บทที่ 316 เจ้ากล้าหรือเปล่า?
บทที่ 316 เจ้ากล้าหรือเปล่า?
“เจ้าตายแน่ถ้ากล้าโกหกข้า!” เมื่อไม่มีทางเลือกเฉียวเสวี่ยอิงจึงทำได้เพียงเรียก “ท่านพี่!” ออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ดีมาก ๆ! น้องสาวที่แสนดีของข้า เชื่อฟังข้าดีจริง ๆ!”
หลังจากพูดจบประโยคแล้ว ซูอันก็เริ่มเดินไปยังที่ที่เฉินเว่ยถูกขังอยู่
ในทางกลับกัน เฉียวเสวี่ยอิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นางสัมผัสแก้มของนางโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกได้ว่ามันร้อนจัด นี่ข้าคงจะบ้าไปแล้ว!
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็หยุดอยู่นอกห้องที่เฉินเว่ยถูกขังอยู่ ขณะที่เขาครุ่นคิดว่าตนเองไม่ได้เลือกที่จะช่วยชาวบ้านเพียงเพราะเฉียวเสวี่ยอิงเรียกเขาว่าท่านพี่ แต่ซูอันเป็นคนที่มาจากโลกสมัยใหม่ และหลักศีลธรรมไม่อนุญาตให้เขาปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากตายเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง
สมองส่วนเหตุผลบอกเขาว่าชาวบ้านเหล่านี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยผนึกสวรรค์ แต่ความรู้สึกกลับแตกต่างออกไป เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากเกินไป จนตัวชายหนุ่มเองก็ไม่สามารถมองชาวบ้านพวกนี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ซึ่งถ้าหากเขาสังหารชาวบ้านพวกนี้ทั้งหมด เหตุการณ์นี้มันคงกลายเป็นความรู้สึกผิดที่ตามหลอกหลอนเขาไปชั่วชีวิต
ด้วยเหตุนี้ ซูอันจึงใช้สมองคิดหาทางออกนับตั้งแต่เขาเห็นข้อความบนอุกกาบาต แม้ว่าเฉียวเสวี่ยอิงจะไม่ได้เรียกเขาว่า ‘ท่านพี่’ ตนก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยพวกชาวบ้าน
ถ้าเฉียวเสวี่ยอิงรู้เรื่องนี้ นางคงจะเทคะแนนความโกรธแค้นให้กับเขาใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม ซูอันยังคงตัดสินใจที่จะไม่บอกนาง เมื่อเทียบกับคะแนนความโกรธหลายพันแต้ม เขาคิดว่ามันจะคุ้มค่ากว่ามากที่จะให้ผู้หญิงคนนั้นเรียกเขาว่า ‘ท่านพี่’ ตลอดไป ยิ่งเมื่อก่อนนางเคยเป็นคนที่พยายามจะเอาชีวิตเขามาโดยตลอดมันยิ่งน่ายินดีมากขึ้นไปอีก
เขารีบปรับอารมณ์ก่อนจะผลักประตูเปิด และได้เห็นเฉินเว่ยถูกมัดแน่นกับเสาด้านในของห้อง
“ไอ้ผู้ตรวจการ ข้าว่าแล้วว่าเจ้ามันน่าสงสัย! นี่คงเป็นแผนของเจ้า!” ดวงตาของเฉินเว่ยกลายเป็นสีแดงก่ำทันทีเมื่อเห็นซูอัน ตัวเขาพยายามที่จะดิ้นให้หลุดเพื่อกระโจนเข้าทำร้าย แต่ก็เปล่าประโยชน์
—
ท่านยั่วยุเฉินเว่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
“สงบซะ!” ทหารยามคนหนึ่งเหวี่ยงแส้ของเขาลงบนหลังของเฉินเว่ย เพื่อทำให้เขาสงบก่อนจะมองไปที่ซูอันอย่างประจบสอพลอ “กล้าดียังไงถึงดูหมิ่นท่านผู้ตรวจการ!”
ซูอันพยักหน้าตอบก่อนจะพูดว่า “ข้ามีคำถามจะถามเขา เจ้าออกไปรออยู่ข้างนอกก่อน”
ทหารยามรีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดเฉียวเสวี่ยอิงก็ตามทันเขา และนางก็ปิดประตูตามหลังเข้ามา
จากนั้นซูอันก็เริ่มพูดในที่สุด “ข้ารู้ว่าเจ้าถูกใส่ร้าย”
“ไอ้คนขี้ขลาด มันเป็นเจ้าจริง ๆ!” ดวงตาของเฉินเว่ยเต็มไปความเกลียดชังเคียดแค้น แค่นึกถึงการตายของพ่อและความทุกข์ยากที่ชาวบ้านคนอื่น ๆ ประสบ อารมณ์ของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ
—
ท่านยั่วยุเฉินเว่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า” ซูอันตอบ
“ช่วยข้า?” เฉินเว่ยเย้ยหยัน “ข้าควรจะขอบคุณเจ้าด้วยมั้ย?”
