บทที่ 457 ถูกปล้นและฆ่า
บทที่ 457 ถูกปล้นและฆ่า
ซูอันรู้สึกเหนื่อยใจเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นจำนวนน้อยนิดจากแม่ยายของตัวเอง ผู้หญิงคนนี้พัฒนาขึ้นอีกแล้ว! เมื่อก่อนเป็นคนไร้เหตุผลอย่างเดียวก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้นางดันเป็นคนขี้งกด้วยอีกต่างหาก!
ฉู่จงเทียนมองภรรยาของเขาด้วยความประหลาดใจ ทำไมวันนี้นางถึงใจเย็นได้อย่างน่าประหลาดขนาดนี้หว่า? นี่ดูไม่เหมือนนางเลย!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดไปเองว่าสิ่งนี้มันน่าจะเป็นผลจากการฝึกจิตสงบที่ภรรยาของเขาพยายามฝึกเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจ
ฉู่ชูเหยียนยิ้มเล็กน้อย นางเพียงคนเดียวที่เข้าใจสิ่งที่แม่ของนางกำลังคิด แม่ของนางคงกังวลว่าซูอันจะระเบิดอารมณ์เหมือนครั้งที่แล้ว…
“เราไม่สามารถตำหนิอาซูสำหรับเรื่องนี้ได้ และอย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้รู้ว่าตระกูลเจิ้งแอบพัวพันกับการค้าเกลือผิดกฎหมาย และกองทหารลาดตระเวนลำน้ำก็เช่นกัน คนพวกนี้ทนใช้ชีวิตด้วยวิถีทางที่สกปรกแบบนี้ได้ยังไง?”
ฉู่จงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง และในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “ไม่น่าแปลกใจเลยที่การค้าเกลือเถื่อนในเมืองจันทร์กระจ่างจะไม่สามารถถูกควบคุมได้สักที ที่แท้มันกลับกลายเป็นว่ามีคนในสมรู้ร่วมคิดด้วยนี่เอง!”
ซูอันแสดงความกังวลของเขาเช่นกัน “แม้ว่าเราจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย นี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ ข้ากลัวว่าแม้แต่รองผู้พิพากษาก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก”
ฉู่จงเทียนยืนขึ้น “ข้าจะไปเยือนจวนเจ้าเมืองสักหน่อยเพื่อหารือเรื่องนี้กับท่านเจ้าเมือง!”
ฉู่จงเทียนรู้ว่าสำหรับคนอย่างพวกเขา หลักฐานนั้นไม่ใช่เรื่องหลัก แต่การตกลงผลประโยชน์ร่วมกันถึงจะเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า…
ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงได้ หากพวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะสามารถจัดการให้คนบริสุทธิ์ถูกตัดสินว่ามีความผิดได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับคราวนี้ที่ตระกูลเจิ้งมีความผิดจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้จิ้งจอกเฒ่าเซี่ยอี้ยืนอยู่ข้างพวกเขาอย่างเต็มตัว
ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่จงเทียน เขาหวังว่าครั้งนี้เจ้าเมืองจะไม่ขออะไรกับเขามากเกินไป
แล้วแต่ทันใดนั้น คนรับใช้ก็พรวดพราดเข้ามาและตะโกนร้องเสียงดัง “รายงานท่านอ๋องและนายหญิง! มีบางอย่างเกิดขึ้นกับนายน้อยอวี้เฉิง!”
ทุกคนตกตะลึงกับรายงานนี้
แม้แต่ซูอันก็ยังสับสน มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าอ้วนนั่น?
พลังป้องกันของเจ้าอ้วนนั่นแทบจะไม่มีใครเทียบได้! ยิ่งไปกว่านั้นเขาอยู่กับหวางหยวนหลงในครั้งนี้ และตระกูลหวางก็มีผู้คุ้มกันชั้นยอดมากมาย
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความเป็นไปได้ที่น่ากลัวเกิดขึ้นในใจของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวี้เฉิงที่อยู่ในสภาพโชกเลือดก็ถูกพาตัวมาพร้อมเปลหาม
ตามปกติคนสองคนก็เพียงพอแล้วที่จะถือเปลหามธรรมดา อย่างไรก็ตาม ฉู่อวี้เฉิงผู้นี้อ้วนเกินไปจนแม้แต่สี่คนก็แทบจะไม่เพียงพอที่จะเคลื่อนย้ายเขา
“ลูกชายของข้า!”
