บทที่ 14 ระหว่างพวกเราไม่ต้องเกรงใจกัน
พวกเขาเดินเล่นอยู่ในตลาดสักพัก พอถึงตอนเที่ยงก็ตรงไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อกินข้าว
ต้าเป่าแอบดึงแขนเสื้อมารดาและกระซิบว่า “ท่านแม่ พวกพี่ ๆ ได้เรียนหนังสือด้วย ท่านแม่ ข้า…”
เหยาซูได้ยินเสียงที่อยู่ด้านหลังของนาง จึงหันไปลูบศีรษะเขาเบา ๆ และถามเสียงอ่อนโยนว่า “ต้าเป่าก็อยากเรียนหนังสือด้วยเหมือนกันหรือ?”
“อืม!” เด็กชายพยักหน้าอย่างเขินอาย
“หากอย่างนั้นเมื่อกลับบ้าน แม่จะสอนเจ้าให้อ่านออกเขียนได้ แล้วรอปีหน้าต้าเป่าค่อยเรียนหนังสือพร้อมกับพี่ ๆ ตกลงหรือไม่!”
เอ้อเป่าซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของพี่สะใภ้รอง และเอ่ยอย่างงุนงงว่า “เอ้อเป่าก็อยากเรียนหนังสือ…”
พี่สะใภ้ใหญ่ชอบหลานสาวและหลานชายที่น่ารักของตนมาก เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสอง นางก็ยิ้มพลางพูดว่า “การศึกษาเล่าเรียกนั้นเป็นเรื่องปกติ เอ้อเป่าเองก็จะได้เรียนหนังสือเช่นกัน รอวันข้างหน้าเมื่อซานเป่าโตขึ้น พวกเจ้าสามพี่น้องก็จะได้เป็นบัณฑิต! ทุกคนที่อยู่ในตระกูลเหยาต่างมีความรู้และสอบผ่านราชการกันทั้งนั้น”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง สำรับอาหารก็ยกมาพร้อมแล้ว พี่สะใภ้ทั้งสองและน้องสามีต่างพูดไปกินไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
หลังจากเดินตลาดมามากพอแล้ว พวกเขาก็ไปหาเหยาเฟิงและกลับบ้านด้วยกัน
เมื่อมาถึงบ้าน แม่เฒ่าเหยาสังเกตเห็นต้าเป่าและเอ้อเป่าอ้าปากหาวเดินตามแม่ของพวกเขาไป จึงอดหัวเราะไม่ได้และเอ่ยทักว่า “ต้าเป่า เอ้อเป่า หากพวกเจ้าง่วงนอนก็ไปนอนเถอะ แม่ของพวกเจ้าไม่หนีไปไหนหรอก”
เด็กทั้งสองคนตื่นจากภวังค์เมื่อเห็นสายตาคล้ายกำลังยิ้มของท่านยาย เด็กน้อยยิ้มอย่างเขินอาย หันหลังวิ่งกลับไปยังห้องของตนเอง
แม่เฒ่าเหยาส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังล่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงด้านนอกพลางกำชับลูกสะใภ้ทั้งสองว่า “ไปเอาถ่านมาเสียหน่อยเถอะ น้องเล็กนางพึ่งจะได้ออกจากห้อง เดี๋ยวจะหนาวเป็นหวัดเอาได้”
….
