บทที่ 386 เจ้าแทบจะไม่ผ่านเกณฑ์
บทที่ 386 เจ้าแทบจะไม่ผ่านเกณฑ์
หมี่ลี่ไม่มีอารมณ์จะโต้แย้งเรื่องนี้กับซูอัน และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาที่สำคัญมากขึ้น “เจ้าหนู แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะต่ำ แต่ความรู้และประสบการณ์ของเจ้ากลับตรงกันข้าม เจ้าสามารถสรุปได้อย่างรวดเร็วว่าวิชาร่างก้าวทานตะวันนั้นเหมาะสำหรับขันทีเท่านั้น ซึ่งแม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับแปดทั่วไปยังหาจุดด้อยของเคล็ดวิชานี้ได้ยาก นับประสาอะไรกับคนที่มีระดับการบ่มเพาะเพียงแค่ระดับสามอย่างเจ้า อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะในตำนานจริง ๆ?”
“แน่นอน! ดูให้ดีสิว่าท่านกำลังพูดถึงใคร!” ท่าทางของซูอันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ภายในพลันนึกขอบคุณตงฟางปุ๊ป้าย เยว่ปู้ฉวิน หลินผิงจือ และจอมยุทธอื่น ๆ ที่เขาเคยอ่านในนิยายจากเมื่อโลกก่อนอย่างต่อเนื่อง
หมี่ลี่ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อธิบายการไหลของพลังชี่ของวิชาร่างก้าวทานตะวันให้ข้าฟังละเอียด ๆ หน่อย อย่าละเลยข้อมูลแม้เพียงเล็กน้อย”
ซูอันพยักหน้า เขาเปิดเผยทุกอย่างที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับวิชาร่างก้าวทานตะวันโดยไม่ลังเล
หลังจากตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด หมี่ลี่ก็ตกลงไปในห้วงความคิด ไม่นานก็เริ่มแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน “ทักษะการเคลื่อนไหวนี้ช่างวิเศษจริง ๆ แต่บางส่วนของมันก็ไม่ถูกต้องนัก ข้าจะปรับเปลี่ยนมันให้เจ้าเล็กน้อย และผสมในทักษะการเคลื่อนไหวของข้าเข้าไปด้วย ในอนาคตเมื่อเจ้าใช้ทักษะแบบใหม่ที่ข้าประยุกต์ให้เจ้า เจ้าจำเป็นต้องโคจรพลังชี่ผ่านจุดฝังเข็มต่าง ๆ ในรูปแบบที่ข้าบอก”
หมี่ลี่ออกท่าทางสาธิตคำแนะนำต่าง ๆ ในขณะที่นางอธิบาย ร่างของนางเคลื่อนที่ไปมาอย่างสง่างามราวกับเทพธิดาท่ามกลางแสงจันทร์อย่างแท้จริง ร่างของนางพลิ้วไหวราวกับเกล็ดหิมะในสายลมอ่อน ๆ
ภาพนี้ทำให้ซูอันรู้สึกทึ่ง จิ๋นซีฮ่องเต้คนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจอย่างแท้จริง! นี่เขาคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงสามารถผนึกเทพธิดาที่งดงามขนาดนี้ไว้ได้ลงคอตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา?
ในที่สุดการสาธิตของหมี่ลี่ก็เสร็จสิ้น นางสังเกตเห็นสีหน้าที่ค่อนข้างเหลอหลาของซูอัน “นี่เมื่อครู่เจ้าตั้งใจดูข้าหรือไม่!?” นางตะคอกด้วยความหงุดหงิด
“แน่นอน ข้าตั้งใจ!” ซูอันตอบกลับทันที
“แล้วเจ้าจำมันได้มากแค่ไหน?”
“เกือบทั้งหมด”
“อย่างนั้นหรือ? ถ้างั้นเจ้าลองทำสิ่งที่ข้าเพิ่งสาธิตให้ข้าดูสักครั้งก่อน!” หมี่ลี่เยาะเย้ย เจ้าเด็กนี่หลงเสน่ห์ข้าเข้าเต็ม ๆ ในตอนที่ข้าแสดง มันจะตั้งใจจดจ่อกับการเรียนรู้ได้ยังไง? นี่เป็นโอกาสดีสำหรับข้าที่จะลงโทษเจ้าเด็กเวรนี่ให้หนักหน่วง!
