บทที่ 413 วิจารณ์แบบไม่กลัวตาย
บทที่ 413 วิจารณ์แบบไม่กลัวตาย
ในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนยังคงสงสัย ชายผมแดงคนนั้นทำไมจู่ ๆ เขาก็เงียบไป?
ดูเหมือนว่าชื่อของตระกูลฉู่ได้จุดชนวนเรื่องบางอย่างในตัวเขาขึ้นมา
ในขณะที่ฝูงชนกำลังบ้าคลั่ง เฉินเซวียนได้เรียกหาลูกน้องทั้งหมดของเขา “พวกเจ้าทุกคนเข้าใจที่ข้าพูดหรือเปล่า?”
“พวกเราเข้าใจ!” เหล่าลูกน้องตอบสนองอย่างตื่นเต้น
พวกเขาทั้งหมดเป็นกลุ่มโจรดุร้ายที่เคยใช้ชีวิตอย่างอิสระอย่างใจต้องการ การอยู่ในเมืองนี้ที่ถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ไม่รู้จบ ทำให้พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออก รางวัลที่พวกเขาจะได้รับจากการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะสนุกกับตัวเองไปอีกหลายปี
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปทำซะ” ด้วยการโบกมือ เฉินเซวียนไล่ลูกน้องให้แยกย้ายกันไปทันที
เขาจ้องมองซูอันจากระยะไกลด้วยแววตาที่ชั่วร้าย รอยยิ้มที่น่ารังเกียจบังเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา โชคสำคัญกว่าความพยายามจริง ๆ ข้าใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหาเจ้า แต่โชคกลับส่งเจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้าซะงั้น น้องชายของข้า วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า!
อันที่จริง เฉินเซวียนเป็นพี่น้องกับเหมยเชาฟง!
หลายปีก่อนหน้านี้ พวกเขาถูกตระกูลซือส่งมายังเมืองจันทร์กระจ่าง คนหนึ่งก่อตั้งธุรกิจใต้ดินในเมืองจันทร์กระจ่าง ในขณะที่อีกคนหนึ่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าโจรที่ชั่วร้ายอยู่นอกเมือง คอยปล้นฆ่าขบวนพ่อค้าที่ผ่านไปมา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สองพี่น้องได้สร้างรายได้ให้แก่ตระกูลซือเป็นจำนวนมหาศาล โดยที่ตระกูลซือยอมแบ่งรายได้บางส่วนให้กับพวกเขา ซึ่งจำนวนที่แบ่งอาจคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยสำหรับตระกูลซือ แต่สำหรับสองพี่น้องถือว่าเป็นจำนวนมหาศาล
แต่ในขณะที่ชายทั้งสองกำลังจะถึงจุดสุดยอดของชีวิต จู่ ๆ ซูอันก็โผล่ขึ้นมา
บ่อนที่ประสบความสำเร็จของน้องชายถูกทิ้งให้พังยับเยิน และสำนักดอกบ๊วยก็พังทลายลงหลังจากนั้นไม่นาน
ที่เลวร้ายที่สุดคือ เหมยเชาฟงถูกฆ่าตาย!
พี่น้องสองคนเป็นเด็กกำพร้าที่พึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงใกล้ชิดกว่าพี่น้องทางสายเลือดธรรมดา ๆ มาก เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับการตายของน้องชายของเขา ปฏิกิริยาแรกของเขาคือต้องล้างแค้นให้ได้
น่าเสียดายที่เจียงลั่วฝูไม่ใช่คนที่เขาสามารถยั่วยุได้
ดังนั้น เขาจึงให้ซูอันเป็นเป้าหมายของความโกรธแทน ท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจ้า!
เมื่อซือคุนมาที่เมืองพระจันทร์กระจ่าง เขาก็ได้ตกลงที่จะช่วยเฉินเซวียนกำจัดซูอัน
ใครจะคาดคิดว่าหลังจากมิติลับหยกจรัสปิดได้ไม่นาน ซือคุนจะกลับจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ?