หูลี่จิ่ง ภรรยาของฉู่เทียนเซิงรีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาทันทีเมื่อนางได้ยินข่าวว่าลูกตัวเองบาดเจ็บปางตาย ส่วนทางด้านของฉู่เทียนเซิงเองก็ดูห่วงใยแต่เขายังสามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้ หูลี่จิ่งฟุบตัวเองบนตัวลูกชายของนางพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูอันรู้จักชื่อภรรยาของฉู่เทียนเซิง เขาเฝ้ามองนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ใบหน้าของนางอ่อนโยนเรียบร้อย และถือได้ว่าเป็นหญิงวัยกลางคนที่ดูดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะอายุเท่ากับฉินหว่านหรู แต่กาลเวลาก็ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน
ทั้งรูปร่างหน้าตาและทรวดทรงของนางก็ดูด้อยกว่าฉินหว่านหรูอย่างชัดเจน
ทหารคุ้มกันตามเข้ามา “นายน้อยอวี้เฉิงเดินโซเซกลับมาพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด” เขารายงาน “นายน้อยบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องรายงาน แต่เขาล้มลงทันทีที่พูดจบ! พวกเราเลยพาเขาเข้ามาที่นี่ทันที”
ฉู่จงเทียนรีบไปที่ด้านข้างของเปลหาม เขาวางฝ่ามือบนหน้าอกของฉู่อวี้เฉิงและโคจรพลังชี่เข้าสู่ร่างกายหลานชายของเขา
ฉู่อวี้เฉิงครางเสียงแผ่วและค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ
“อวี้เฉิง เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่จงเทียนถามอย่างเร่งรีบ
“ท…ท่านลุง…ข้ากำลังพาหวางหยวนหลงกลับไปที่คฤหาสน์ของเขา แต่พอเราไปถึงได้ประมาณครึ่งทาง เราก็ถูกเฉินเซวียนเข้าโจมตี เราต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างถวายชีวิต ผู้คุ้มกันตระกูลหวางถูกสังหารทั้งหมด… หวางหยวนหลงถูกจับ น่าจะไม่รอด!” แม้ว่าคำพูดของเขาค่อนข้างไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ความหมายก็ชัดเจน
“เฉินเซวียน!” ฉู่เทียนเซิงระเบิดอารมณ์โกรธ “เจ้ากับข้าไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้อีกต่อไป!!!”
ฉู่อวี้เฉิงรู้สึกละอายและรู้สึกผิด “อวี้เฉิงไม่สามารถปกป้องน้องหวางได้…และเงินก็หายไปเช่นกัน อันที่จริง…ข้ารู้สึกละอายใจเกินกว่าจะกลับมา แต่ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าต้องรายงานเรื่องนี้กับตระกูลโดยเร็วที่สุด ดังนั้น…”
ฉู่จงเทียนยื่นมือออกมาเพื่อห้ามเขา “พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!” จากนั้นเขาหันไปหาคนรับใช้ “นำอวี้เฉิงออกไปให้หมอเปาดูอาการเดี๋ยวนี้!”
ฉู่เทียนเซิงและหูลี่จิ่งรีบตามไป นี่เป็นลูกชายคนเดียวของพวกเขา
“ตอนนี้เราควรทำยังไงต่อดี?” ฉินหว่านหรูกุมขมับก่อนที่จะเอนตัวนั่งไปกับเก้าอี้ เสียงของนางฟังดูท้อแท้
ฉู่จงเทียนถอนหายใจ “เดิมทีข้าวางแผนที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อคลายความตึงเครียดกับตระกูลหวาง แต่…เฮ้อ…ดูเหมือนว่าข้าจะคิดในแง่บวกมากเกินไป…”
ฉู่ชูเหยียนสั่งให้คนหลายคนออกไปสำรวจเมืองเพื่อหาข้อมูลทันที
คิ้วที่งดงามของนางยังคงขมวดมุ่น นางรู้ว่าโอกาสที่พวกเขาจะได้ข่าวกลับมานั้นมีน้อยมาก
“ทำไมเฉินเซวียนผู้นี้สามารถไปมาในเมืองได้ง่าย ๆ เช่นนี้? ด้วยชื่อเสียงของเขา เขาควรจะระวังตัวเองอย่างยิ่งจนไม่น่าจะเตร่ไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ! แต่นี่ดูเหมือนเขาจะไม่กลัวอะไรเลย!” ฉู่ชูเหยียน กล่าวด้วยความกังวลใจ
ฉู่จงเทียนขมวดคิ้วกังวล “ชายคนนี้ลื่นเหมือนปลาไหล เราส่งกองกำลังขนาดใหญ่ไปโจมตีเขาหลายครั้ง แต่เขาก็สามารถหลบหนีได้ทุกครั้งทั้ง ๆ ที่เราวางแผนอย่างรัดกุมมากแล้ว ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาทำได้ยังไง?”
