บทที่ 494 เหยื่อที่หลุดลอย
บทที่ 494 เหยื่อที่หลุดลอย
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็โคจรพลังเย็นเยือกแข็งนั้นไปทั่วร่างกายของเขาโดยใช้ทักษะ ‘กระบี่เกล็ดหิมะ’
ชายหนุ่มพบว่ามันค่อนข้างแปลก เขาสัมผัสได้ว่ามีพลังเย็นเยือกแข็งในร่างของตัวเองไม่ได้มีมากนัก แต่พวกมันกลับสามารถไหลเวียนได้อย่างไม่รู้จบ
ซูอันไม่รู้เลยว่า จริง ๆ แล้วการที่เขาร่วมรักกับฉู่ชูเหยียนมันทำให้ร่างกายของตัวเองได้รับส่วนหนึ่งของแหล่งกำเนิดพลังเย็นเยือกแข็ง ซึ่งมันคือผลงานของความยากลำบากที่ฉู่ชูเหยียนบากบั่นมาเป็นเวลากว่าสิบปีกว่าจะได้รับมันมา แต่เขากลับได้รับแบ่งมันมาจากนางอย่างง่ายดาย
ย้อนกลับไปในตอนนั้น พลังเย็นเยือกแข็งภายในตัวฉู่ชูเหยียนได้เพิ่มขึ้นจนถึงขีดอันตราย ดังนั้นการสูญเสียแหล่งกำเนิดพลังเย็นเยือกแข็งไปบ้างจึงย่อมทำให้อาการบาดเจ็บของตัวนางเองทุเลาลง
และนางจะได้สิ่งที่หายไปกลับคืนมาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฟื้นตัวและเริ่มบ่มเพาะอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ซูอันได้จากสิ่งนี้นั้นมากเกินไป! กระบี่เกล็ดหิมะเป็นทักษะที่ผู้บ่มเพาะจำเป็นต้องฝึกอย่างหนักหลายปีเพื่อที่จะเชี่ยวชาญมัน แต่ด้วยพลังเย็นเยือกแข็งจากฉู่ชูเหยียนนี้ มันจะทำให้เขาลดเวลาการฝึกฝนไปได้ถึงสิบปี
ซูอันยังคงขับเคลื่อนพลังเย็นเยือกแข็งไปตามร่างกายของเขา พร้อมกับค่อย ๆ คลายจุดชีพจรของตัวเองที่ถูกเจิ้งตานสกัดเอาไว้เรื่อย ๆ
เมื่อซูอันสามารถคลายจุดชีพจรได้ครบหมดและเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ซูอันรีบเรียกใช้แท่งพิษและตัดเชือกที่มัดตัวเองไว้ทันที
ทั้งห้องตกอยู่ในความวุ่นวาย เจิ้งตานได้โจมตีเฉินเซวียนอย่างเต็มกำลัง โดยไม่สนใจที่จะป้องกันใด ๆ เลย
เฉินเซวียนต่อสู้ในลักษณะที่เน้นป้องกันตัว อีกฝ่ายหนึ่งถูกยาพิษแล้ว ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่มันก็มีแต่จะทำให้ผลของยาพิษภายในร่างกายออกฤทธิ์เร็วขึ้นเท่านั้น เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสู้ให้เปลืองแรง
หลิวชานและคนอื่น ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้บริเวณการต่อสู้ เพราะพวกเขารู้ดีว่าถึงแม้ผู้นำของพวกเขาจะเป็นผู้หญิง แต่นางก็แข็งแกร่งเหนือกว่าพวกตนหลายเท่า
งานเดียวของพวกเขาทั้งหมดคือปิดเส้นทางหลบหนีของนาง
เจิ้งตานโจมตีเฉินเซวียนด้วยกระบวนท่าที่พลิกแพลงแตกต่างกันมากกว่าสิบกระบวนท่า แต่การโจมตีทั้งหมดของนางกลับล้มเหลวเพราะเฉินเซวียนมุ่งเน้นแต่การตั้งรับอย่างเดียว
