บทที่ 411 คนดังอย่างข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เป็นจุดสนใจ
บทที่ 411 คนดังอย่างข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เป็นจุดสนใจ
เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังจะบานปลายอีกแล้ว ชิวฮัวเล่ยจึงแสดงท่าทางที่น่ารักและน่าสงสารให้กับเฉินเซวียน “ท่านเซวียน ท่านสัญญากับข้าไว้แล้วนะ!”
นางกะพริบตากลมโตและทำน้ำตาคลอใส่เขา เฉินเซวียนกลืนน้ำลาย ทันใดนั้นปากของเขาก็แห้งผาก เป็นผู้หญิงคนนี้จริง ๆ ข้าต้องพานางกลับไปด้วยแน่ ๆ นางจะต้องคอยปรนนิบัติข้า!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ความโกรธของเขาจึงถูกแทนที่ด้วยความโหยหา เขาลืมทุกอย่างเกี่ยวกับการตัดสินแพ้ชนะระหว่างตัวเองกับซูอัน
เขานั่งลงพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ขอบคุณมากท่านเซวียน…” ชิวฮัวเล่ยยิ้ม ก่อนที่นางจะเหลือบมองซูอัน เขาจะทำยังไงถ้าข้าไม่เข้ามาช่วย?
ในห้องชั้นสอง เซี่ยซิวถอนหายใจ “น่าเสียดาย! เมื่อกี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการวัดความแข็งแกร่งของซูอัน ทำไมชิวฮัวเล่ยต้องเข้าไปยุ่งด้วย?”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่ใช่คู่มือของผู้บ่มเพาะระดับหกจริงไหม?”
“อาจจะไม่จริงเสมอไป” เซี่ยซิวเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนภูเขาด้านหลังเมืองจันทร์กระจ่าง ซึ่งซูอันได้เอาชนะซือคุนด้วยกระบี่ของเขา “ความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ไม่อาจคาดเดาได้ ข้าอยากรู้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจะมากแค่ไหน”
เขาไม่ใช่คนเดียวที่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ในห้องข้าง ๆ เพ่ยเหมียนหมานเป่าเปลวไฟสีดำที่ลอยอยู่เหนือมือของนาง “ไม่มีทางที่ผู้ชายคนนั้นจะสร้างปัญหาโดยไม่มีความมั่นใจ” น้ำเสียงของนางเริ่มขุ่นเคือง “ว่าแต่ข้าจะเข้าไปยุ่งเพื่ออะไร? เขาไม่ใช่สามีข้าด้วยซ้ำ ฮึ่ม!”
ชิวฮัวเล่ยเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นสอง “นายน้อยเซี่ย ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้า…เป็นไปได้ไหมที่นายน้อยก็รู้สึกว่าการแสดงของข้าดูขัดแย้งกันจริง ๆ?”
เซี่ยซิวปรากฏตัวที่ขอบหน้าต่างโดยใช้ร่างกายบังพี่สาวของเขาไว้ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางชิวคงล้อเล่น ข้ามัวแต่ตกตะลึงกับท่วงทำนองที่งดงามของเจ้าจนข้าตกอยู่ในภวังค์! นี่เป็นเหตุผลที่ข้าไม่สามารถตอบคำถามของแม่นางได้”
ชิวฮัวเล่ยหัวเราะคิกคัก “ข้าได้ยินคนกล่าวอยู่เสมอว่า ผู้หญิงต่างมองว่านายน้อยเซี่ยเป็นคนรักในอุดมคติของพวกนาง วันนี้ข้าเชื่อแล้วว่าคำพูดเหล่านั้นของหญิงสาวทั้งหลายเป็นความจริง วาจาของท่านช่างน่าฟังเหลือเกิน”
“ข้าก็แค่พูดความจริง” เซี่ยซิวยืนสบาย ๆ ริมหน้าต่าง ดวงตาของเขาเป็นประกายเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส ซึ่งมันทำให้เขาโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูเหมาะสมกัน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์แบบ และอีกคนเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ชายที่เหลือในห้องโถงต่างยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าทั้งสองคนดูเหมาะสมกันดี
อย่างไรก็ตาม การระลึกถึงภูมิหลังของเซี่ยซิวนั้นก็ทำให้จิตใจของพวกเขาดำดิ่งลงไปมากกว่าเดิม ขณะนี้มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าตัวเองยังคงคู่ควรกับการแข่งขันต่อไป
ในทางกลับกัน เฉินเซวียนกลับมีความรู้สึกไปอีกแบบ ในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความร้อนรุ่มเมื่อเห็นชิวฮัวเล่ย ซึ่งเขาถือว่านางเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาไปแล้วคุยกับผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทสนมแบบนี้
นอกจากนี้ เซี่ยซิวผู้นี้รู้ทั้งรู้ว่ามีคนอื่นแอบอ้างเป็นตัวเอง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรซึ่งมันทำให้เฉินเซวียนรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิม
ความคับข้องใจเหล่านี้เพิ่มขึ้นทีละน้อย และในที่สุดเขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้ “นายน้อยเซี่ย! แม่นางชิวต้องการให้เจ้ามีส่วนร่วมในการวิจารณ์ ทำไมเจ้าถึงดึงเวลายืดเยื้อโดยการพูดจาชะเลียแบบนี้?”
