บทที่ 341 ฝีปากที่สวรรค์ประทานพร
บทที่ 341 ฝีปากที่สวรรค์ประทานพร
ซูอันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หมี่ลี่มองดูเรื่องทั้งหมดนี้อย่างสนุกสนานราวกับกำลังดูละคร ชายหนุ่มโยนกระบี่ไท่เอ๋อร์ทิ้งไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะหันไปหาเหล่าวิญญาณพยาบาทใต้น้ำและตะโกนว่า “ได้ ข้าจะไม่ใช้กระบี่ ข้าจะต่อยกับพวกเจ้าทั้งหมดด้วยหมัดเปล่า!”
วิญญาณพยาบาทต่างรู้สึกขบขันกับคำพูดของซูอัน ไอ้เด็กนี่มันช่างมีความกล้าแบบโง่ ๆ เสียจริง!
“พวกเจ้ายังมุดหัวกันอยู่ใต้นั้นทั้ง ๆ ที่ข้าทิ้งกระบี่ไปแล้วงั้นเหรอ? จิ๊ จิ๊ พวกเจ้านี่มันไม่ใช่วิญญาณหมาดินธรรมดาอย่างที่ข้าเคยเข้าใจซะแล้วแต่เป็นวิญญาณลูกหมาดินซะมากกว่า! ข้าไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าพวกเจ้าเคยเป็นชนชั้นสูงของราชวงศ์ฉิน! พวกเจ้านี่มันช่างน่าไม่อายจริง ๆ!”
—
ท่านยั่วยุวิญญาณพยาบาทสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +6 +6 +6…
—
เมื่อเห็นว่าการเยาะเย้ยของเขาเริ่มส่งผลกระทบต่อพวกมันบ้างแล้ว ซูอันจึงตัดสินใจกดดันให้หนักขึ้นไปอีก “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมราชวงศ์ฉินถึงถูกโค่นล้มง่ายเช่นนี้ ถ้ามีทหาร…เอ๊ยไม่ใช่ ถ้ามีลูกหมาดินเช่นพวกเจ้าเยอะขนาดนี้ ราชวงศ์ฉินจะไม่ล่มสลายได้ยังไง?”
—
ท่านยั่วยุวิญญาณพยาบาทสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 18 + 18 + 18…
—
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
แม้ว่านางถูกอิ่งเจิ้งผนึกไว้ที่นี่ แต่นางยังคงเป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน มันน่าโมโหที่ได้ยินคนอื่นพูดถึงราชวงศ์ฉินเช่นนี้
ในขณะที่ซูอันกำลังจะยั่วประสาทต่อไป แต่วิญญาณพยาบาทก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว พวกมันรีบกรูกันออกมาจากใต้ทะเลสาบอีกรอบและพุ่งเข้าใส่ซูอันด้วยความโมโหสุดขีด
ไอ้เวร!! พวกข้าไม่ใช่ลูกหมาดินโว้ยยย!!!!!
“อาซู!” ฉู่ชูเหยียนร้องด้วยความตกใจ
นางรีบวิ่งเข้าไปช่วยเขาทันที หลังจากการฟื้นตัวครั้งก่อน นางสามารถซ่อมแซมเส้นลมปราณ และเพิ่มระดับการบ่มเพาะของนางขึ้นเป็นระดับหกขั้นสูงสุด
หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของนางรุนแรงเกินไป จนดอกบัวเร้นลักษณ์ส่วนหนึ่งได้รักษาชีวิตของนางไว้ นางควรจะก้าวไปสู่ระดับเจ็ดแล้วด้วยซ้ำ!
สำหรับคนที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีที่จะเข้าใกล้ระดับที่เจ็ด นี่เป็นความสำเร็จที่โดดเด่นอย่างมากแม้จะพิจารณาถึงอัจฉริยะทั้งหมดในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์โจว
สำหรับเฉียวเสวี่ยอิง…หญิงสาวบาดเจ็บเกินกว่าจะเคลื่อนไหวใด ๆ ดังนั้นนางทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ
ฉู่ชูเหยียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า นางใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการไปถึงตัวซูอัน ทว่าร่างกายของซูอันถูกวิญญาณพยาบาทรุมอยู่เต็มไปหมด
ความโกรธเกรี้ยวของเหล่าวิญญาณพยาบาทมากเกินพอที่จะฆ่า ซูอัน ได้หลายสิบครั้ง
“อาซู!”
แม้ฉู่ชูเหยียนจะยังไม่คุ้นเคยกับความสัมพันธ์ในปัจจุบันของนางกับเขา แต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยเมื่อเขาตกอยู่ในอันตรายได้ ดังนั้นนางจึงจัดการแช่แข็งวิญญาณพยาบาททั้งหมดอย่างรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีการระเบิดเกิดขึ้น ทำให้วิญญาณพยาบาททั้งหมดที่เข้าใกล้ซูอันหายไป
ซูอันพุ่งเข้าปะทะฝูงวิญญาณพยาบาทแล้วจัดการพวกมันอย่างง่ายดายด้วยหมัดและแข้งของเขา
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง…ซูอันแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!
