บทที่ 529 ภรรยาผู้ขุ่นเคือง
บทที่ 529 ภรรยาผู้ขุ่นเคือง
เว่ยต๋าเป่าเฝ้าดูซูอันจากไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นถามชายชรา “พ่อบุญธรรม ท่านคิดว่าเขาเป็นคนก่อความวุ่นวายงั้นเหรอ?” เขาถาม
ชายชราส่ายหัว เขามองไปทางสระน้ำและกล่าวว่า “การรบกวนมวลน้ำเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะธาตุน้ำระดับหกหรือเจ็ดเท่านั้นที่สามารถทำได้ เขาไม่มีระดับการบ่มเพาะขนาดนั้น”
เว่ยต๋าเป่าหายใจออกด้วยความโล่งอก
“ข้าได้ยินมาว่าเขาแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมในงานประลองระหว่างตระกูลฉู่กับตระกูลหยวนจริงเหรอ?” ชายชราถามทันที
เว่ยต๋าเป่ารู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าพ่อบุญธรรมของเขาจะสนใจซูอันมากขนาดนี้ แต่เขายังคงตอบว่า “แน่นอน เขาเอาชนะหยวนเหวินตง ซึ่งอยู่ในระดับที่ห้าได้ ผลลัพธ์นั้นทำให้ทุกคนตกใจ”
ชายชราเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ระดับห้า? แต่จากความผันผวนของคลื่นพลังชี่ของเขา เขายังไม่ถึงระดับที่ห้าด้วยซ้ำ”
“ถูกต้อง มันเป็นทักษะกระบี่ของเขา…หรือทักษะการเคลื่อนไหวของเขาที่ทำให้เขาได้เปรียบ” เว่ยต๋าเป่าตอบ
“ทักษะการเคลื่อนไหว…” รอยยิ้มของชายชราดูมีเลศนัย ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้แล้ว “เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นอาจารย์ของเขา?”
เว่ยต๋าเป่าส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินว่าเขามีอาจารย์ ข้ารู้แค่ว่าเขาได้เรียนรู้บางสิ่งมาจาก…สถาบันจันทร์กระจ่าง”
“เป็นไปได้ไหมว่าในสถาบันจันทร์กระจ่าง…” ชายชราพึมพำกับตัวเอง ทบทวนข้อมูลนี้ในใจ
“ว่าแต่ ทำไมพ่อบุญธรรมถึงสนใจในตัวเขานัก” เว่ยต๋าเป่าสอบถาม
“ข้าก็แค่อยากรู้อยากเห็นเฉย ๆ” ชายชราพูดอย่างเฉยเมย
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป ก่อนหน้านี้เขาคาดว่าจะมีผู้บุกรุกรายอื่น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภัยคุกคามได้หายไปแล้ว ความสนใจของเขาก็หายไปเช่นกัน
แค่อยากรู้อยากเห็น? เว่ยต๋าเป่าไม่เชื่อพ่อบุญธรรมของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพ่อบุญธรรมของเขาบอกว่าเป็นเช่นนั้น เขาจึงไม่กล้าเปิดประเด็น
เมื่ออยู่ห่างออกมาพอสมควร ซูอันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งเช่นนั้น
เฮ้อ…ข้ายังอ่อนแอเกินไป
เมื่อไหร่กันนะที่ข้าจะพูดและทำทุกอย่างได้ตามที่ข้าพอใจ และพบใครก็ตามที่ข้าต้องการพบได้
เมื่อเขากลับมาที่ห้อง เพ่ยเหมียนหมานก็ไม่อยู่ให้เห็นแล้ว อย่างไรก็ตาม มีกระดาษแผ่นเล็กสอดอยู่ใต้ผ้าห่ม คือคำว่า ‘ขอบคุณ’
นอกจากนี้ยังมีรอยประทับริมฝีปากจาง ๆ ซึ่งมาจากชาดที่นางทา
“ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ไม่ยอมปล่อยแม้แต่โอกาสเดียวที่จะหยอกล้อข้า!” ซูอันหัวเราะคิกคัก หลังจากเหนื่อยจากการวิ่งไปรอบ ๆ ทั้งคืน เขานอนลงบนเตียงและเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันอย่างรวดเร็ว ล้อมรอบด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวสวยที่ยังคงติดที่นอนอยู่
…
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากซูอันกล่าวอำลาตระกูลเว่ย ทันทีที่เขากลับไปที่ห้องของตัวเองในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ผู้เฒ่ามี่รออยู่ที่หน้าประตูของเขาอยู่แล้ว “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ตระกูลเว่ยเมื่อคืนนี้”
“ใช่” ซูอันตกใจ ชายชราผู้นี้อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่เสมอ เขารู้เรื่องได้รวดเร็วอย่างนี้ได้ยังไง?