“ไม่มีปัญหา!” ซูอันนึกถึงท่าทางการเคลื่อนไหวของนางเมื่อครู่อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของตัวเองจะเปลี่ยนกลายเป็นจริงจัง
จากนั้น เท้าของซูอันก็เริ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับพลันหนึ่งก้าว! ด้วยการเลียนแบบการย่างก้าวของหมี่ลี่ ภายในชั่วพริบตา มันก็ดูเหมือนว่าร่างของชายหนุ่มเหมือนมีอีกร่างแยกออกมา แถมร่างทั้งสองกลับมีคลื่นพลังที่คล้ายคลึงกันอย่างน่าแปลกประหลาดจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกแยะว่าร่างไหนเป็นตัวจริงร่างไหนเป็นตัวปลอม
น่าเสียดายตอนก้าวที่สอง พลังของชายหนุ่มก็ตีกันยุ่งเหยิงในทันที ซูอันถึงกับตัวเซและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างหนัก
ซูอันหน้าแดงด้วยความอับอาย “เมื่อกี้ข้าพลาด ให้ข้าลองอีกครั้งได้ไหม?”
หมี่ลี่ตกตะลึง “เจ้าเคยเรียนทักษะนี้มาก่อนหรือเปล่า?”
“แน่นอนสิ…ก็นี่มันไม่ใช่เพียงการดัดแปลงพื้นฐานบางอย่างของวิชาร่างก้าวทานตะวันไม่ใช่เหรอ? สิ่งเดียวที่แตกต่างคือร่างเงาที่แยกออกมาเมื่อครู่นี้”
ขณะที่เขาทบทวนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจของตัวเอง ซูอันก็ค้นพบว่าทักษะการเคลื่อนไหวนี้ดีกว่าวิชาร่างก้าวทานตะวันมาก
วิชาร่างก้าวทานตะวัน ก่อนหน้านี้มีความเป็นเลิศในด้านความรวดเร็วและการเคลื่อนไหวที่เข้าใจได้ยาก และปกปิดจุดหมายปลายทางที่กำลังมุ่งหน้าไป แต่การดัดแปลงนี้เป็นการเพิ่มภาพลวงตาเข้ามาอีกทำให้มันวิเศษมากกว่าเดิมหลายเท่า
คุณสมบัติดังกล่าวจะทำให้ศัตรูที่กำลังต่อสู้ด้วยสับสนได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสิ่งที่ศัตรูเห็นไม่ใช่แค่ภาพลวงตา หากแต่เป็นร่างปลอมที่มีกลิ่นอายพลังเดียวกันกับตัวผู้ใช้เอง ศัตรูย่อมไม่รู้ว่าจะโจมตีร่างไหน นี่นับเป็นเรื่องที่วิเศษมาก!
หมี่ลี่จ้องมองที่เขา “ไม่ ข้ากำลังพูดถึงทักษะใหม่ที่ข้าเพิ่งสอนเจ้าเมื่อครู่นี้”
“ไม่ ข้าจะเคยฝึกมันได้ยังไง ท่านเพิ่งแสดงมันให้ข้าเห็นวันนี้เป็นครั้งแรก ท่านก็น่าจะรู้ตัวดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมเหรอ? มันควรจะฝึกยากงั้นเหรอ?” จู่ ๆ ซูอันก็มีสีหน้าแปลก ๆ “ว่าแต่พี่หญิงใหญ่ ท่านใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงแยกร่างเงาออกมาได้แบบนี้?”
หมี่ลี่เชิดศีรษะ ก่อนจะวางท่าเย่อหยิ่ง “ข้าเป็นถึงจักรพรรดินี ในตอนที่ศึกษาทักษะนี้ครั้งแรก ข้าแยกร่างเงาออกมาได้สี่ร่างทันที! สองร่างกระจอก ๆ ของเจ้าแทบจะไม่ผ่าน!”
แม้นางจะพูดเช่นนั้น แต่ภายในใจก็รู้สึกละอายเป็นอย่างยิ่ง ย้อนกลับไปในตอนนั้น นางใช้เวลาทั้งเดือนกว่าจะแยกร่างออกเป็นสองได้!