นางสามารถบอกได้ว่าวิญญาณพยาบาทเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับสามขั้นต้น ถึงจะมีบางตัวที่อยู่ในระดับสี่และระดับห้าปะปนอยู่ด้วย แม้ว่าพวกมันไม่ได้แข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับจางฮั่นและหมี่ลี่ แต่พวกมันก็มีจำนวนมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น ในอดีตพวกมันเคยเป็นถึงคือกองทหารระดับสูง พวกมันจึงสามารถใช้กระบวนรบเข้าต่อสู้ได้ด้วย!
แต่ว่าตอนนี้พวกมันกลับพ่ายแพ้ต่อซูอันอย่างง่ายดาย?
ในขณะเดียวกัน ซูอันรู้สึกเบิกบานอย่างมากจากการกลั่นแกล้งเหล่าวิญญาณพยาบาท เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่เดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลเพื่อข่มเหงเด็กกลุ่มหนึ่ง วิญญาณพยาบาทเหล่านี้แพ้ทางอย่างยิ่งต่อการชำระล้างจากพลังปฐมบท ดังนั้นชายหนุ่มจึงห่อหุ้มพลังปฐมบทไว้ทั่วร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีวิญญาณพยาบาทแม้แต่ตัวเดียวเข้ามาใกล้ได้
เมื่อเห็นเช่นนี้พวกวิญญาณพยาบาทจึงหันไปโจมตีฉู่ชูเหยียนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงแทนซูอัน
“กล้าดียังไงมารังแกภรรยาของข้า!” ซูอันตะโกนเสียงดังลั่นทันทีเมื่อเห็นเช่นนี้
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงเมื่อได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ แม้ว่าวิญญาณพยาบาทเหล่านี้น่าจะแทบไม่มีความรู้สึกใด ๆ แล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกอับอายที่ถูกเรียกเช่นนี้ในที่สาธารณะ
วิญญาณพยาบาทก็โกรธเคืองเช่นกัน เจ้าจะเล่นอย่างนี้ใช่มั้ย?
ผู้นำของกลุ่มวิญญาณพยาบาทเริ่มเข้าควบคุมและเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว แทนที่จะต่อสู้กับเขาในระยะประชิด พวกมันกลับใช้อาวุธโจมตีเขาจากระยะไกลแทน
ซูอันที่ใช้เพียงหมัดและลูกเตะประสบปัญหาจากระยะโจมตีในทันที แม้การโจมตีของเขาผสมกับพลังปฐมบทจะสามารถทำลายอาวุธเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาก็คืออาวุธที่วิญญาณพยาบาทเขวี้ยงเข้าใส่ชายหนุ่มมีมากเกินไป
ต่อมาไม่นาน ซูอันก็ตระหนักว่าเขาออกแรงมากเกินไปในการฆ่าวิญญาณพยาบาทได้สักตัว ดังนั้นพลังปฐมบทใด ๆ ที่เขาได้รับจากมันย่อมไม่เพียงพอที่จะชดเชยการสูญเสียพละกำลังของร่างกายได้
เมื่อไม่มีทางเลือก ซูอันจึงทำได้เพียงยกมือและตะโกนว่า “มานี่ กระบี่ของข้า!”
น่าแปลกที่กระบี่ไท่เอ๋อร์พุ่งเข้ามาอยู่ในมือของเขาในทันที
“พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่คิดว่าท่านจะเชื่อฟังขนาดนี้!” ซูอันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลิงโลด เขารู้สึกพึงพอใจกับการเรียกกระบี่มาหาได้เหมือนกับในละครและภาพยนตร์
“อย่าพูดพล่ามให้มากไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นของเจ้า! จงรู้เอาไว้ว่าตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ มันจะไม่มีผลอะไรกับข้าเลย!” หมี่ลี่ตอบอย่างเฉียบขาด
ซูอันนิ่งงัน
อารมณ์ของผู้หญิงนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ
ซูอันระบายความโกรธของตัวเองต่อวิญญาณพยาบาท ทำให้พวกมันเหมือนลูกโป่งถูกปาเป้าอีกครั้ง เขาใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการสังหารวิญญาณพยาบาทกลุ่มใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ และแม้แต่พวกตัวที่ไปหาฉู่ชูเหยียนก็ถูกสังหารเช่นกัน
วิญญาณพยาบาทที่เหลือรีบกรูกันกลับเข้าไปซ่อนใต้ทะเลสาบดังเดิม
“จะหนีทำบ้าอะไรอีก? ขึ้นมาสู้กับข้าให้รู้แพ้รู้ชนะสิเว้ย!” ซูอันกล่าวด้วยความไม่พอใจ
—
ท่านยั่วยุวิญญาณพยาบาทสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 6 + 6 + 6…
—
เมื่อสังเกตเห็นว่าพวกมันกำลังจับตามองกระบี่ไท่เอ๋อร์ของเขาด้วยความโกรธ ซูอันก็หัวเราะอย่างเขินอาย เขาเขวี้ยงกระบี่ออกไปอีกรอบและพูดว่า “อ่า…แหะ ๆ ข้าขอโทษที ๆ เมื่อกี้ข้าหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้มากไปหน่อย ไม่ต้องกังวล ข้าสัญญาว่าจะไม่ใช้กระบี่อีกแล้วจริง ๆ นะ พวกเจ้าเชื่อข้านะ!”