“เจ้าหามันเจอไหม?”
ซูอันก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้า เขาได้รับความรู้สึกแปลก ๆ จากชายชราคนนี้ “ข้าพยายามหาแล้ว แต่ดันไปเจอผู้บ่มเพาะที่ลึกลับเข้า ข้าจึงไม่กล้าไปต่อ”
“ผู้บ่มเพาะ? ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงแค่ไหน?” ผู้เฒ่ามี่รีบถาม
ซูอันให้การเปรียบเทียบคร่าว ๆ แก่เขา “สูงกว่าข้าหลายระดับ จนไม่อาจเทียบกันได้”
ผู้เฒ่ามี่เงียบไปครู่หนึ่ง
เขาระงับความโกรธและถามว่า “เขามีลักษณะยังไงบ้าง?” เสียงของเขาเข้มข้นผิดปกติ
“เขาดูผอมแห้งและเหี่ยวย่น…” ซูอันให้คำอธิบายคร่าว ๆ แก่ผู้เฒ่ามี่ เกี่ยวกับลักษณะของชายชราที่เขาเจอ
ผู้เฒ่ามี่ดูกระวนกระวายใจอย่างมาก เขาคว้าแขนของซูอันทันที “เจ้าแสดงทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าให้เขาดูหรือไม่? ได้ทำหรือเปล่า??”
นิ้วมือซึ่งแข็งเหมือนกับที่คีมหนีบโลหะบีบแขนของซูอันจนปวดไปหมด
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้าเข้าไปในคฤหาสน์โดยอ้างว่าพาเว่ยสั่วที่เมาหนักกลับบ้าน! ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ผู้เฒ่ามี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้างั้นก็ดีแล้ว จำไว้ว่าเจ้าต้องไม่แสดงทักษะการเคลื่อนไหวนี้ต่อหน้าชายคนนั้นโดยเด็ดขาด และเจ้าห้ามพูดถึงอะไรเกี่ยวกับข้าให้เขาฟัง ไม่อย่างนั้น ข้าเอาเจ้าตายแน่!”
“เข้าใจแล้ว…” ซูอันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าผู้เฒ่ามี่จะเป็นคนที่ชายชรานั่นกำลังมองหาแน่นอน
ว่าแต่สิ่งที่ผู้เฒ่ามี่กำลังมองหาคืออะไร?
นอกจากนี้เรื่องราวเบื้องหลังผู้เฒ่ามี่คืออะไร? ทำไมเขาถึงกลัวชายชราคนนั้นมาก?
ผู้เฒ่ามี่หันหลังให้กับซูอัน ดวงตาของเขาเกิดประกายดุร้ายเล็กน้อย ข้าจะต้องรีบครอบครองเจ้าเด็กนี่ โชคดีจริง ๆ ที่วัตถุดิบสองชิ้นสุดท้ายที่ข้าต้องการเพิ่งเข้ามา…
หลังจากที่ผู้เฒ่ามี่จากไป ซูอันก็สงสัยกับตัวเองว่าเขาจะจัดการกับเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
ทันใดนั้นกลิ่นหอมหรูหราก็ลอยมา พอหันกลับมาก็เห็นฉู่ชูเหยียน ยืนอยู่ใบหน้าของนางดูเย็นชา
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ภรรยาที่รัก?”