ด้วยการเสียชีวิตของซือเล่อจื่อและความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะระดับเก้าคอยหนุนหลังซูอัน จึงทำให้ซือคุนกลับไปยังเมืองหลวงอย่างหางจุกตูด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะเพื่อป้องกันความอับอายขายหน้า
เฉินเซวียนไม่ได้รู้เรื่องเหล่านี้ เขาเข้าใจว่าตำแหน่งของน้องชายของเขาถือว่าต่ำเกินไปสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับสูง และการตายของน้องชายไม่สำคัญสำหรับตระกูลซือ
เนื่องจากซือคุนไม่ช่วยเขา ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางลงมือเอง
เขาได้กระทำการชั่วช้าและเด็ดขาดอยู่เสมอ บรรดาผู้ที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาต่างก็ถูกสังหารไปจนหมดสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่สะทกสะท้านต่อการเข้าเมืองอย่างเปิดเผย
แผนเดิมของเขาคือการปล่อยให้ลูกน้องผ่อนคลายในการชุมนุมของคณิกา ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉู่เพื่อล้างแค้น แต่ใครจะรู้ว่าโชคของเขาจะดีขนาดนี้ อยู่ ๆ ตัวเองก็ได้พบซูอันเดินมาหาถึงที่
ในตอนนี้ เขาจะปล่อยให้ซูอันหัวเราะได้ตามสบาย แต่หลังจากนี้เขาจะทำให้อีกฝ่ายจ่ายราคามหาศาลกับการที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องของเขาตายอย่างแน่นอน!
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 631!
—
เมื่อสังเกตเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา ซูอันมองไปที่เฉินเซวียน ด้วยหางตา และเมื่อเขาเห็นแววตาอาฆาตแค้นของอีกฝ่าย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตัว
ในทางกลับกัน เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ซูอันเงียบลงอย่างกระทันหัน ชิวฮัวเล่ย จึงใช้สายตาที่เจ็บปวดมองเขาและพูดขึ้น “เป็นไปได้ไหมว่าการแสดงของข้าแย่มากจนไม่มีอะไรให้นายน้อยซูพูดถึงเลย?”
ท่าทางที่เจ็บปวดราวกับใจสลายของชิวฮัวเล่ย ทำให้ผู้ชายทุกคนในห้องโถงจ้องซูอันอย่างโกรธจัด ไอ้สารเลวนี่กล้าทำร้ายจิตใจของแม่นางชิว!
—
ท่านยั่วยุฝูงชนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 44…44…44…
—
ซูอันรู้สึกปลื้มปริ่มใจในทันที!
การมาเยือนหอสุขนิรันดร์ครั้งนี้นี่คุ้มค่าจริง ๆ! พวกชายหื่นที่น่าเอ็นดูเหล่านี้มอบคะแนนความโกรธแค้นมาให้ข้ามากมาย…จบงานนี้ข้ารวยเละเทะแน่นอน!
ซูอันสูดลมหายใจ ดูเหมือนว่าข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของเขาจะถูกต้อง การพยายามกอบโกยคะแนนความโกรธแค้นด้วยปากของตัวเองเพียงอย่างเดียวนั้นช้าไปเลย หากเทียบกับการที่เขามีสาวสวยอยู่ข้าง ๆ ด้วย!
มาจนบัดนี้ เขายังคงปลื้มใจไม่หายกับวันที่ชายหนุ่มพาฉู่ชูเหยียนออกมาเดินเล่น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนในวันนั้น คะแนนความโกรธก็หลั่งไหลมาอย่างรวดเร็ว
แต่น่าเสียดายที่ฉู่ชูเหยียนหน้าบางมากไปหน่อย หลังจากที่ออกไปกับเขาครั้งนั้น ด้วยกลัวความอับอาย นางจึงไม่เคยตกลงที่จะออกมาเดินคู่กับเขาข้างนอกอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ชิวฮัวเล่ยที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้น่าจะเป็นเครื่องจักรผลิตความโกรธแค้นแทนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งโดยเฉพาะนางที่เป็นคณิกา ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการต้องแสดงตัวเองในที่สาธารณะ บวกกับเสน่ห์อันน่าหลงใหลของนาง คะแนนความโกรธแค้นที่เขาได้รับอาจมากกว่าที่ฉู่ชูเหยียนเคยทำให้เขาได้ซะอีก
ด้วยความคิดนี้ เขาจึงเริ่มพิจารณาว่าจะให้คำตอบนางอย่างไรดี จึงจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด “ทักษะพิณของแม่นางชิวถูกพูดถึงไปมากมายตั้งแต่เริ่มแรก…”
“ชิ!”
เสียงเดาะลิ้นดังก้องไปทั่วห้องโถง
แววตาของชิวฮัวเล่ยเต็มไปด้วยความผิดหวัง ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าเต็มที่ขนาดนี้แล้วนะ อย่างน้อยเจ้าต้องพยายามด้วยตัวเองบ้างสิ!
ไม่อย่างนั้นเราจะโน้มน้าวทุกคนที่นี่ได้ยังไง?
หลังจากสังเกตปฏิกิริยาของทุกคนอย่างละเอียดแล้ว ซูอันก็พูดต่ออย่างสบาย ๆ “แต่ในความคิดของข้า ไม่มีสักคนเดียวที่แสดงความคิดเห็นได้ถูกต้อง!”
ด้วยคำพูดนี้ของซูอัน ความโกลาหลปะทุขึ้นทันทีในห้องโถง!