ด้วยฝีปากที่เหมือนถูกสวรรค์ประทานพรมาให้ พวกวิญญาณพยาบาทจึงถูกล่อลวงอีกครั้ง และแน่นอนว่าพวกวิญญาณพยาบาทที่หลงเชื่อก็ถูกซูอันใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์จัดการไปอีกโขยงใหญ่อย่างง่ายดายและพวกที่เหลือต่างก็พากันกรูกลับไปหลบที่ใต้ทะเลสาบด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
ในตอนนี้เดาไม่ได้เลยว่าการที่ตาของพวกมันแดงก่ำเป็นเพราะอยากจะร้องไห้หรือว่าโกรธจัดกันแน่?
—
ท่านยั่วยุวิญญาณพยาบาทสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 9 + 9 + 9…
—
ซูอันเกาหัวอย่างเขินอายและหัวเราะ “แหะ ๆๆ! นั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ มันเป็นไปตามสัญชาตญาณอีแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ ๆ พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะขว้างกระบี่ของข้าให้ไกลกว่าเดิม คราวหน้าพวกเจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะใช้มันอีกต่อไปดีไหม?”
—
ท่านยั่วยุวิญญาณพยาบาทสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 13 + 13 + 13…
—
ใครจะกล้าเชื่อเจ้า! เจ้านี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าวิญญาณอย่างพวกเราซะอีก!
คราวนี้ไม่ว่าซูอันจะพยายามหลอกล่อและข่มขู่พวกมันอย่างไร วิญญาณพยาบาทก็ปฏิเสธที่จะออกจากใต้ทะเลสาบ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาเรียกกระบี่ไท่เอ๋อร์กลับมาแล้วถามว่า “พี่หญิงใหญ่ พวกมันไม่ยอมออกมาเลย เราควรทำยังไงดี?”
หมี่ลี่ถอนหายใจและพูดว่า “ที่พวกมันไม่ยอมเชื่อเจ้า เพราะเจ้ามันไร้ยางอาย!”
หญิงสาวสองคนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน เป็นการยากที่จะเห็นผู้หญิงสามคนนี้เห็นพ้องต้องกัน
“…” ซูอัน
“ปั้ดโธ่ ถ้างั้นตอนนี้เราควรทำยังไงดี? แม้ว่าพวกมันจะเต็มใจเข้ามาหาข้า แต่ถ้ามานั่งชำระล้างมันให้บริสุทธิ์ทีละตัวทั้งวันก็คงไม่หมด” ซูอันเอ่ยขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงว่าข้าหลอกพวกมันมาแล้วสองครั้ง แล้วพวกมันจะหลงกลอุบายของข้าอีกครั้งได้ยังไง?
“ไปเอาหมวกกับหอกนั่นมา” หมี่ลี่กล่าวขณะที่นางบังคับให้กระบี่ไท่เอ๋อร์ชี้ไปที่พื้นซึ่งมีหมวกและหอกตกอยู่
ซูอันรีบไปหยิบหมวกและหอกที่อยู่ใกล้กับผนังถ้ำ เขาใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะตระหนักได้ในที่สุด “พวกนี้มันเป็นของ ๆ จางฮั่น นี่นา!”
ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าหมี่ลี่กำลังคิดจะทำอะไร และเขาก็นำสิ่งของสองชิ้นนั้นมาไว้ที่ริมทะเลสาบ จากนั้นร่างเงาของหมี่ลี่ก็ผุดออกจากกระบี่ไท่เอ๋อร์ ทำให้เกิดบรรยากาศที่คู่ควรแก่การปรากฏขึ้นของจักรพรรดินีที่แท้จริง
“ข้าคือจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน หมี่ลี่ พวกเจ้าน่าจะเคยเห็นข้ามาก่อน”
ความโกลาหลเกิดขึ้นท่ามกลางวิญญาณพยาบาทในทันที พวกมันบางตัวที่ได้เห็นหมี่ลี่จากระยะใกล้จึงจำนางได้ทันทีเพราะพวกมันสามารถจำเสื้อคลุมหงส์สีดำที่ปักลวดลายทองอันเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ที่นางสวมได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกมันจะจำนางได้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่คุกเข่าให้นาง พวกมันต่างมองนางอย่างสับสนและระแวดระวัง