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี! มันหายากที่นางจะมาหาเขา
ฉู่ชูเหยียนนั้นงดงามเกินไป แค่ได้มองนางวันละครั้งก็เพียงพอแล้วที่จะขจัดอารมณ์ไม่ดีของตัวเองได้
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนเจ้าไม่กลับบ้าน” ฉู่ชูเหยียนกวาดตามองเขา จ้องมองไปที่เสื้อผ้าของเขา ดูเหมือนนางจะมองหาอะไรบางอย่าง
ซูอันพยักหน้า “หวางหยวนหลงเชิญข้าออกไปเมื่อวานนี้ เว่ยสั่วดื่มมากเกินไปในงานเลี้ยงและต้องการใครสักคนไปส่งเขากลับบ้าน เมื่อเราไปถึง เขาก็อาเจียนออกมารดตัวข้า ข้าก็เลยอาบน้ำ จากนั้นมันก็ดึกมากแล้ว ข้าเลยค้างคืนที่นั่น”
“อ้อ” ฉู่ชูเหยียนไม่พูดอะไรอีก แล้วหันหลังเดินจากไป
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233 คะแนน!
—
ซูอันงุงงงอย่างสมบูรณ์ ทำไมอยู่ ๆ เจ้าถึงมาโกรธข้า?
เขาแทบไม่ได้คะแนนความโกรธแค้นจากนางเลย ถึงจะได้ก็เป็นแค่เลขสองหลัก อารมณ์ของนางดูเหมือนจะแย่ลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
จู่ ๆ ก็มีความคิดเกิดขึ้น เขาหัวเราะและพูดว่า “ภรรยา เมื่อคืนนี้เจ้ารอข้าทั้งคืนงั้นเหรอ?”
ร่างกายของฉู่ชูเหยียนแข็งค้าง รอยสีแดงแผ่กระจายไปทั่วคอของนาง อย่างไรก็ตาม นางตอบทันทีว่า “เจ้าคิดไปเอง!”
นางเร่งฝีเท้าวิ่งออกไป
รอยยิ้มของซูอันเบิกกว้าง แต่ก็ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วด้วยการขมวดคิ้ว เขาพลาดโอกาสแสดงความรักกับภรรยาของเขาทั้งคืนเพราะภารกิจโง่ ๆ ของผู้เฒ่ามี่!
หลังอาหารเช้า เฉิงโซวผิงกระตุ้นให้ซูอันไปที่สถาบันจันทร์กระจ่าง นี่เป็นความรับผิดชอบในฐานะเพื่อนร่วมการศึกษา
ซูอันอยู่ในอารมณ์หดหู่ การต้องไปสถาบันจันทร์กระจ่างทุกวันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญจริง ๆ
สิ่งที่ชายหนุ่มสามารถเรียนรู้ได้จากสถาบันจันทร์กระจ่างมีจำกัด ท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้เรียนรู้ทักษะที่ดีที่สุดใด ๆ จากสถาบันจันทร์กระจ่างเลย ไม่ว่าเขาจะไปหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับเขามากนัก
แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่าง มันคงไม่เป็นไรหากเขาเป็นแค่นักศึกษาแล้วโดดเรียนบ้างเป็นบางครั้ง แต่การที่เขาเป็นอาจารย์ทำให้ตัวเองต้องอยู่ในกำหนดกฎเกณฑ์มากกว่าเดิม
เขาไม่ได้ไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างหลายวันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของเขากับเจียงลั่วฝู เขาคงถูกปลดออกจากสถานะการเป็นอาจารย์ไปนานแล้ว
ข้าต้องหาโอกาสถามอาจารย์ใหญ่ว่าข้าสามารถรักษาเอกสิทธิ์ของการเป็นอาจารย์ได้โดยไม่ต้องทำหน้าที่ของอาจารย์ให้ครบถ้วนได้หรือไม่?
จิตใจของซูอันหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ท้ายที่สุด ความก้าวหน้าในสังคมส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะคนเกียจคร้านเท่านั้น