บทที่ 571 ไม่คาดฝัน
บทที่ 571 ไม่คาดฝัน
เมื่อฉินหว่านหรูไปถึงเรือนของหงจง นางรีบทุบประตูพลางร้องเรียกทันที “พ่อบ้านหง พ่อบ้านหง!”
ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว หงจงเดินออกมา ใบหน้าของเขาดูสับสน “นายหญิง ท่านมาที่นี่ทำไม?”
“ข้าไม่มีเวลาอธิบายนานนัก สั้น ๆ คือฉู่เทียนเซิงคิดทรยศ ข้าไม่รู้ว่ามีคนสมรู้ร่วมคิดกับเขากี่คน เราต้องรีบรวบรวมคนเพื่อจับกุมเขา…”
ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่นางจะพูดจบ มือของ หงจงก็เหยียดออกมาอย่างรวดเร็ว ผนึกจุดชีพจรของนางด้วยความแม่นยำยิ่งยวด นางไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
“ทำไม!?” ฉินหว่านหรูตกตะลึงอย่างยิ่งขณะที่นางจ้องไปที่ชายชราที่ทำทรงผมพิถีพิถันมาโดยตลอด ภายนอกเขาดูเหมือนปกติ แต่เขากลับดูไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน
หงจงถอนหายใจ “ข้าต้องขออภัยจริง ๆ นายหญิง สิ่งเดียวที่ท่านไม่ควรทำคือวิ่งมาหาข้า!”
“ทำไม?” ฉินหว่านหรูจ้องมองที่เขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ แม้นางจะคิดวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ มากมายมาโดยตลอด แต่นางไม่เคยคิดว่าหงจงก็ทรยศนาง
นางไม่เข้าใจว่า ทำไมหงจงถึงทำอย่างนี้?
นางถูกฉู่เทียนเซิงวางยา และตอนนี้จุดชีพจรของนางก็ถูกผนึกไว้ซ้ำอีก ทุกอย่างมันจบลงแล้ว สิ่งเดียวที่นางคิดคือความปรารถนาที่จะรู้ว่าทำไม
“ข้าก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน…” หงจงส่ายหัว “ที่สำคัญ ต่อให้พูดไปมันก็ไม่มีความหมายนับจากนี้”
“แต่ข้าอยากรู้!” ฉินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา “ตระกูลฉู่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีเสมอ สามีและข้ามองว่าเจ้าเป็นเสมือนญาติมาโดยตลอด เจ้าจะได้อะไรจากการเข้าข้างฉู่เทียนเซิง สิ่งที่เขาเสนอให้เจ้ามากกว่าทุกสิ่งที่เราเคยให้เจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉู่เทียนเซิง…” รอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นที่มุมปากของหงจง “ไอ้เจ้านั่นมันช่างไร้น้ำยาไว้วางใจให้ทำการใหญ่ไม่ได้เลย ถ้าข้าไม่ออกคำสั่งย้ายทหารยามออกจากตึกหลัก ทหารทั้งหมดคงได้รู้เกี่ยวเรื่องที่เขาทำกับท่านในห้องแล้ว”
“เป็นเจ้า!” ความจริงราวกับค้อนที่กระหน่ำทุบตีฉินหว่านหรู ไม่แปลกใจอีกแล่วว่าทำไมไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือนาง ถึงแม้ว่าเสียงจากในห้องจะดังวุ่นวายแค่ไหน “ถ้าเจ้าไม่ได้ถูกฉู่เทียนเซิงบงการ งั้นก็แสดงว่าเป็นซ่างหงที่ติดสินบนเจ้าใช่ไหม? แต่ข้ายังไม่เข้าใจ! อะไรที่ซ่างหงจะมอบให้เจ้า? ถึงทำให้พ่อบ้านที่ซื่อสัตย์กลับกลายเป็นคนทรยศได้…”
แต่แล้วเมื่อพูดถึงจุดนี้ ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นทันใด ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในหัวของนาง “หงซิงอิง!”