ความหมายของประโยคนี้คือทุกคนในหอสุขนิรันดร์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่มีพวกเขาบางคนมีพรสวรรค์และความเข้าใจเกี่ยวกับพิณอยู่ในระดับสูง แต่คำวิจารณ์เกี่ยวกับการเล่นของชิวฮัวเล่ยของพวกเขานั้นกลับถูกตำหนิโดยคำพูดของซูอัน!
เซี่ยเต๋าอวิ๋นกัดฟันกรอดพลางจ้องเขม็งไปที่ซูอันจากชั้นสอง “ผู้ชายคนนี้พูดบ้าอะไรออกมา? นี่เขาคิดว่าตัวเขาเข้าใจเรื่องพิณมากกว่าข้าคนนี้งั้นเหรอ?”
ในขณะที่คนอื่น ๆ เชื่อว่า ก่อนหน้านี้เซี่ยซิวได้ออกความคิดเห็นอันล้ำลึกด้วยตัวเอง แต่ความจริงก็คือ เขาแค่ถ่ายทอดคำวิจารณ์ซึ่งมาจากพี่สาวของเขา ดังนั้นตอนนี้ เซี่ยเต๋าอวิ๋นจึงโมโหเป็นอย่างมากกับการที่ซูอันบอกว่าคำวิจารณ์ของนางนั้นไม่ถูกต้อง?
นางชอบศิลปะแทบจะทุกแขนงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และความสำเร็จของนางในด้านนี้ค่อนข้างเด่นชัด แม้แต่ผู้คนในเมืองจันทร์กระจ่างทุกคนก็ยังให้การยอมรับนางในด้านนี้ ดังนั้นคำพูดของซูอันก็ไม่ต่างอะไรกับการดูถูกนางอย่างรุนแรง
เซี่ยซิวส่ายหัวเมื่อได้ยินคำถามของพี่สาวของตัวเอง “ข้าไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องพิณมากนัก”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นเย้ยหยัน “เขาไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นเลย! เขาจงใจออกความคิดเห็นที่แตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้หญิงคนนั้น และเดี๋ยวถัดมาเขาก็คงจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นที่นางอยากฟัง!”
—
ท่านยั่วยุเซี่ยเต๋าอวิ๋นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ซูอันมองไปที่ชั้นสองด้วยความประหลาดใจ พี่สาวของเซี่ยซิวก็อยู่ชั้นบนเช่นกัน! เซี่ยซิวเคยบอกว่าจะแนะนำให้ข้ารู้จักกับนางหรือเปล่าถ้าจำไม่ผิด? ว่าแต่เพราะอะไรทำไมอยู่ ๆ นางถึงมาโกรธข้าแบบนี้?
“ทำไมนายน้อยซูพูดเช่นนี้?” แม้ว่านางจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ชิวฮัวเล่ย ยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้โอกาสซูอันอีกครั้ง เผื่อว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ให้เปลี่ยนไปได้
ซูอันพูดต่อจากที่เขาค้างไว้ “ไม่มีปัญหากับทักษะพิณของแม่นาง ส่วนการผสมผสานของอารมณ์เข้ากับตัวโน้ตก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้าอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นข้อบกพร่องสองประการ”
ฝูงชนเริ่มหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ไอ้เวรนี่พูดจาอวดดีเกินไปแล้ว!
เซี่ยเต๋าอวิ๋นขมวดคิ้ว แม้จะใช้ความรู้ทั้งหมดของนางเกี่ยวกับพิณ นางก็แทบจะไม่สามารถหาข้อบกพร่องในทักษะพิณของชิวฮัวเล่ยได้ ส่วนข้อบกพร่องพวกนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย อย่างไรก็ตาม ไอ้ผู้ชายแย่ ๆ คนนี้กล้าที่จะอ้างว่าการบรรเลงพิณของชิวฮัวเล่ยมีข้อบกพร่องที่สำคัญถึงสองข้องั้นเหรอ?
เพ่ยเหมียนหมานปิดใบหน้าด้วยมือทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าอายแทนซูอัน ดีแล้วที่ชูเหยียนไม่อยู่ที่นี่ด้วย จากนิสัยของชูเหยียน ป่านนี้นางคงจะขุดหลุมแล้วกระโดดลงไปแอบในทันที
“อย่างนั้นหรือ? งั้นข้าคงต้องขอคำแนะนำจากนายน้อยซูซะแล้ว” ชิวฮัวเล่ยพูดอย่างใจเย็น ผู้ชายคนนี้หัวสมองผิดปกติหรือเปล่า? ข้าจะช่วยเหลือเจ้ายังไงถ้าเจ้ามาพูดแบบนี้ใส่ข้า!?
—
ท่านยั่วยุชิวฮัวเล่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!
—