เมื่อการโจมตีของนางไม่ได้ผล และนางสัมผัสได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงขึ้น ร่างกายของนางก็ร้อนขึ้นทุกวินาที แม้แต่การมองเห็นก็ยังพร่ามัว พิษเริ่มมีผลอย่างชัดเจน
เจิ้งตานรู้ว่าหากนางยังคงอยู่ที่นี่ ก็คงไม่พ้นตกอยู่ในกำมือมหาโจรแน่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้นางคิดวิ่งหนี
อย่างไรก็ตาม สมาชิกกลุ่มที่ล้อมนางไว้ ขัดขวางการหลบหนีใด ๆ ที่เป็นไปได้ ยิ่งกว่านั้น เมื่อเฉินเซวียนอยู่ใกล้ ๆ โอกาสที่นางจะฝ่าออกไปได้ยิ่งน้อยลงมาก
นางตกอยู่ในความสิ้นหวังและคิดที่จะจบชีวิตของตัวเองในขณะที่นางยังมีเรี่ยวแรงที่จะทำเช่นนั้น แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในกำมือของคนน่ารังเกียจเหล่านี้
นางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่มุมห้องซึ่งเป็นจุดที่ทิ้งซูอันไว้ นางเต็มไปด้วยความเสียใจ ถ้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ นางคงไม่พาเขามาที่เกาะนี้กับนาง
เมื่อพิจารณาถึงความแค้นที่เฉินเซวียนมีต่อซูอัน ไม่มีทางที่เขาจะรอดชีวิตไปได้
การพาเขามาที่นี่เห็นได้ชัดว่าเหมือนตัดสินโทษประหารชีวิต!
หัวใจของนางหนักอึ้งด้วยความรู้สึกผิด แต่แล้วเมื่อนางจ้องมองไปที่มุมห้องนั้นนางกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง ซูอันหายตัวไปไหนแล้ว???
นี่เขาคลายจุดที่ข้าสกัดเอาไว้ได้ทั้งหมดด้วยตัวเองและแอบหนีไปแล้วงั้นเหรอ?
สมองของเจิ้งตานเกือบจะว่างเปล่า
นางกำลังรู้สึกผิดต่อซูอัน แต่เขากลับหนีไปโดยไม่พูดอะไรเลย แม้จะเห็นว่านางถูกล้อมไว้
ความผิดหวังและความคับข้องใจผุดขึ้นในใจของนาง
สมาชิกกลุ่มที่อยู่รอบ ๆ นางต่างประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของนาง อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจทำอะไร เพราะกลัวว่านางอาจจะแค่แสร้งทำเพื่อหลอกล่อพวกเขา
แต่ระดับการบ่มเพาะของเฉินเซวียนสูงพอที่เขาเต็มใจจะเสี่ยง เขากระโจนตัวไปหานาง
จู่ ๆ ร่างที่งดงามของเจิ้งตานก็กระโดดหลบไปข้างหลังอย่างสง่างาม หลบเลี่ยงการโจมตีของเขา
ทว่าพลังในการจู่โจมของเฉินเซวียนนั้นรุนแรงมาก ลมกรรโชกแรงที่เกิดขึ้นจากหมัดของเขาได้พัดหน้ากากบนใบหน้าของนางหลุดลอยขึ้นไปในอากาศและเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามเฉิดฉันท์ของนาง
ทั่วทั้งห้องมีสีหน้าตกตะลึง ความเงียบปกคลุมไปทั่วอย่างกะทันหัน
บางคนตกใจในความงามของนาง แต่จำตัวตนของนางได้ เหตุเพราะสมาชิกของกลุ่มวาฬมักจะแวะเวียนมาที่เมืองจันทร์กระจ่าง และเป็นที่รู้กันว่าตระกูลเจิ้งมีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายเกลืออย่างถูกกฎหมาย
“ลูกสาวของตระกูลเจิ้ง!”
