บทที่ 594 โลกที่ไม่แน่นอน
บทที่ 594 โลกที่ไม่แน่นอน
ซูอันโกรธจัด เจ้าเรียกใครว่าขยะ!
ตัวเจ้าเองไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวด้วยซ้ำ! อะไรทำให้เจ้ากล้าเรียกข้าแบบนั้นอย่างเต็มเสียง!
แน่นอนว่าชายชราทั้งสองไม่สนใจความรู้สึกของซูอันแม้แต่น้อย ผู้เฒ่ามี่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าก็แค่อยากเห็นว่าเขาจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหน ไม่แน่เขาอาจจะบรรลุความเป็นอมตะก็ได้ ข้าไม่มีความหวังสำหรับตัวเอง ดังนั้นข้าจึงทำได้แค่ให้เขามีชีวิตอยู่แทนข้า”
ซูอันรู้สึกประทับใจกับคำพูดนี้ เขาไม่คิดว่าผู้เฒ่ามี่จะมีความเมตตาเหนือสามัญ ข้าไม่ควรสงสัยผู้อาวุโสคนนี้เลย!
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องในแววตาของเขาตลอดเวลาที่เขามองข้า โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ มานี้มันยิ่งแปลกจนเห็นได้ชัด!
ไม่ได้! ข้าจะเชื่อคำพูดของตาแก่นี่อย่างหมดใจไม่ได้!
ในทางกลับกัน เว่ยต้านก็แสดงสีหน้าตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “วันนี้มีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน มีคนถึงสองคนที่บ่มเพาะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ! จักรพรรดิจะต้องยินดีแน่ถ้าข้าพาพวกเจ้าทั้งคู่กลับไปด้วย!”
ซูอันจิ๊ปากด้วยความรำคาญ
เขาไม่ต้องการให้ชายชราพวกนี้มาสนใจเขา แต่โชคร้ายที่เขาไม่อยู่ในสถานะที่จะเลือกได้ แล้วเขาจะไปออกความคิดเห็นต่อหน้าผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างสองคนนี้ได้อย่างไร?
ผู้เฒ่ามี่ได้รับบาดเจ็บและเขาก็แบกซูอันไปด้วย แม้ว่าปกติแล้วชายชราจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว แต่เขาก็ต้องช้าลงเป็นธรรมดา
เว่ยต้านใช้โอกาสนี้กระโดดขวางหน้าทั้งสอง “อิ๋งน้อย การละเล่นแมวจับหนูนี้กินเวลานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะจบเรื่องต่าง ๆ เสียที!”
ท่าทางของผู้เฒ่ามี่ดูเคร่งขรึม เขาโยนซูอันไปที่พุ่มไม้ใกล้ ๆ และตั้งท่าพร้อมสำหรับการต่อสู้
เว่ยต้านไม่ได้สนใจซูอันอีก เขารู้ว่าเมื่อจัดการผู้เฒ่ามี่ได้เมื่อไหร่ ซูอันก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ
ซูอันที่ถูกผนึกไว้เคลื่อนไหวไม่ได้ เขาจึงใช้สายตาตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว พวกเขาบินผ่านกำแพงเมืองจันทร์กระจ่างออกมา ดังนั้นที่นี่อาจอยู่ในส่วนลึกของภูเขามังกรซ่อน
แม้ว่าภูเขามังกรซ่อนจะถือว่าเป็นสถานที่อันตราย แต่นั่นเป็นเรื่องจริงสำหรับชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น
สำหรับผู้บ่มเพาะขั้นสูงเช่นผู้เฒ่ามี่และเว่ยต้าน สัตว์ร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่ไม่มีอะไรต้องกังวล
ซูอันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากมังกรแดงตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ มันอาจจะสามารถกำจัดผู้เฒ่าสองคนนี้ได้ในคราวเดียว!
ในขณะที่ซูอันยังคงเหม่อคิด เว่ยต้านก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว ผู้เฒ่ามี่ที่อ่อนแอลงอย่างมากเพราะบาดเจ็บมาโดยตลอดและแบกซูอันเป็นระยะทางไกลแทบจะต้านรับไม่ไหว
การต่อสู้ดำเนินไปในแบบเดียวกับการต่อสู้ครั้งก่อน เว่ยต้านเป็นฝ่ายรุกเข้าหาซะส่วนใหญ่ ส่วนผู้เฒ่ามี่ยังคงใช้ความเร็วในการเคลื่อนที่อันน่าอัศจรรย์ของวิชาร่างก้าวทานตะวันหลบหนีไปรอบ ๆ
หลังจากต่อสู้ไปอีกราวครึ่งชั่วยาม ผู้เฒ่ามี่ก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการหลบหลีกและป้องกัน แต่บนร่างกายของเขามีบาดแผลใหม่บังเกิดขึ้นเต็มไปหมด
เว่ยต้านเช็ดเลือดที่เปื้อนปลายนิ้วของเขา “อิ๋งน้อย ทำไมเจ้าถึงดื้อดึงขนาดนี้ สู้ไปเจ้าก็ไม่มีทางชนะ ทำไมเราต้องมาเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ด้วย?”
