจินตนาการถึงความสัมพันธ์ระหว่างซูอันและเจียงลั่วฝูได้…
ซือคุนก็มีความคิดแบบเดียวกัน “ไอ้เวร! ทำไมไอ้เลวตัวนั้นมันถึงได้โชคดีแบบนี้?”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาวางแผนกำจัดซูอัน ซึ่งทุกครั้งมันไม่เคยเป็นไปตามแผนสักครั้ง!
“นายน้อย มิติลับหยกจรัส จะเปิดในอีกสามวันนับจากนี้ เอาไว้เรารอเวลาจัดการมันในนั้นจะดีกว่าท่านว่าดีไหม ข้าจะเป็นคนลงมือเอง!” เสวี่ยเอ๋อร์กล่าว
ซือคุนพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นน่าจะเป็นแผนที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้ ข้าจะพาคนเข้าไปในมิติลับเยอะ ๆ เพื่อช่วยเจ้า”
ยิ่งซูอันแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ภัยคุกคามต่อฉู่ชูเหยียนก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเช่นกัน ทุกคืนที่ผ่านไป มีโอกาสที่นางในฝันของเขา จะสูญเสียความบริสุทธิ์ได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขายอมรับได้อย่างแน่นอน!