บทที่ 338 สัญญาชีวิตและความตาย
บทที่ 338 สัญญาชีวิตและความตาย
“สัญญาชีวิตและความตาย? มันคืออะไร?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
หมี่ลี่อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “สัญญาที่อยู่เหนือชีวิตและความตาย เราสองคนจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน…”
เฉียวเสวี่ยอิงอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก “เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว! เจ้าแค่กำลังพยายามหาข้ออ้างในการแย่งชิงสามีของคุณหนูฉู่ก็เท่านั้น!”
ท่าทางตกใจของฉู่ชูเหยียนแสดงให้เห็นว่านางมีความคิดแบบเดียวกันนี้อยู่ในใจ
หมี่ลี่โกรธจัดทันทีและตะคอกกลับเสียงดัง “นังพวกบ้า พวกเจ้ากำลังคิดบ้าอะไรอยู่? ใครในโลกนี้ที่อยากจะแย่งชิงเศษขยะนี้จากพวกเจ้า? สัญญาชีวิตและความตาย ไม่ได้มีความหมายในรูปแบบความรักระหว่างชายและหญิง มันหมายถึงคำสัญญาว่าจะตายร่วมกันในสนามรบในแบบสหาย!”
ใบหน้าของเฉียวเสวี่ยอิงแดงขึ้น “ข้า…ข้า…เมื่อครู่ข้าเองก็หมายความว่าอย่างนั้นเช่นกัน!”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกอับอายที่นางคล้อยตามไปกับความสงสัยของเฉียวเสวี่ยอิง
“สัญญานี้จะผนึกจิตวิญญาณของเราทั้งสองไว้ด้วยกัน ถ้าเจ้าตาย ข้าก็จะตายเช่นกัน และในทางกลับกัน ด้วยวิธีนี้เราจะไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีความต้องการที่แตกต่างไปจากกัน” หมี่ลี่ตอบ “นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าจะรู้สึกปลอดภัยพอที่จะออกจากร่างของภรรยาเจ้า มิฉะนั้นข้ายอมให้พวกเราทุกคนลงนรกไปด้วยกัน”
“อยากให้เราตายด้วยกันงั้นเหรอ?” ซูอันลังเลเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ต้องการฝากชะตากรรมของเขาไว้ในมือของบุคคลอื่น
ฉู่ชูเหยียนกัดฟันและพูดว่า “อาซู ข้าไม่เห็นด้วย พาเสวี่ยเอ๋อร์ออกไปจากที่นี่ ข้าจะถ่วงเวลานางไว้!”
ซูอันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉู่ชูเหยียน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกไป หมี่ลี่ก็พูดแทรกขึ้น “เจ้านี่มันเป็นผู้หญิงที่โง่จริง ๆ เขาคงหนีไปนานแล้วถ้าเขาสามารถทิ้งเจ้าได้! เขาคงไม่รอจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้หรอก!”
“นอกจากนี้ ถ้าจะมีใครที่เสียเปรียบในสัญญานี้มันก็ควรเป็นข้า! เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อในอดีตข้าแข็งแกร่งแค่ไหน? มีแค่ไม่กี่คนในโลกที่สามารถทำร้ายข้าได้ในขณะที่ผู้ชายของเจ้าอ่อนแอยิ่งกว่าปลาแสงอาทิตย์ ข้าต่างหากที่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้!”
เฉียวเสวี่ยอิงยังคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เลื่อนลอย “ฮึ่ม เจ้ามั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าเสียเปรียบ? อย่างน้อยที่สุด เขาควรจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุหนึ่งพันปี หรืออาจมากกว่านั้นเมื่อระดับการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น การผูกชะตากรรมกับเจ้าถือเป็นเรื่องเสียเปรียบของเขาล่ะมากกว่า!”
นางได้แบ่งปันอายุขัยของนางอย่างน้อย 700 ถึง 800 ปีให้ซูอันผ่านวิชาลับสายสัมพันธ์ครึ่งชีวิต และผู้บ่มเพาะย่อมมีอายุขัยยาวนานกว่ามนุษย์ธรรมดามาก ดังนั้นการอยู่ได้จนถึงหนึ่งพันปีย่อมเป็นเรื่องที่แทบจะเรียกได้ว่าแน่นอน
หลังจากที่นางแบ่งชีวิตให้กับซูอันไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่มีทางที่นางจะพอใจหากต้องเห็นซูอันตายพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นขึ้นมา จะถือเป็นเรื่องเสียหายมากสำหรับนาง!