ผู้เฒ่ามี่ตอบโต้ด้วยอาการอ่อนแรง “ใครจะรู้ผลลัพธ์สุดท้ายได้ เว้นแต่เราจะต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายจริง ๆ!”
“ถ้าเจ้ายืนกราน ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทุบตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้!” เสียงของเว่ยต้านเย็นชา การเคลื่อนไหวของเขายิ่งเร็วขึ้น
ไม่มีทางที่ผู้เฒ่ามี่จะหลบได้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงกัดฟันและยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี
“ฝ่ามือเคลื่อนดารา!” รอยยิ้มที่น่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยต้าน เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ของเขาให้สิ้นซาก การต่อสู้ที่ยาวนานทำให้เขาหมดความอดทนลงไปทุกที
คลื่นกระแทกแผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ซูอันปลิวจากพุ่มไม้ที่เขาอยู่ ก่อนจะกลิ้งกระแทกพื้นด้วยเสียงดังโครม หากร่างกายของเขาไม่ได้รับการขัดเกลาใหม่สองครั้งโดยวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ชายหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บกระดูกหักอย่างน้อยที่สุดสองสามส่วน
แต่ซูอันกลับมีความสุขมาก เขาเริ่มโคจรพลังชี่ภายในร่างกายของเขาได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงโคจรพลังในร่างอย่างรวดเร็วเพื่อทำลายผนึกที่ยับยั้งการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ การฟื้นความสามารถในการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะที่ทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้ เขาจะฉวยโอกาสหลบหนีไป!
ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางการต่อสู้รุนแรง บางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นทันทีที่ฝ่ามือของชายชราทั้งสองปะทะกัน ท่าทางตื่นตระหนกของผู้เฒ่ามี่ก็หายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มอันเย็นชาที่เห็นแผนการของตนเองสำเร็จในที่สุด
ในพริบตา ฝ่ามือของเขาก็กลายเป็นออกท่าดัชนี
ดัชนีทานตะวัน!
เว่ยต้านสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่าเขาไม่กลับสามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปกติแล้ว ผู้เฒ่ามี่ไม่ใช่คู่มือของเขา นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้วยความคิดนี้ เว่ยต้านจึงละทิ้งความกังวลของตัวเองและออกแรงซัดฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างมั่นใจว่า ผู้เฒ่ามี่จะสูญเสียความสามารถในการตอบโต้โดยสิ้นเชิง
ฝ่ามือและดัชนีปะทะกันอย่างรุนแรงจนเลือดสาดกระจาย และมีเสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวช
ซูอันซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการพยายามปลดผนึกของเขา จู่ ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความสยดสยอง เพราะคนที่กรีดร้องไม่ใช่ผู้เฒ่ามี่ แต่เป็นคนที่ดูมั่นใจว่าจะชนะ…เว่ยต้าน!
นิ้วสีม่วงที่ส่องแสงของผู้เฒ่ามี่แทงทะลุผ่านฝ่ามือของเว่ยต้าน แสงสีน้ำเงินของทักษะฝ่ามือเคลื่อนดาราของเว่ยต้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย และมีเพียงสีแดงคล้ำของเลือดเท่านั้นที่มองเห็นได้
ผู้เฒ่ามี่ไม่ลังเลเลย เขาเหยียดมืออีกข้างออก จิ้มไปยังจุดชีพจรสำคัญ ๆ หลายจุดบนร่างของเว่ยต้าน
เว่ยต้านค่อย ๆ ทรุดตัวลงราวกับกระสอบทรายที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเขาไม่กังวลเกี่ยวกับสภาพของตัวเอง แต่เขามองชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
“ทำไม…?”
เมื่อครู่นี้มันคล้ายกับจู่ ๆ ความแข็งแกร่งของสหายเก่าของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างฉับพลัน หรือว่าแท้จริงแล้วสหายของเขาผู้นี้แข็งแกร่งเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่ม?
แต่ถ้าระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายอยู่ในระดับนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ทำไมถึงยอมให้เขาอัดซะจนเลือดโชกขนาดนี้ด้วย?
เขาไม่สามารถคาดเดาในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
ดวงตาของซูอันกำลังจะถลนออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาแอบเอาใจช่วยผู้เฒ่ามี่มาตลอดเพราะหวังว่าชายชราจะทนได้นานจนกว่าเขาจะหนีไปได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์พลิกผันอย่างกะทันหัน เว่ยต้านซึ่งน่าจะชนะแน่นอนกลับพ่ายแพ้ในพริบตา!
น่าเสียดาย ขณะนี้เขายังไม่สามารถปลดผนึกบนตัวเขาเองได้ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนมาภาวนาให้กับเว่ยต้านเป็นฝ่ายทนเพิ่มอีกสักครู่หนึ่งแทน
โลกนี้ช่างแปรเปลี่ยนไปไวซะจริง!