เมื่อมีคนออกปากแล้ว ทุกคนก็เริ่มแสดงความเห็นพ้องต้องกัน ในสถานทีเช่นนี้ที่ทุกคนมาที่นี่เพื่อดูสาว ๆ เหมือนกัน ดังนั้นผู้ชายทุกคนจึงมองว่าขณะนี้ตนเองเท่าเทียมกัน ไม่ว่าสถานะทางสังคมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อคิดได้เช่นนี้ผู้ชายบางคนจึงเริ่มเรียกชื่อเซี่ยซิวออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ความกล้าหาญของพวกเขาที่เกิดจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป
เซี่ยซิวไม่ได้สนใจกับข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล เขากล่าวต่อว่า “สำหรับการแสดงของแม่นางชิว มีข้อบกพร่องเล็กน้อยจริง ๆ”
เมื่อพูดเช่นนั้น ก็มีเสียงโห่ไม่พอใจดังมาจากทั่วห้องโถง นี่ก็เป็นคนงี่เง่าอีกคนหนึ่งที่กำลังตำหนิเทพธิดาของพวกเขาต่อจากฉู่ฮงไฉ ซึ่งได้รับความอับอายไปก่อนหน้านี้ และตอนนี้เจ้าโง่อีกคนกำลังเดินตามรอยเท้าของฉู่ฮงไฉ
รอยยิ้มของชิวฮัวเล่ยก็แข็งทื่อไปเช่นกัน “โอ้? ข้า ผู้น้อยยินดีที่จะได้ฟังความเห็นของท่าน”
แม้ว่านางจะขอให้ทุกคนวิจารณ์ แต่นางก็มั่นใจในทักษะของตัวเองมาก นางไม่เชื่อว่าจะมีข้อผิดพลาดจริง ๆ
กระแสคำชมเชยที่ผู้ชายที่รักนางหลั่งรินมาได้ ทำให้อัตตาของนางสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นความคิดเห็นของเซี่ยซิวจึงทำให้นางรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
ตามคำเชื้อเชิญของนาง เซี่ยซิวกล่าวต่อว่า “ท่วงทำนองของแม่นางชิวทำให้ข้าน้ำตาไหล ความสามารถในการสร้างอารมณ์ในการเล่นของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมาก ในแง่นี้ไม่มีอะไรให้ติเลย”
ใบหน้าของฉู่ฮงไฉซีดเมื่อได้ยิน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของเขาคืออะไร
เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วว่า เซี่ยซิวเป็นผู้เชี่ยวชาญเมื่อพูดถึงศิลปะในการปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงแม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่น แต่คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้หาข้อติไม่ได้เลย เขาสามารถยืนยันได้ว่าการแสดงของชิวฮัวเล่ยนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
ไม่น่าแปลกใจที่คำพูดของข้ามีแต่จะทำให้นางโกรธ เฮ้อ ข้าไม่ควรจะพูดแรงขนาดนั้น
ในขณะที่เขาตำหนิตัวเอง เซี่ยซิวก็กล่าวต่อว่า “แม่นางชิว ได้บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบในการแสดงอารมณ์เพลง อย่างไรก็ตาม มีข้อบกพร่องเล็กน้อยในทักษะของเจ้า
“ในช่วงท้ายเพลงอาจเป็นเพราะเจ้าจดจ่อและจมอยู่กับอารมณ์ของมันมากเกินไป โน้ต ‘เจิ้ง’ จึงเล่นนานกว่าเล็กน้อย ในขณะที่โน้ต ‘อวี้’ เล่นเร็วเกินไปหน่อย สิ่งนี้ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันเล็กน้อย”
โน้ต ‘เจิ้ง’ เทียบเท่ากับโน้ต ‘F’ ในความเข้าใจดนตรีของโลกสมัยใหม่
โน้ต ‘อวี้’ เทียบเท่ากับโน้ต ‘A’ ซึ่งเป็นระดับเสียงที่สูงกว่าโน้ต ‘เจิ้ง’ โน้ตนี้แสดงความโกรธและอารมณ์ที่รุนแรงได้ดีเยี่ยม
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง นางหลับตาและทบทวนการแสดงของตัวเองในใจ หลังจากนั้นไม่นานนางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ขอบคุณนายน้อยเซี่ย สำหรับคำแนะนำของท่าน ไม่อย่างนั้นข้าคงได้แต่รู้สึกพอใจในตัวเอง แต่ไม่รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง” ชิวฮัวเล่ยโค้งคำนับให้เขา
เซี่ยซิวรีบโค้งคำนับตอบ “แม่นางชิว เข้มงวดกับตัวเองมากเกินไปแล้ว”
