บทที่ 293 บูชายัญ
—
ท่านยั่วยุแม่ทัพผีดิบจางฮั่นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
จางฮั่น?*[1]
ซูอันตกตะลึง…ทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ จัง?
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจที่จะคิดลึกลงไปในเรื่องนี้ แค่พวกพลทหารผีดิบก็ยากเกินพอที่จะรับมือแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีแม่ทัพผีดิบปรากฏตัวขึ้นมาอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรับมือได้
อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงสามารถเก็บเกี่ยวดอกบัวเร้นลักษณ์ได้อย่างง่ายดาย เพราะสมบัติวิเศษในนิยายมักจะมีไอ้พวกตัวแข็งแกร่งสุด ๆ คอยพิทักษ์ไว้
และตอนนี้มันก็มีจริง ๆ!
ซูอันตั้งใจที่จะหนีจึงรีบอุ้มฉู่ชูเหยียนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่แม่ทัพผีดิบก็เร็วเกินไป ไม่มีทางที่เขาจะหนีพ้นไปไหนได้
แม่ทัพผีดิบโผล่ออกมาจากหมอกสีดำที่ล่องลอย มันกวาดสายตามองโดยรอบก่อนที่จะจ้องไปที่ทหารดินเผาที่อยู่ข้าง ๆ
“ทำไมพวกเจ้าไม่หยุดผู้บุกรุก!?”
ทหารดินเผายังคงไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
พวกเราพยายามแล้ว! แต่แสงที่น่าสยดสยองในมือของเขาทำให้เรา…
ตอนนั้นเองที่ซูอันสังเกตเห็นว่าในมือของแม่ทัพผีดิบข้างหนึ่งกำลังจับ เฉียวเสวี่ยอิงไว้ เมื่อมองดูแววตาที่สิ้นหวังของนาง เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าแม่ทัพผีดิบทำอะไรกับนางมาบ้าง
เอ๊ะ? ทำไมไม่เห็นพี่ชิทที่ไหนเลย เขาตายแล้วเหรอ? ว่าแต่ทำไมแม่ทัพผีดิบถึงไว้ชีวิตเฉียวเสวี่ยอิง? เพราะเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ? ผีดิบมีความต้องการทางเพศด้วยงั้นเหรอ?
ซูอันรู้สึกขำขันที่เขายังคงมีอารมณ์ที่จะคิดอะไรห่าม ๆ ในขณะที่กำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้
แม่ทัพผีดิบมองไปที่ซูอันและฉู่ชูเหยียน ก่อนจะหันไปมองทะเลสาบที่อยู่ข้างหลังพวกเขา ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวในขณะที่มันตะโกนลั่น “ไม่!!!”
ร่างของมันพร่ามัว และเกือบจะในทันที มันก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ทั้งสองคน มันมองหาดอกบัวเร้นลักษณ์ในบริเวณที่เคยอยู่ด้วยใบหน้าที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว “พวกเจ้าทั้งสอง! พวกเจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังนำหายนะมาสู่โลกใบนี้!”
—
ท่านยั่วยุแม่ทัพผีดิบจางฮั่นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของแม่ทัพผีดิบนั้นรุนแรงมากจนซูอันแทบจะหายใจไม่ออก
เขายังคงรู้สึกมั่นใจจากการยกระดับการบ่มเพาะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มต้องยอมรับความจริงที่โหดร้ายว่าระหว่างเขากับแม่ทัพผีดิบนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่ดังนั้น เขาจึงทำได้แต่ใช้ไฟฉายวิเศษส่องไปทางมันอย่างรวดเร็ว
เมื่อสังเกตเห็นแสงสีขาวในมือของซูอัน แม่ทัพผีดิบก็แค่นเสียงดังอย่างเย็นชาก่อนที่จะเคลื่อนไหวหลีกไปด้านข้างซูอันด้วยความเร็วที่มนุษย์ไม่อาจมองตามได้ทัน
เมื่อรู้สึกว่าแม่ทัพผีดิบอยู่ข้าง ๆ ซูอันที่ตื่นตระหนกจึงรีบหันไฟฉายไปด้านข้าง แต่ความรู้สึกชาที่แขนทำให้เขาทำไฟฉายตกลงไปในทะเลสาบ บางทีอาจเป็นเพราะตกลงไปในน้ำ แสงของมันจึงกะพริบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะดับลง
ซูอันโล่งใจที่ไฟฉายวิเศษ กลับเข้ามาในพื้นที่ของคีย์บอร์ดในเวลาไม่นาน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเสียดายเป็นอย่างมาก
เมื่อรู้ว่าต่อให้เขาจะนำไฟฉายวิเศษออกมาอีกครั้ง ก็ไม่น่าที่จะควบคุมแม่ทัพผีดิบได้ เขาจึงตัดสินใจแสร้งทำเป็นว่ามันหายไปในทะเลสาบ
“ดอกบัวเร้นลักษณ์อยู่ที่ไหน? เอามันออกมา!” แม่ทัพผีดิบจ้องไปที่ซูอัน และฉู่ชูเหยียนอย่างเย็นชา ในตอนนี้…มันได้โยนเฉียวเสวี่ยอิงไปด้านข้างแล้ว
ซูอันกลืนน้ำลายในขณะที่ตอบอย่างระมัดระวัง “ดอกบัวอะไร? ข้าไม่เห็นอะไรเลย?!”