ร่องรอยของความขมขื่นปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของหงจง “นายหญิง ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ในชีวิตนี้ข้าไม่ได้หวังสิ่งใดมากมาย สิ่งเดียวที่ข้าไม่สามารถปล่อยวางได้ก็คือลูกชายที่น่าผิดหวังของข้า”
ฉินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หงซิงอิง เป็นเด็กที่มากความสามารถ! เขาได้ทำอะไรมากมายเพื่อตระกูลฉู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และตระกูลฉู่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเสมอ เจ้ายังมีอะไรที่ต้องการอีก?”
หงจงถอนหายใจ “นายหญิงไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าทำไมหงซิงอิงถึงทำอะไรมากมายเพื่อตระกูลฉู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าเชื่อว่านายหญิงควรเข้าใจว่าทำไมถูกต้องไหม?”
ฉินหว่านหรูกัดริมฝีปากล่าง “ข้ารู้ว่าเขาสนใจชูเหยียนมาตั้งแต่ยังเล็ก ข้าก็ชอบเด็กคนนั้นมากเหมือนกันและคิดที่จะรับเขาเป็นลูกเขย แต่ชูเหยียนเป็นคนเลือกซูอันเอง แล้วจะให้ข้าทำอะไรได้?”
นางหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดดวงตาของ ชูเหยียนจะเฉียบแหลมกว่าข้ามากจริง ๆ”
หงจงถอนหายใจ ดูเหมือนจะหวนนึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดบางอย่าง “ซิงอิงชอบคุณหนูใหญ่ แต่เขาทำได้แค่ดูเมื่อหญิงสาวที่รักของเขาแต่งงานกับชายอื่น
“คงจะเป็นเรื่องหนึ่งหากนางแต่งงานกับคนที่โดดเด่นกว่าเขา อย่างไรก็ตาม นางกลับแต่งงานกับคนที่ด้อยกว่าเขาในทุก ๆ ด้าน ซึ่งทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนไป ผลักดันให้เขากระทำการที่โง่เขลา และท้ายที่สุดเขาก็ได้ทำสิ่งที่นำไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ”
“อะไรคือทำสิ่งที่ทำให้เขาไม่มีวันหวนกลับ?” ฉินหว่านหรูตื่นตระหนก “เขาเป็นคนที่ทำให้บ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณสกปรกงั้นเหรอ?!”
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่คืนนั้น ประการแรก บ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณถูกทำให้ปนเปื้อน และจากนั้นซูอันก็ถูกพบว่าอยู่บนเตียงของ ฉู่ฮวนเจาในคืนวันแต่งงาน หลังจากนั้นไม่นาน โจรก็ได้บุกเข้ามาใน คฤหาสน์ตระกูลฉู่
ดูเหมือนว่าเรื่องของบ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณจะเชื่อมโยงกับเรื่องโกลาหลที่เกิดขึ้นตามมาทั้งหมด
เสียงของหงจงเคร่งขรึม “ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้คุณหนูใหญ่เป็นสามีภรรยากับซูอันอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น เขาจึงหาวิธีที่จะทำลายทุกอย่าง แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดจะสร้างมลทินให้กับบ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณ เขาแค่อยู่ถูกที่ถูกเวลาก็เท่านั้น”
ฉินหว่านหรูอยากจะถามอีกฝ่ายต่อว่าใครเป็นผู้บงการให้สร้างมลทินแก่บ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันของนาง นางรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“แม้ว่าตอนนี้ข้าจะรู้แล้วว่าเขาได้ทำลายบ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณ แต่ข้าก็ยังสามารถให้อภัยเขาได้ด้วยเห็นแก่ผลงานทั้งหมดของเจ้าที่มีต่อตระกูลของเรามายาวนาน แต่ว่าเรื่องนี้ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาหันหลังกลับไม่ได้หรือเปล่า?”