“หนึ่งพันปี?” ฉู่ชูเหยียนประหลาดใจโดยไม่รู้ว่าทำไมเสวี่ยเอ๋อร์ถึงพูดแบบนี้ขึ้นมาเพราะด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของซูอัน เขายังห่างไกลจากการมีอายุขัยหนึ่งพันปี
ในทางกลับกัน หมี่ลี่พ่นลมหายใจอย่างแรง “พันปี? ฮึ่ม! แม้ว่าเขาจะอยู่ได้ถึงสองพันปี ข้าก็ยังเป็นฝ่ายที่ต้องทนทุกข์กับการเสียเปรียบครั้งนี้!”
เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนตกอยู่ในความเงียบ พวกนางแน่ใจว่าหมี่ลี่ น่าจะอาศัยอยู่ในสุสานใต้ดินอันมืดมิดแห่งนี้มาเป็นระยะเวลาหลายพันปีมาแล้ว
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่หญิงใหญ่ ท่านอายุเท่าไหร่กันแน่เหรอ?”
“เจ้าถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงได้ยังไง?” หมี่ลี่กลอกตา “เจ้าไม่รู้หรือว่าการถามอายุของผู้หญิงเป็นเรื่องหยาบคาย!”
ซูอันตอบกลับทันควัน “ข้าไม่ได้สงสัยในเรื่องที่ท่านมีอายุขัยที่ยืนยาว แต่ข้าคิดว่าท่านน่าจะถูกผนึกไว้ที่นี่เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ถ้าท่านใกล้จะหมดอายุขัยเต็มที ข้าจะไม่ขาดทุนหากทำสัญญาชีวิตและความตายกับท่านเหรอ?”
หมี่ลี่ไม่ตอบอะไร
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 777!
—
เฉียวเสวี่ยอิงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ มีหลายครั้งที่ซูอันยั่วยุให้นางแทบคลั่ง แต่การได้เห็นเขาทำแบบเดียวกันกับคนอื่น ๆ กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกพึงพอใจอย่างประหลาด
“ไอ้เด็กเวร! หยุดท้าทายความอดทนของข้าได้แล้ว!” เปลือกตาของหมี่ลี่กระตุกขณะที่นางตะโกนพร้อมกับกัดฟัน
“ก็ได้ ๆ ข้าจะยอมรับคำขอในการทำสัญญาชีวิตและความตายกับท่านก็ได้” ซูอันตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ
หญิงสาวที่เหลือทั้งสองตะโกนร้องขึ้นอย่างกังวลทันที “อาซู เจ้าอย่าทำเชียวนะ!”
อย่างไรก็ตาม ซูอันหยุดพวกนางด้วยการโบกมือและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีอะไรจะเสียมากในการทำสัญญานี้ และยิ่งไปกว่านั้นเราจำเป็นต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมดที่นี่!”
เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนไม่เห็นด้วยที่ซูอันจะทำสัญญากับหมี่ลี่ แต่พวกนางรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง และเนื่องจากเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว พวกนางจึงยอมรับการตัดสินใจของเขา
สำหรับซูอัน ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตัวเองแค่แกล้งทำเป็นว่ามีสิ่งแลกเปลี่ยนกับหมี่ลี่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองยังใช้การชำระล้างไม่เป็นด้วยซ้ำ เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำสัญญาใด ๆ เพื่อผูกมัดนาง แต่เพียงเพราะเขากลัวว่าหมี่ลี่จะจับไต๋เขาได้หากเขาดูกระตือรือร้นเกินไป จึงพยายามยียวนนางก่อนที่จะตกลงทำสัญญา
โชคดีที่มันได้ผลดี และหมี่ลี่ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย
“เราจะลงชื่อใน ‘สัญญาชีวิตและความตาย’ ได้ยังไง?” ซูอันถาม
หมี่ลี่ยกมือขึ้นและพูดว่า “นำแก่นแท้โลหิตของเจ้าแก่ข้าหนึ่งหยด”
“แก่นแท้โลหิต?” ซูอันเกาหัวของเขาอย่างเชื่องช้า “จะดีเหรอ? ข้าหมายถึงการถอดกางเกงของข้าต่อหน้าทุกคนมันคงจะ…”
หญิงทั้งสามคนนิ่งงัน ก่อนที่หมี่ลี่จะโวยวายออกมา
“ล้างความคิดสกปรกออกจากหัวเจ้าเดี๋ยวนี้!” หมี่ลี่ตะโกน “แก่นแท้โลหิตหมายถึงต้นกำเนิดพลังชีวิตของเจ้า มันแตกต่างจากเลือดปกติและมันไม่ใช่สิ่งนั้นที่เจ้ากำลังคิดแน่ ๆ!”