เหยาซูกล่อมซานเป่านอนหลับ ก่อนที่นางจะมานั่งเขียนภาพบนโต๊ะเล็ก ๆ
“อาซู” ประตูห้องถูกผลักเปิดออกเบา ๆ พร้อมกับร่างของพี่สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ “ซานเป่าหลับแล้วเหรอ? ข้ากับสะใภ้รองเตรียมถ่านมาให้”
เหยาซูพยักหน้า “พี่สะใภ้รีบเข้ามาข้างในเถอะเจ้าค่ะ อากาศข้างนอกมันหนาวเย็นเหลือเกิน”
ในมือของพี่สะใภ้ใหญ่ถือกระถางใส่ถ่าน นางเดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับสะใภ้รอง และเริ่มจัดการทำให้ห้องอุ่นขึ้น
เหยาซูเห็นดังนั้น จึงเอ่ยปากพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ห้องข้าอากาศกำลังดี ไม่จำเป็นต้องก่อไฟเลย”
พี่สะใภ้ใหญ่ส่ายหน้า “เจ้าพึ่งคลอดลูกต้องระวังเอาไว้ ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แม้อากาศจะเย็นไม่เท่าฤดูหนาวแต่ก็ไม่ควรประมาท”
พี่สะใภ้ทั้งสองวางเตาถ่านไว้ที่หน้าต่าง พร้อมทั้งหยิบที่คีบแล้วคีบถ่านสองสามก้อนมาวางไว้ในอ่าง จากนั้นปิดหน้าต่างให้เหลือเพียงช่องเล็ก ๆ เท่านั้น
พี่สะใภ้ทั้งสองทำงานคล่องแคล่วจนเหยาซูแทบไม่จำเป็นที่จะต้องขยับตัว ได้แต่รอให้พวกนางจัดการให้เรียบร้อย จึงกล่าวเรียกพวกนาง “พี่สะใภ้ขึ้นมาอยู่บนเตียงด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”
พี่สะใภ้ใหญ่มองดูซานเป่าที่กำลังหลับอยู่ ก่อนที่นางจะพาสะใภ้รองขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยเช่นกัน
สตรีในครอบครัวตระกูลเหยาไม่จำเป็นต้องลงไปทำไร่ทำนา อีกทั้งในตระกูลเหยาก็ไม่ขาดแรงงาน ในเวลาว่างพวกนางชอบนั่งอยู่บนเตียงอิฐและปักผ้า พูดคุยกันหรือแม้กระทั่งซ่อมแซมเสื้อผ้าเป็นครั้งคราว
เมื่อพี่สะใภ้เห็นภาพวาดบนโต๊ะของเหยาซู ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนงานปัก นางจึงถามด้วยความสงสัย “อาซูวาดภาพอะไรหรือ?”
เหยาซูนำภาพที่วาดเสร็จแล้วส่งให้พี่สะใภ้ทั้งสองดู พลางอธิบายว่า “ข้าบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าจะทำชาดทาหน้า และข้ากำลังออกแบบกล่องบรรจุชาดอยู่เจ้าค่ะ”
พี่สะใภ้ทั้งสองคนหยิบกระดาษวาดรูปขึ้นดูอย่างใกล้ชิด นี่มันเป็นกล่องบรรจุชาดอย่างนั้นหรือ?
มันแตกต่างจากกล่องที่เรียบง่ายธรรมดาทั่วไปที่เป็นเพียงกล่องไม้ขัดเงาเท่านั้น กล่องบรรจุชาดนี้ถูกวาดด้วยลวดลายอันวิจิตรงดงาม เป็นลวดลายที่พวกนางไม่เคยเห็นมาก่อน
พี่สะใภ้รองอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “หากมีของอยู่ในกล่องที่สวยงามเช่นนี้ แม้ว่ามันจะแพงสักเล็กน้อยข้าเองก็ยินดีที่จะซื้อมัน!”
ราคาเครื่องประทินโฉมหรือที่เรียกว่าชาดทาหน้าในยุคนี้ในไม่ใช่ของราคาถูก
พี่สะใภ้ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย นางคลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “อาซู เจ้ามีความคิดที่ดีนะ! ในหมู่บ้านมีช่างไม้ฝีมือดีอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะท่านปู่เหยาสามที่อยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เขาเป็นช่างแกะสลักที่ดีที่สุด เขาน่าจะทำกล่องนี้ได้ไม่ยาก อีกอย่างคนบ้านนอกอย่างเราใช้ความสามารถในการทำงาน ราคาไม่แพงนัก”
เมื่อเหยาซูได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งอก “อย่างนั้นวันหน้าคงต้องรบกวนพี่สะใภ้พาข้าไปพบกับท่านปู่เหยาสามเพื่ออธิบายขนาดกล่องให้ชัดเจนเสียหน่อยแล้ว”
สะใภ้ใหญ่ถือภาพวาดทั้งสองภาพของเหยาซูขึ้นดู ยิ่งมองดูก็ยิ่งชอบจึงกล่าวกับนางว่า “ระหว่างพี่น้องไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอก เมื่อเจ้าวาดเสร็จแล้วพวกเราจะไปหาเขาด้วยกัน!”
ทั้งสามคนปรึกษากันสักพัก ก่อนจะได้ยินเสียงซานเป่าร้องฮึดฮัดขึ้นมา เหยาซูจึงหันไปกล่อมลูกอีกครั้ง…
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ออกแบบแพคเกจจิ้งเรียบร้อย เหลือแค่ทำผลิตภัณฑ์แล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)