หงจงส่ายหัว “สายน้ำเมื่อไหลไปแล้วไม่อาจหวนกลับ นายหญิงจำเรื่องขบวนสินค้าของเราถูกลอบจู่โจมอย่างกะทันหันหลายครั้งได้ไหม?”
ฉินหว่านหรูตกใจ “อย่าบอกนะว่านั่นเป็นฝีมือของหงซิงอิง…”
การแสดงออกของหงจงเริ่มเจ็บปวด “ถูกต้อง มีคนยุยงเขาให้ก่อความวุ่นวายโดยบอกว่ามันสามารถทำให้เขาล่อคุณหนูใหญ่ออกไปเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสอยู่กับคุณหนูใหญ่เพียงลำพัง…เฮ้อ เด็กโง่คนนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าได้เดินเข้าไปในกับดักของคนเหล่านั้นแล้ว? วันที่เขาเป็นต้นเหตุทำให้เหล่าทหารในขบวนสินค้าตาย มันคือวันที่เขาได้ก้าวข้ามเส้นซึ่งไม่สามารถย้อนกลับได้อีก”
ฉินหว่านหรูพูดไม่ออก ฉู่จงเทียนเป็นคนใจดีมีเมตตาและยึดถือหลักคุณธรรมมาโดยตลอด แต่มีกฎตระกูลสองสามข้อที่เขาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด หนึ่งในนั้นคือการขายชีวิตของคนร่วมตระกูลออกไปซึ่งมีโทษถึงตาย!
แม้ว่าเรื่องการทำให้บ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณปนเปื้อนจะเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ตระกูลฉู่ก็คงสามารถอภัยให้โดยพิจารณาจากผลงานมากมายที่ตระกูลหงเคยสร้างมา อย่างไรก็ตาม ด้วยการเสียชีวิตของสมาชิกตระกูลจำนวนมากจากการถูกลอบจู่โจมขบวนสินค้า เพียงแค่ผลงานทั้งหมดของตระกูลหง มันคงไม่เพียงพอที่จะหนีโทษตายทั้งตระกูล
หงจงมองมาที่นาง ดวงตาเร่าร้อนด้วยอารมณ์ “ข้าแก่แล้ว และกว่าที่ข้าจะมีลูกชายได้ ชีวิตของข้าก็เข้าสู่ช่วงบั้นปลายแล้ว แม่ของเขาเสียชีวิตจากการคลอดบุตรยาก ดังนั้นท่านจะให้ข้ายืนดูเขาทำลายตัวเองอย่างนั้นเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง? นายหญิง ท่านเข้าใจความเศร้าโศกของข้าบ้างไหม?”
ฉินหว่านหรูต่อต้านความรู้สึกแปลก ๆ ภายในร่างกายของนางที่เกิดจากยาน้ำนมกระทิง ด้วยการรวบรวมสติ ก่อนจะกล่าวว่า “แม้เจ้าจะยอมรับความผิดทั้งหมดและรู้สึกเสียใจสักแค่ไหนมันก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ทั้งหมดที่ข้ารู้ตอนนี้คือสามีและข้าวางใจคนผิด!”
ในเวลานี้ หงจงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของนาง เสียงของเขาเริ่มทุ้มต่ำ “นายหญิงคงกำลังได้รับความทุกข์ทรมานจาก ‘ยาน้ำนมกระทิง’ อยู่สินะ? ยานี้ฤทธิ์ร้ายแรงน่ากลัวมาก เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่ความเมตตาที่นายท่านและนายหญิงเคยมีให้ข้า ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเป็นมลทินโดยคนอย่างฉู่เทียนเซิง”
รอยยิ้มที่โล่งใจเล็กน้อยกระจายไปทั่วใบหน้าที่แดงก่ำของฉินหว่านหรู “ขอบคุณ!”
นางรู้ว่านางพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แล้วการตายอย่างมีศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่นางหวังได้