ซูอันไม่สงสัยในคำพูดของนาง ท้ายที่สุดรัศมีอันทรงพลังของหมี่ลี่ และความไร้เทียมทานของนางในถ้ำใต้ดินได้สร้างความประทับใจให้ชายหนุ่มได้เห็นอย่างลึกซึ้ง ในความคิดของเขา สิ่งที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่น่าจะใช่เรื่องโกหกแน่นอน
“ขอข้าลองอีกสักครั้ง”
ด้วยความเป็นคนไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จึงเริ่มฝึกทักษะการเคลื่อนไหวที่นางเพิ่งสาธิตให้ใหม่อีกครั้ง
หลังจากพยายามนับครั้งไม่ถ้วน เขาก็เกือบจะสามารถทำให้ร่างที่สามปรากฏขึ้นได้ แต่ทว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มใกล้จะทำได้ พลังของเขากลับตีกันสับสนวุ่นวาย ทำให้สะดุดขาตัวเองและล้มลงอย่างน่าเวทนา
หลังจากพยายามครั้งล่าสุดไม่สำเร็จ ซูอันก็ลุกกลับมายืนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจยาว “ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถเปรียบเทียบตัวเองกับพี่หญิงใหญ่ได้ ข้าจะต้องบ่มเพาะอย่างจริงจังต่อไป ถ้าข้าอยากทำได้สี่ร่างแยกเหมือนพี่หญิงใหญ่”
“พูดตรง ๆ เจ้าทำได้ดีทีเดียว จงฝึกอย่างจริงจังแล้วเจ้าจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้น” หมี่ลี่สนับสนุนเขาในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่ง แต่ข้างในใจนางเริ่มสั่นคลอน
พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำคู่ควรกับชื่อเสียงในตำนานอย่างแท้จริง! แก่นแท้โลหิตของไอ้เด็กนี่ไม่เพียงแต่มีผลวิเศษเท่านั้น ซ้ำยังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็วกว่าคนทั่วไปมาก
พรสวรรค์ของนางนั้นถือว่าเหนือกว่าคนอื่นมากแล้ว ย้อนกลับไปในตอนนั้น กว่าที่นางจะประสบความสำเร็จในการแยกร่างออกเป็นสองได้ก็คือหลังจากฝึกฝนทักษะนี้หนึ่งเดือน ซึ่งความสำเร็จแค่นั้นมันก็ได้ทำให้ผู้คนมากมายตะลึงงันไปแล้ว แต่แล้วไอ้ตัวประหลาดนี่กลับประสบความสำเร็จแบบเดียวกับนาง หลังจากเพียงแค่ได้ฟังที่อธิบายเพียงครั้งเดียว!
การเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นมากเกินไปอาจทำให้คน ๆ หนึ่งอกแตกตายได้!
แม้จะรู้สึกอิจฉา แต่ท่าทีที่ท้อแท้ของไอ้เด็กตรงหน้านี่ก็ทำให้นางกังวลว่า การที่เขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสำเร็จของนางจะส่งผลต่อความคิดและขัดขวางการบ่มเพาะของตัวมันเอง ดังนั้นนางจึงพยายามให้กำลังใจเขาในทันทีเพื่อให้เขากลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
ซูอันรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของนาง “ว่าแต่พี่หญิงใหญ่ ท่านเรียกทักษะการเคลื่อนไหวนี้ว่าอะไร?”
หมี่ลี่ส่ายหัว “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะนำมาซึ่งอันตรายมากกว่าผลดีแก่เจ้า หากเจ้ารู้เรื่องพวกมันก่อนเวลาอันควร รอจนกว่าเจ้าจะสร้างร่างเงาได้เก้าร่างก่อน ค่อยมาถามคำถามนี้อีกครั้ง แต่ในเมื่อทักษะนี้ยังคงเกี่ยวเนื่องกับวิชาร่างก้าวทานตะวันของเจ้า เจ้าก็ยังคงสามารถเรียกมันว่าวิชาร่างก้าวทานตะวันต่อไปได้”
“งั้นก็ช่างเถอะ” ซูอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ชื่อ ‘วิชาร่างก้าวทานตะวัน’ ทำให้ตัวเองเป็นกังวล มันทำให้ชายหนุ่มนึกถึงภาพของผู้เฒ่ามี่ขึ้นมาซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ซูอันอยากจะใช้ทักษะนี้แล้วนึกถึงภาพหน้าของจักรพรรดินีผู้งดงามคนนี้แทน
เฮ้อ…ข้ามองคนแต่ภายนอกมากเกินไป ผู้เฒ่ามี่เองก็ปฏิบัติกับข้าค่อนข้างดี แม้ว่าแรงจูงใจของเขาจะแปลกไปหน่อย…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
เสียงคนมาเคาะประตูห้องดังขึ้นอย่างถี่กระชั้น