“เฉินเว่ย ข้า… ท่านพี่ของข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าจริง ๆ!” เฉียวเสวี่ยอิง ยืนยันคำพูดของซูอัน
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เฉินเว่ยก็มองซูอันอย่างเคร่งขรึมก่อนที่จะเงียบไปในที่สุด
“ข้ารู้ว่าเจ้าถูกใส่ร้ายเพราะข้าเองก็เป็นคนแรก ๆ ที่วิ่งไปดูอุกกาบาตที่ตกลงมา ข้อความเหล่านั้นถูกสลักเอาไว้แต่แรกอยู่แล้ว” ซูอันกล่าว
ร่างกายของเฉินเว่ยสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “ถึงคราวแล้ว หมู่บ้านทั้งหมดของเราถึงคราวแล้ว!”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากอีกฝ่าย “อะไรที่ทำให้เจ้าพูดอย่างนั้น?”
เฉินเว่ยที่หวาดกลัวจ้องหน้าเขาอย่างว่างเปล่าขณะที่พึมพำ “ข้าคิดว่าเราน่าจะรอดจากเรื่องราวครั้งนี้ถ้าเราพบผู้กระทำความผิดที่สลักข้อความเหล่านั้น แต่ถ้าคำเหล่านั้นมาจากสวรรค์แต่แรกจริง ๆ… จักรพรรดิย่อมจะโยนความผิดให้เราอย่างแน่นอนเพื่อขจัดความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น!”
เฉียวเสวี่ยอิงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซูอัน คำพูดเหล่านั้นคล้ายกับที่นางเคยได้ยินจากเขาอย่างน่าประหลาด
ซูอันไม่ได้คาดหวังให้ชายผู้นี้มีไหวพริบเฉียบแหลมพอที่จะเข้าใจความหมายในทันที “ดูเหมือนว่าเจ้าจะฉลาดอยู่ ข้าสามารถชี้ทางออกจากเรื่องนี้ให้เจ้าได้ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าจะกล้าทำไหม?”
“ข้าไม่เคยกลัวอะไรมาก่อนในชีวิต แม้แต่สวรรค์ก็ตาม!” เฉินเว่ยประกาศอย่างหนักแน่น
ซูอันรู้สึกประทับใจที่เฉินเว่ยสามารถพูดได้อย่างมั่นใจแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาเหนือกว่าคนปกติมาก
“ดีมาก ถ้างั้นข้าต้องการให้เจ้าสารภาพและยอมรับว่าได้สลักข้อความเหล่านั้นด้วยตัวเอง” ซูอันเอ่ยขึ้น
เฉียวเสวี่ยอิงหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เดี๋ยวนะ? นั่นไม่เท่ากับผลักเขาลงนรกเหรอ?!
“ฮ่า ๆ!” เฉินเว่ยพ่นเสียงหัวเราะ “เจ้าคงจนปัญญาที่จะหาคนร้ายตัวจริงเหมือนกันสินะ เจ้าถึงโน้มน้าวให้ข้าเป็นแพะรับบาปแบบนี้!”
“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด แต่ดูเหมือนว่าข้าคิดผิด ข้าควรจะอธิบายว่าเจ้าเป็นพวก ‘โลกแคบ’ แทน” ซูอันส่ายหัว
“เจ้า!!” เฉินเว่ยโกรธทันที ไม่มีใครพอใจหากถูกเรียกว่าเป็นคนมองโลกแคบ ๆ
—
ท่านยั่วยุเฉินเว่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 256!
—
“คิดให้ดี หากไม่มีใครยอมรับ เจ้าและชาวบ้านจะต้องตายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากเจ้ายอมรับ คนเดียวที่ต้องตายที่นี่คือเจ้า ตรรกะนี้ยากที่จะเข้าใจมากงั้นเหรอ?”
เฉินเว่ยโกรธจัด “แต่นี่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่มีโทษประหารเก้าชั่วโคตร! ข้าจะยอมรับมันได้ยังไง?!”