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 517!
—
ซูอันหัวเราะอย่างเขินอาย มันน่ากระอักกระอ่วนจริง ๆ ที่เขากลับตีความคำพูดของนางไปในทางลามก…แม้ว่าตามจริงแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่สมควรจะถูกตำหนิในเรื่องนี้เพราะเขาใช้ ‘แก่นแท้โลหิต’ อีกประเภทหนึ่งเพื่อแก้ไขเส้นลมปราณของฉู่ชูเหยียนมาแล้วก่อนหน้านี้
หมี่ลี่ไม่เสียเวลาใส่ใจท่าทีของซูอัน ดังนั้นนางจึงกดนิ้วชี้ของนางบนหน้าผากของเขาและดึงแก่นแท้โลหิตหยดหนึ่งออกมาซึ่งดูเป็นสีแดงเข้มมากกว่าเลือดปกติ
ฉู่ชูเหยียนตกใจมาก นางพยายามที่จะหยุดร่างกายของตัวเอง แต่หมี่ลี่ กล่าวว่า “จงผ่อนคลาย ข้าจะไม่ทำร้ายผู้ชายของเจ้า”
ซูอันก็รู้สึกหมดหนทาง ความเหนื่อยล้ายิ่งกว่าที่เขาเคยรู้สึกมาก่อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ดูเหมือนว่าการสูญเสียแก่นแท้โลหิตจะส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
“เหยียดนิ้วออกแล้ววาดสัญลักษณ์เดียวกันกับข้า” หมี่ลี่สั่ง
“ระวังนะอาซู!” เฉียวเสวี่ยอิงเตือน
ฉู่ชูเหยียนยังเสริมอีกว่า “หากเจ้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แทงกระบี่ของเจ้าเข้าที่หัวใจข้าทันที”
ซูอันรับรองกับพวกนางด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล นางไม่สามารถฆ่าข้าได้”
ตราบใดที่เส้นใยสุขสันต์ยังคงทำงานอยู่เขาย่อมไม่กลัวหมี่ลี่
“เจ้ามั่นใจเหลือเกินนะ” หมี่ลี่ตั้งข้อสังเกตอย่างไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามซูอันไม่ได้สนใจที่จะพูดอะไร เขายกมือขึ้นและแตะที่ปลายนิ้วของหมี่ลี่ ความเย็นยะเยือกให้ความรู้สึกสบายวูบขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็สงสัยว่าสัมผัสที่เหมือนการปลอบโยนนี้มาจากฉู่ชูเหยียนหรือหมี่ลี่กันแน่
“ตั้งสมาธิให้ดีอย่าว่อกแว่ก!” หมี่ลี่ขมวดคิ้วกับท่าทางของซูอัน ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก “ค่อย ๆ วาดนิ้วไปพร้อมกับข้า”
ซูอันตอบกลับด้วยการพยักหน้า ด้วยปลายนิ้วที่ประสานเข้าด้วยกันโดยใช้แก่นแท้โลหิตเป็นหมึก ในเวลาไม่นานอักษรบางอย่างก็ปรากฏขึ้นบนอากาศ
เมื่อตัวอักษรก่อตัวเสร็จสมบูรณ์ มันก็เปล่งประกายแสงสีทองและแสงก็แยกกันพุ่งไปที่หน้าผากของทั้งสองคนก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ชายหนุ่มกระพริบตา ทันใดนั้นซูอันก็รู้สึกใกล้ชิดกับหมี่ลี่มากขึ้น และเขาก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่านางไม่ได้โกหก สัญญานี้สามารถทำให้ทั้งสองมีชะตากรรมร่วมกันได้
นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านคำพูด แต่เป็นการรู้โดยสัญชาตญาณ
ซูอันนึกถึงคำถามที่สำคัญอย่างหนึ่งและเขาก็ถามว่า “ท่านตั้งใจจะทำยังไงต่อเมื่อออกจากร่างภรรยาของข้าไป?”
ก่อนหน้านี้เขาอยากให้หมี่ลี่ออกจากร่างของฉู่ชูเหยียนโดยที่เขาไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมา แต่ตอนนี้ชะตากรรมของพวกเขาเชื่อมโยงกันแล้ว เขาเลยเริ่มกังวลว่าหมี่ลี่จะสูญสลายและตายไปโดยที่มีมรณกรรมของเขาตามไปด้วยติด ๆ