ในเวลาเดียวกัน เขาสาปแช่งเสียงกระซิบปริศนานั้นอยู่ในใจ
ทำไมนางไม่เตือนข้าว่ามีแม่ทัพผีดิบคอยปกป้องที่นี่? ถ้ารู้ล่วงหน้าข้าคงต้องขอคิดดูก่อนว่าจะมาดีหรือไม่!
เดี๋ยวนะ นางหลอกล่อข้ามาที่นี่สำเร็จ แล้วก็หายวับไปในทันใด เป็นไปได้ไหมที่นางมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่?
แม่ทัพผีดิบกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ มันก็ได้กลิ่นของดอกบัวเร้นลักษณ์ มันหันไปมองที่ฉู่ชูเหยียนทันทีและอุทานว่า “เจ้ากินมันเข้าไปแล้ว!”
ฉู่ชูเหยียนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ นางรีบหันไปหา ซูอัน และถามด้วยความไม่เชื่อ “เจ้า… ดอกไม้ที่เจ้าให้ข้าก่อนหน้านี้คือดอกบัวเร้นลักษณ์งั้นเหรอ?!”
ซูอันพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพผีดิบไม่ได้โง่เง่า ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอีกต่อไป
ฉู่ชูเหยียนถามในทันที “เจ้ารอโอกาสที่จะใช้ดอกบัวเร้นลักษณ์เพื่อปลดผนึกร่างกายของเจ้าไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงให้ข้า?”
ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วพูดว่า “แล้วจะให้ข้าทำยังไง? ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่น ข้าไม่อยากมองดูเจ้าตายไปต่อหน้าต่อตาของข้า!”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาเฉียวเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านข้าง นางรู้ความลับอันทุกข์ยากของซูอันเป็นอย่างดีดังนั้นนางจึงไม่อยากเชื่อว่าคนที่เจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจอย่างซูอันจะมอบสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับตัวเองให้แก่คุณหนูของนาง…
พูดตามตรง นางดูถูกขยะไร้ค่าคนนี้มาตลอด และนางเชื่อว่าเขาไม่มีทางเทียบกับนายน้อยของนางได้ อย่างไรก็ตามทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้นางสงสัยในความเข้าใจของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางจำได้ว่าซือคุนผลักนางเป็นเกราะกำบังก่อนหน้านี้ ในขณะที่ซูอันเต็มใจเสียสละครั้งใหญ่เพื่อช่วยฉู่ชูเหยียน
คงไม่มีอะไรที่ชัดเจนได้เท่านี้อีกแล้ว…
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพผีดิบไม่สนใจฟังการสนทนาของพวกเขา มันยืนอยู่ริมทะเลสาบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พื้นผิวที่สงบของน้ำเริ่มกระเพื่อมเมื่อแสงสีฟ้าอ่อนโผล่ออกมาจากส่วนลึกของทะเลสาบ
มันยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างตราประทับที่ซับซ้อนก่อนที่จะสร้างชั้นของหมอกสีดำเหนือผิวน้ำ
ต่อมาไม่นาน ผิวน้ำก็กลับมาสงบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังสามารถมองเห็นแสงสีฟ้าอ่อน ๆ ที่กระทบกับชั้นของหมอกสีดำได้อย่างชัดเจน ราวกับตั้งใจที่จะฝ่าออกมาให้ได้
“มันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” ซูอันสังเกตเห็นการกระทำที่ผิดธรรมชาติของแม่ทัพผีดิบเช่นกัน เขากำลังคิดที่จะใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี แต่แรงกดดันทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“ดูเหมือนว่ามันกำลังสร้างค่ายกลบางอย่างเพื่อปิดผนึกบางสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ” ฉู่ชูเหยียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ นางยังคงว้าวุ่นใจเมื่อรู้ว่าซูอันใช้ดอกบัวเร้นลักษณ์เพื่อช่วยนาง ดังนั้นนางจึงไม่แม้แต่จะสนใจกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่
แม้จะเป็นหญิงสาวที่ไม่เคยทำเรื่องระหว่างหญิงชาย แต่นางก็ยังตระหนักดีว่าผู้ชายมองว่าสมรรถภาพทางเพศนั้นสำคัญแค่ไหน ในบางกรณี พวกเขาอาจเห็นคุณค่าของมันมากกว่าชีวิตด้วยซ้ำ
ฉู่ชูเหยียนจ้องมองซูอันด้วยความงุนงงขณะที่ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของนาง
เขาเสียสละเพื่อข้ามามาก…
ในขณะเดียวกัน แม่ทัพผีดิบก็หันกลับมาสนใจคนทั้งคู่ มันดูเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยความดุร้ายในขณะที่มันตะโกนว่า “เจ้ากล้าที่จะทำลายผนึกปราบปรามวิญญาณ แต่โชคดีที่เจ้ากินดอกบัวเร้นลักษณ์ได้ไม่นาน ตราบใดที่ข้าใช้ร่างกายของพวกเจ้าเป็นเครื่องบรรณาการ ข้าควรจะสามารถทำให้วิญญาณที่อาละวาดอยู่เบื้องล่างสงบลงได้!”
มันโบกมือ ร่างของฉู่ชูเหยียนก็หลุดออกจากมือของซูอันและลอยเข้าไปอยู่ในมือของมัน
“เฮ้ย! นี่แกกำลังจะทำอะไรน่ะ!?” ซูอันตะโกนลั่น
“อย่างที่บอกไป ข้าจะใช้เลือดเนื้อของพวกเจ้าเพื่อซ่อมแซมผนึกกักขังวิญญาณร้ายที่อยู่ด้านล่างของสถานที่แห่งนี้!” แม่ทัพผีดิบโบกมือ และทหารดินเผาก็พุ่งไปข้างหน้าเพื่อจับซูอันและเฉียวเสวี่ยอิง “พาพวกมันไปที่แท่นบูชายัญ!”
แค่เพียงกระโดดครั้งเดียว แม่ทัพผีดิบก็ขึ้นไปยืนข้างแท่นบูชายัญที่อยู่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร มันวางฉู่ชูเหยียนลงบนโต๊ะหิน
เส้นลมปราณของฉู่ชูเหยียนขาดสะบั้นไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่สามารถขัดขืนได้เลย นางไม่ได้กลัวความตายของตัวเอง แต่ตอนนี้นางกังวลเกี่ยวกับซูอันมากกว่า เขาเสียสละมามากเพื่อนาง ถ้านางต้องตายตอนนี้ดวงวิญญาณของนางก็คงไม่สงบ…
หัวใจของซูอันเต้นรัวในขณะที่ทหารดินเผาผลักเขาและเฉียวเสวี่ยอิง มาที่แท่นบูชายัญ เขานึกถึงสิ่งที่แม่ทัพผีดิบพูดเกี่ยวกับการทำลายผนึกปราบปรามวิญญาณ วิญญาณของอะไรนะ?!
อย่างไรก็ตาม นอกจากการเก็บดอกบัวเร้นลักษณ์แล้ว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรอื่นหลังจากเข้ามาที่นี่…เดี๋ยวนะ!
เขารีบหันไปทางทะเลสาบและเห็นว่าใบบัวที่เขียวขจีได้สูญเสียความแวววาวและเริ่มเหี่ยวแห้ง และหมอกที่ปกคลุมผิวน้ำก็จางหายไปเช่นกัน
ใบบัวสามารถเป็นค่ายกลได้ด้วยเหรอและดอกบัวเร้นลักษณ์เป็นแกนกลางของค่ายกลงัันเหรอ? ให้ตายสิ!
[1] *จางฮั่น คือ แม่ทัพที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ฉิน