“ประหารเก้าชั่วโคตร? จากที่ข้ารู้ แม่ของเจ้าตายไปตั้งแต่เจ้ายังเด็ก และเจ้าอาศัยอยู่ตามลำพังกับพ่อของเจ้ามาหลายปีแล้ว และพ่อของเจ้าก็เพิ่งตาย ดังนั้นจะมีใครอีกที่ต้องรับโทษประหารไปกับเจ้า?”
เฉินเว่ยตกตะลึง เขาเพิ่งตระหนักว่าเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูล
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ในหมู่ชาวบ้านใช่ว่าจะดีกับข้าทุกคน ทำไมข้าต้องโง่เสียสละตัวเองเพื่อความสุขของพวกมัน? ข้ายอมให้ทุกคนตายไปพร้อมกับข้าดีกว่าให้พวกมันมาเยาะเย้ยข้า!”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ เขาคิดมาตลอดว่าเฉินเว่ยเป็นคนมีคุณธรรมประเภทที่เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน แต่เขาคิดผิดไปอย่างสิ้นเชิง
“ข้าไม่กลัวความตาย แต่ข้าไม่อยากตายอย่างต่ำต้อยเช่นนี้ หากชาวบ้านทั้งหมดถูกลิขิตให้ตาย ข้าก็อยากจะบอกให้พวกเขาได้รู้ถึงความอยุติธรรมที่กำลังเกิดขึ้นและให้พวกเขาพร้อมใจกันขึ้นเป็นกบฏ! โลกได้รับความทุกข์ทรมานภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของราชวงศ์ฉินมานานแล้ว ข้าเชื่อว่าหลายคนจะเข้าร่วมกับข้า!”
“เจ้าก็ดูเป็นคนรักความยุติธรรมเช่นกัน ทำไมเจ้าไม่ร่วมมือกันทำสิ่งดี ๆ กับข้าล่ะ? เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิ หรืออ๋อง เจ้าจะไม่เป็นเพียงผู้ตรวจการที่ต่ำต้อยตลอดไป!”
คำพูดของเฉินเว่ยนั้นเร่าร้อนจนทำให้หัวใจของซูอันเต้นรัว
ดูเหมือนว่าบางคนจะเกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษของผู้นำ คำพูดของพวกเขาสามารถปลุกเร้าอารมณ์ของผู้อื่นให้พลุ่งพล่าน และเฉินเว่ยก็เป็นหนึ่งในบุคคลดังกล่าว ถ้าข้าเป็นส่วนหนึ่งของผนึกสวรรค์นี้ ข้าก็คงถูกเขาเกลี้ยกล่อมไปด้วยแน่นอน!
“เจ้ากล้าดียังไงถึงพยายามโน้มน้าวให้ข้าก่อการกบฎ? เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!” ซูอันข่มขู่
อย่างไรก็ตาม เฉินเว่ยไม่ได้ดูหวาดกลัวเลย เขายืดอกและพูดว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเองก็ไม่พอใจกับการปกครองแบบเผด็จการของราชวงศ์ฉินเช่นกัน ทำไมเจ้าไม่ลองก้าวออกมาด้วยศรัทธาและพยายามทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จักรพรรดิและขุนนางได้รับสถานะที่สูงส่งตั้งแต่แรกเกิดโดยที่ไม่ต้องทำอะไร เจ้าคิดว่ามันยุติธรรมแล้วงั้นเหรอ?”
ซูอันนิ่งงัน
เมื่อได้ยินคำพูดที่โด่งดังจากหลายพันปีก่อน ซูอันก็รู้สึกว่าปากของเขาแห้งเล็กน้อย “เอ่อ…เป็นไปได้ไหมที่เจ้าอาจจะคิดเปลี่ยนชื่อใหม่ในอนาคต เช่น เฉินเซิง*[1]?”
“เฉินเซิง?” เฉินเว่ยครุ่นคิด “นั่นเป็นชื่อที่ดี ข้าต้องการเปลี่ยนชื่อมาระยะหนึ่งแล้ว ดีมาก ข้าจะเป็นที่รู้จักในนามเฉินเซิงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
ซูอันนิ่งเงียบ
เดี๋ยวก่อน! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เฉินเซิงมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง!
[1] เซิง หมายถึง ‘ชัยชนะ’ เฉินเซิง เป็นหนึ่งในกลุ่มกบฏจากชนชั้นเกษตรกร โดยประกาศตนเป็นราชาแห่งจางฉู่ (张楚王) อย่างไรก็ตาม เขาเป็นที่รู้จักจากคำพูดของเขาที่ว่า ‘จักรพรรดิและขุนนางได้รับสถานะที่สูงส่งตั้งแต่แรกเกิดหรือไม่?’