“มันเป็นไปได้ว่าตระกูลซือมีส่วนร่วมเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ อันที่จริงแล้ว เฉินเซวียนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเหมยเชาฟง และทั้งคู่ก็ถูกตระกูลซือเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เป็นไปได้ว่าที่ผ่านมา เฉินเซวียนอาจจะเคยซ่อนตัวอยู่ในสำนักดอกบ๊วยด้วยซ้ำ?” ซูอันอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเซวียน เหมยเชาฟง และซือคุน
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงตกตะลึง ฉินหว่านหรูรู้สึกโกรธจนแทบจะหน้ามืดและความอดทนของนางก็ลดต่ำลงทุกที “ทำไมเจ้าไม่บอกเราก่อนหน้านี้!?”
“ก็พวกท่านไม่มีใครถามข้านี่นา” ซูอันยักไหล่ อันที่จริงก่อนหน้านี้เขายุ่งเกินไปจนลืมที่จะพูดถึงมัน
คำตอบของเขาทำให้ฉินหว่านหรู ฉู่จงเทียน และฉู่ชูเหยียนหน้างอ
—
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ฉินหว่านหรูกำลังจะมอบคะแนนความโกรธให้เขาเพิ่มเติม แต่กลับถูกทหารคุ้มกันที่ปรากฏตัวขึ้นขัดจังหวะ “รายงาน! หัวหน้าตระกูลหวางมาพร้อมกับคนของเขา!”
“อะไรนะ?!” ฉู่จงเทียนตกตะลึง ก่อนที่เขาจะรีบไปที่ประตูทันที
ฉู่ชูเหยียนตามไปอย่างเร่งรีบ ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และการยืนนานเกินไปก็ทำให้นางอ่อนแอลง ดังนั้นเมื่อนางเร่งฝีเท้าเดินตามพ่อของนาง นางก็รู้สึกหน้ามืดจนร่างกายของนางเซไปมาอย่างไม่มั่นคง
ซูอันรีบไปด้านข้างเพื่อพยุงนาง “เจ้าเป็นอะไรไหม?”
“ข้าสบายดี” ฉู่ชูเหยียนส่ายหัวเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง “เจ้าช่วยพยุงข้าออกไปดูข้างนอกที”
“อืม!”
ฉินหว่านหรูกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นฉากนี้ สองคนนี้ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ลูกสาวคนโตของนางผลักไสคนอื่นออกไปตลอดเวลาและเย็นชาราวกับน้ำแข็งเสมอ และโดยเฉพาะกับผู้ชาย นางจะถือเนื้อถือตัวเป็นที่สุด
ฉินหว่านหรูเริ่มนึกไปถึงเรื่องการรักษาที่ลูกสาวของนางจำเป็นต้องพึ่งพาซูอัน ลูกสาวของนางถึงกับต้องถอดเสื้อผ้าของนางออกไป…
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าลูกสาวของนางอาจถูกเด็กเหลือขอคนนี้เอาเปรียบไปแล้ว? แค่เดาเกี่ยวกับเรื่องนี้มันก็ทำให้ฉินหว่านหรูรู้สึกขนลุกขนพอง
ซูอันพยุงฉู่ชูเหยียนมุ่งหน้าไปที่ประตู และเมื่อไปถึงก็ได้เห็นคนกลุ่มใหญ่อยู่ที่นั่น คนเหล่านี้ไม่ได้ถืออาวุธในมือ แต่พวกเขากลับถือท่อนไม้ ไม้ค้ำ หม้อ และอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านประเภทอื่น ๆ
คนเหล่านี้คงเข้าใจดีว่าหากพวกเขาถืออาวุธมา คงโดนทหารคุ้มกันตระกูลฉู่ปราบปรามอย่างรุนแรง แถมการที่พวกเขาถือของเช่นนี้มามันก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูน่าสงสารมากกว่าเดิม จนชาวบ้านทั่วไปเห็นใจเข้าข้างพวกเขา
ซูอันเคยเห็นชายที่นำกลุ่มคนเหล่านี้มาก่อน เขาคือผู้นำตระกูลหวาง หวางฝู
ในขณะที่หวางฝูกำลังพูดคุยกับฉู่จงเทียนอย่างคร่ำเครียด แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นซูอันเดินเข้ามา สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาตแค้นที่ล้ำลึก จากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปที่ซูอัน
“ไอ้คนแซ่ซู! คืนชีวิตลูกชายของข้ามา!”
—
ท่านยั่วยุหวางฝูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—