ขณะที่เขาก้มลง หัวใจของเขาก็แอบร้อนรุ่มด้วยความละอาย แม้ว่าเขาจะขลุกอยู่กับการเล่นพิณ แต่ความรู้ของเขาก็มากพอที่จะใช้หลอกผู้หญิงคนอื่นเท่านั้น ทักษะของเขาเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงอย่างชิวฮัวเล่ย ไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถรู้ถึงข้อบกพร่องเล็กน้อยนี้
เขาเพียงแต่นำสิ่งที่พี่สาวของเขา เซี่ยเต๋าอวิ๋นบอกเขามาพูดต่อ
การยกย่องอย่างสูงของชิวฮัวเล่ย ทำให้ทุกคนแทบคลั่งไปเพราะความหึงหวง ซึ่งทำให้อัตตาของเซี่ยซิวสูงขึ้น ตอนนี้เขาได้รับความพึงพอใจจากนางอย่างเต็มที่แล้ว ชายหนุ่มจึงนึกสงสัยว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกเลือกหรือไม่
เสียงกระซิบของเซี่ยเต๋าอวิ๋นดังขึ้นจากด้านหลัง ขัดจังหวะความคิดของเขา “อย่าลืมสิ่งที่เจ้าสัญญา เจ้าต้องพาข้าเข้าไปด้วยหากเจ้าได้รับเชิญ!”
เซี่ยซิวเริ่มปวดหัวในทันที ทำไมข้าถึงพาพี่สาวของข้ามาที่หอคณิกา? ข้าคงเป็นคนแรกที่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้แน่!
สายตาของชิวฮัวเล่ยกวาดมองไปทั่วห้องโถง
ผู้ชายทุกคนยืนตัวตรงขึ้นทันที ยืดหน้าอกออกมา หวังว่าพวกเขาจะได้รับความสนใจแบบเดียวกันกับเซี่ยซิว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรใครพูดอะไรอีกต่อไป ไม่มีใครมีความมั่นใจว่าคำวิจารณ์ใด ๆ จะดีกว่านี้
ดูเหมือนว่าไอ้สารเลวเซี่ยซิว จะเป็นคนที่โชคดีในคืนนี้
บรรยากาศในห้องโถงคุกรุ่นไปด้วยความหึงหวง
แต่แล้วจู่ ๆ ชิวฮัวเล่ยก็พูดขึ้นโดยไม่คาดคิดว่า “ข้าได้ยินมาว่านายน้อยซูผู้มีชื่อเสียงแห่งตระกูลฉู่ ก็มาถึงแล้วเช่นกัน ข้าสงสัยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของนาง สายตาของทุกคนก็หันไปหาซูอัน ในทันที องุ่นที่เล้งชวงเยว่เพิ่งป้อนก็หลุดออกจากปาก
“ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นอะไรอยู่?” ในห้องบนชั้นสอง แววตาอันเป็นประกายระยิบระยับของเพ่ยเหมียนหมานเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นล้วนงงงวยเช่นเดียวกับนาง อย่างไรก็ตาม มีผู้ชายมากมายที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าซูอัน
พูดง่าย ๆ คือ เขาเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่
พูดตรง ๆ เขาเป็นแค่ปลิงที่ต่ำต้อยคอยดูดเลือดตระกูลฉู่
ทำไมชิวฮัวเล่ย คณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอสุขนิรันดร์ ไม่หันมามองพวกเขา แต่กลับเลือกที่จะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับซูอัน?
ซูอันขมวดคิ้วขณะที่เขารู้สึกถึงความร้อนจากสายตาของแขกในห้องโถง เมื่อพิจารณาจากคะแนนความโกรธก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับ ชายหนุ่มก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จำเขาได้ แต่นางกลับยังยืนกรานที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้
นี่มันแปลกจริง ๆ!
“เจ้าคือซูอัน?”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรก็มีเสียงกัดฟันดังกรอด
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
ซูอันตกใจมากเมื่อเขาหันไปมองเฉินเซวียนที่กำลังโกรธจนควันออกหู ผู้ที่ให้คะแนนความโกรธ 1,024 แต้มแก่เขาในคราวเดียวมักจะเป็นพวกที่ต้องการให้เขาตายไปจากโลกใบนี้
มันเหมือนข้าบังเอิญฆ่าพ่อของชายคนนี้ หรือนอนกับภรรยาของเขาหรืออะไรทำนองนั้น?
ซูอันถอนหายใจ “ข้าพยายามที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่แสดงจุดเด่น ข้าปล่อยให้พวกเจ้าทำทุกสิ่งไปตามปกติ แต่สุดท้ายข้าก็กลายเป็นจุดเด่นจนได้ คนที่โดดเด่นอย่างข้าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่อาจเลี่ยงการเป็นจุดสนใจได้จริง ๆ…”