บทที่ 588 เหตุผลที่หาเจอ
บทที่ 588 เหตุผลที่หาเจอ
ผู้เฒ่ามี่เขาวางแผนที่จะค่อย ๆ สร้างตัวเองในตระกูล เมื่อเขาได้ครอบครองร่างของซูอัน เขากลับไม่เคยคิดว่าซูอันจะได้รับการยอมรับจากตระกูลฉู่เรียบร้อยแล้ว
เช่นนี้ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมด สถานะของซูอันในตระกูลฉู่ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่เพียงแต่ซูอันจะครองหัวใจของฉู่ชูเหยียนได้ แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉู่ฮวนเจาอีกด้วย เมื่อเขาได้ครอบครองร่างของซูอันแล้ว ทั้งสองพี่น้องก็จะตกอยู่ในกำมือของเขา
แม้แต่ฮูหยินฉู่ก็ดูเหมือนจะทำตัวแปลก ๆ ต่อหน้าซูอัน
เขามีชีวิตอยู่มาหลายปี แม้ว่าร่างกายของตัวเองจะไม่ครบส่วน แต่ความรู้เชิงทฤษฎีของเขานั้นเหนือกว่าใคร ๆ
อาศัยอุบายเพียงเล็กน้อยและโอกาสที่เหมาะสม การพาฮูหยินฉู่เข้าห้องนอนก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินไป
หรือที่เลวร้ายที่สุด เขาแค่ใช้ ‘ความกังวลจงหายไป’ เขารู้ดีว่ายาที่อยู่ในความครอบครองของซูอันนั้นทำอะไรได้บ้าง
บางทีอาจเป็นเพราะเขาขาดมันมาเป็นเวลานาน ความปรารถนาของผู้เฒ่ามี่ในเรื่องอย่างว่าจึงเป็นเรื่องใหญ่กว่าใคร ๆ
ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่อย่างฉินหว่านหรูน่าดึงดูดกว่าลูกสาวของนางซะอีก
ซูอันยังเด็กเกินไป จึงยังมีความคิดที่จะพยายามเลือกคนใดคนหนึ่งระหว่างพวกนาง ชายที่แท้จริงควรจะโกยพวกนางทั้งหมดไว้ในอ้อมกอดต่างหาก!
เขาได้รวบรวมทุกสิ่งที่จำเป็นแล้ว และกำลังจะทำพิธีครอบครองร่างของซูอันในอีกไม่กี่วัน เขากำลังจะได้เกิดใหม่!
เมื่อคิดถึงความมั่งคั่งของตระกูลฉู่ และสาวงามอันน่าหลงใหลทั้งหมดกำลังจะเป็นของเขา ความปรารถนาอันแรงกล้าก็แวบเข้ามาในดวงตาของผู้เฒ่ามี่
เขากลัวว่าร่างกายของตัวเองจะไม่สมบูรณ์หลังจากที่เขาได้ครอบครองร่างของซูอัน แต่ตอนนี้ ความกังวลสุดท้ายนี้ก็ได้คลายลงเช่นกัน
เจ้าเด็กขี้เรื้อนคนนี้กล้าที่จะหลอกลวงข้า เจ้าซุกซ่อนความลับของร่างกายมาโดยตลอด เจ้าไม่สมควรที่จะได้ครอบครองร่างนั้นอีกต่อไป
“ฮ่า ๆๆ!” ผู้เฒ่ามี่ไม่สามารถซ่อนความสุขเมื่อกลับถึงลานบ้านตัวเอง เขามองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะอย่างเบิกบาน
ทันใดนั้นก็มีเสียงลอยเข้ามาจากนอกหน้าต่างของเขา “น่าแปลก! อะไรทำให้เจ้ามีความสุขมากขนาดนั้น?”
ทั้งร่างของผู้เฒ่ามี่สั่นเทาเมื่อได้ยินเสียงนี้ รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง เขาหันมองออกไปทางต้นเสียง
ชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ข้างต้นไม้ไม่ไกลห่างจากหน้าบ้าน ในมือถือผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอค่อกแค่ก เขายิ้มให้ผู้เฒ่ามี่
ถ้าซูอันหรือเพ่ยเหมียนหมานอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาจะต้องจำชายชราผู้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงผู้เฒ่ามี่ขณะนี้ได้แน่นอน ชายชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเว่ยต้าน ผู้บ่มเพาะลึกลับแห่งตระกูลเว่ย!