“เจิ้งตาน!”
เฉินเซวียนมีสีหน้าตกใจ เขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อมโยงหัวหน้ากลุ่มวาฬแสนสวยคนนี้กับสตรีจากตระกูลผู้สูงศักดิ์
อย่างไรก็ตาม หลังจากอาการตกตะลึงหายไป หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความปีติยินดีราวกับเก็บทองจากพื้นได้!
บางทีอาจจะเป็นความจริงที่แรงดึงดูดอันร้ายแรงระหว่างสองขั้วซึ่งแตกต่างกัน เขาเป็นคนที่มีความสุขกับความรุนแรงและเลือดตลอดเวลา และไม่สนใจผู้หญิงที่เป็นเหมือนตัวเองเลย เขามีความปรารถนาที่อธิบายไม่ถูกเสมอต่อหญิงสาวผู้มีชื่อเสียงและได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี
ตอนนี้ นอกจากฉู่ชูเหยียนแล้ว เจิ้งตานก็เป็นคุณหนูอีกคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองจันทร์กระจ่าง
เขาเคยคิดว่าตัวเองคงจะลงเอยกับผู้หญิงในแวดวงอาชญากร ใครจะรู้ว่านางจะกลายเป็นผู้หญิงจากตระกูลที่มีชื่อเสียง?
ความตื่นเต้นพลุ่งพล่านในร่างกายของเขา ในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
นี่ไม่นับแม้แต่ตระกูลเจิ้งที่คอยสนับสนุนนาง ซึ่งแสดงถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่า
เมื่อเฉินเซวียนรู้แล้วว่านางเป็นใคร เขาจึงไม่มีแผนจะแบ่งปันนางกับคนอื่น ๆ อีก
ไม่มีทางที่ตัวเขาจะยอมปล่อยคุณหนูที่บริสุทธิ์และโดดเด่นเช่นนี้ไป!
เขาจะปฏิบัติ ‘สิบแปดสายลมใบไม้ผลิ’ กับนางเป็นการส่วนตัว แม้ว่าจะต้องใช้ยากระตุ้นตัวเองด้วยก็ตาม
จิตใจของเจิ้งตานว่างเปล่า ในที่สุดตัวตนของนางก็ถูกเปิดเผย
ตระกูลเจิ้งจะต้องมัวหมองอย่างแน่นอน แม้ว่านางจะจบชีวิตของตัวเองก็ตาม
ไม่มีทางที่คนในห้องจะไม่เปิดเผยความลับนี้ออกไป
เมื่อราชสำนักรู้ว่านางคือผู้ที่ก่อตั้งกลุ่มวาฬ แม้แต่ตระกูลซ่างก็ไม่สามารถปกป้องตระกูลเจิ้งได้ ตระกูลฉู่จะไม่ยอมให้พวกเขาเลี่ยงโทษ และตระกูลอื่น ๆ ก็เช่นกัน แม้แต่ราชสำนักก็ยังคงพยายามตัดหางตระกูลเจิ้งทิ้ง
ถ้านางรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น นางคงจบชีวิตตัวเองไปก่อนหน้านี้แล้ว!
แต่แล้วในขณะเดียวกันนี้เอง ร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจับมือนางพร้อมกับตะโกน “เจ้าจะยืนนิ่งเป็นใบ้อยู่ตรงนี้อีกนานไหม? เริ่มวิ่งได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เจิ้งตานซึ่งกำลังจมอยู่ในความสิ้นหวังก็รู้สึกถึงความอบอุ่นทันที
“จ…เจ้า!?”
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และปาผงแป้งสีขาวฉุนฟุ้งไปทั่วบริเวณ
เฉินเซวียนกระโดดด้วยความตกใจ กลุ่มของพวกเขากระจัดกระจายไปคนละทาง