ผู้เฒ่ามี่ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นชายชราผู้นี้ ก่อนเขาจะถอนหายใจ “ข้ากลัววันนี้มาตลอด แต่เมื่อมันมาถึง ข้ากลับพบว่าตัวเองไม่ได้ร้อนรนอย่างที่คิด”
เว่ยต้านยิ้ม “นั่นเป็นวิถีของโลก ที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่การเผชิญหน้าแต่เป็นการรอคอยที่ไม่รู้จบ”
ผู้เฒ่ามี่หัวเราะคิกคัก “ข้าไม่คิดว่าผ่านไปหลายปีเจ้าจะยังชอบเทศนามากเช่นเดิม”
เว่ยต้านดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดแดกดันของผู้เฒ่ามี่ “ข้าไม่ได้พบเจ้ามาหลายปีแล้ว พวกเราต่างก็แก่ขึ้นมาก ราชสำนักใช้ทรัพยากรไปนับไม่ถ้วน ทุ่มเทกำลังคนเพื่อตามหาเจ้าแต่ก็ไม่เคยไล่ตามทันแม้แต่ครั้งเดียว เพิ่งจะมีเมื่อเร็ว ๆ นี้เท่านั้นที่เราได้เบาะแสของเจ้า”
“เจ้าหาข้าเจอได้ยังไง?” ผู้เฒ่ามี่ถามอย่างสงสัย
“ในระหว่างงานประลองระหว่างตระกูลครั้งล่าสุดของเมืองจันทร์กระจ่าง ข้าได้รับรายงานว่าซูอันใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่คล้ายกับวิชาร่างก้าวทานตะวันของเจ้ามาก นั่นทำให้ข้าสงสัยว่าเจ้าน่าจะอยู่ที่เมืองนี้” เว่ยต้านตอบ
ผู้เฒ่ามี่เย้ยหยัน “ข้าว่าแล้ว สักวันไอ้เด็กขยะนั่นจะต้องเป็นผู้ทำให้ร่องรอยของข้ารั่วไหล ข้าเตือนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าแสดงให้ใครเห็น มันดื้อด้านจนก่อเรื่องขึ้นมาจริง ๆ หากรู้ว่าจะลงเอยเช่นนี้ข้าไม่มีทางสอนมันแน่!”
ซูอันตกตะลึงเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
คะแนนความโกรธแค้นมาจากผู้เฒ่ามี่ แต่ก็คิดไม่ออกว่าชายชราคนนั้นโกรธเขาทำไม อย่างไรก็ตาม เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวด แน่นอนว่าเขาจะไม่วิ่งเข้าชนตรง ๆ แต่จะลองไปตรวจสอบสอบหาสาเหตุก่อน
เขาใช้วิชาบังบดเร้นซ่อนเพื่อซ่อนกลิ่นอายและคลื่นพลังของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่องไปที่เรือนของชายชรา
เมื่อมาถึง เขาสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในเรือน คนอื่นผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเว่ยต้าน!
ซูอันตกใจและไม่กล้าเข้าใกล้ เขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและแอบสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น
ในเรือนของผู้เฒ่ามี่ เว่ยต้านยังคงซักถามต่อไป “จริง ๆ แล้วมีบางอย่างที่แม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกแปลก ๆ” เขาพูดด้วยท่าทางงงงวย “ทำไมเจ้าถึงสอนวิชาลับให้กับคนไร้ค่าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง แบบนี้มันไม่ใช่เจ้าเลย?”
“ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ มันดูเหมือนเป็นเด็กดี ข้าเลยสอน ข้าคงประมาทเกินไป” เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่ามี่ไม่ต้องการเปิดเผยว่าจะยึดร่างของซูอันมาเป็นของตัวเองในอนาคต
“นั่นคือเหตุผลงั้นเหรอ?” เว่ยต้านยิ้ม “ขอบคุณสวรรค์จริง ๆ ที่เจ้าตัดสินใจเช่นนั้น เพราะถ้าเจ้าไม่สอนเด็กนั่น มันคงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะหาเจ้าเจอ”
ซูอันรู้สึกกระอักกระอ่วน เป็นเพราะเขา ผู้เฒ่ามี่เลยถูกศัตรูตามหาจนเจอ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อครู่นี้ชายชราถึงเทคะแนนความโกรธให้เขาชุดใหญ่
“เจ้าหาข้าเจอเร็วขนาดนี้ด้วยข้อมูลเพียงอย่างเดียวนับว่าน่าชื่นชมโดยแท้” ผู้เฒ่ามี่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ทั้งสองพูดคุยกันราวกับเป็นเพื่อนเก่า อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็ไม่ได้มองข้ามความเป็นจริงว่าบรรยากาศในเรือนขณะนี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่ซ่อนเร้น
“มันไม่ได้เร็วขนาดนั้น” เว่ยต้านตอบ “ข้าไม่กล้าถามซูอันตรง ๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เจ้าไหวตัวทัน ข้าจึงต้องใช้วิธีสืบหาแบบลับ ๆ เริ่มจากพวกที่อยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่ข้าก็ไม่พบร่องรอยของเจ้าที่นั่น”
ซูอันจำได้ว่าอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่างถูกทุบตีจนตาม่วงไปตาม ๆ กันอย่างเป็นปริศนา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นฝีมือของบุคคลนี้นี่เอง
ต้องขอบคุณดาวนำโชคที่ชายชราลึกลับผู้นี้ไม่ได้นึกอยากทดสอบเขา ไม่อย่างนั้นขอบตาของตัวเองคงม่วงไปอีกคน!
ผู้เฒ่ามี่อดชื่นชมไม่ได้ “ผู้บ่มเพาะในสถาบันจันทร์กระจ่างต่างเป็นยอดฝีมือ แต่เจ้ากลับเล่นงานได้ง่าย ๆ ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะของขันทีเว่ยจะดีขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
“นอกจากเจียงลั่วฝู ก็ไม่มีคนอื่นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง” เว่ยต้านประกาศพร้อมกับสูดหายใจ ภาพหญิงสาวและเรียวขาอันน่าทึ่งของนางผุดขึ้นในหัวของเขาทันที ถ้าเขาไม่ใช่ขันที เขาคงจะเพ้อฝันถึงนาง
“นั่นก็จริง” ผู้เฒ่ามี่พยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่ ทำไมเจ้าถึงไม่เริ่มการสอบสวนในตระกูลฉู่เป็นอันดับแรก?”