บทที่ 36 ยังรู้สึกไม่พอใจ
ในวันขึ้นปีใหม่เด็กแต่ละคนต่างสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ แต่ละคนถูกผู้ใหญ่จับแต่งตัวอย่างสนุกสนานราวกับพวกเขาเป็นตุ๊กตานำโชค
อีกทั้งนี่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกเขารอคอย ซึ่งก็คือการต้อนรับปีใหม่นั่นเอง
หลังจากผ่านพ้นปีใหม่ อาจื้อจะมีอายุเจ็ดขวบ ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เขาอยู่ที่ตระกูลเหยา ได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ อีกทั้งยังได้เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ทำให้ร่างกายที่เคยผอมแห้งของเขาค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้น
อาซือได้อยู่บ้านมากกว่าเมื่อก่อน เมื่อฤดูหนาวผ่านไป ร่างของเด็กน้อยก็เนียนนุ่มและขาวอวบดูน่ารัก
เด็กทั้งสองจูงมือกันสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงที่ผู้เป็นมารดาทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ท่านตา ท่านยายนั่งอยู่บนเก้าอี้ รอให้เด็ก ๆ คุกเข่าคำนับและเอ่ยสวัสดีปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย สวัสดีปีใหม่ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
เมื่อมองไปที่ท่าทางน่ารักของอาซือ แม่เฒ่าเหยาพลันนึกถึงตอนที่เหยาซูยังเป็นเด็ก รอยยิ้มในดวงตาของนางยิ่งชัดเจนกว่าเดิม
“สวัสดีปีใหม่ สวัสดีปีใหม่!”
พ่อเฒ่าเหยาหัวเราะ ยื่นซองสีแดงหนา ๆ ออกมาให้ทีละคนและพูดอบรมอีกสองสามประโยค
แม่เฒ่าเหยาเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “ก่อนหน้านี้ต้าเป่าบอกว่าฟันหน้าโยกแล้ว ตอนนี้จะกินอะไรได้อีกหรือ”
“ข้าให้เขากินเกี๊ยวเมื่อเช้านี้เจ้าค่ะ” เมื่อเหยาซูเดินเข้าประตูมาก็ได้ยินเสียงร้องถามของมารดา หลังจากตอบเสร็จก็พูดจาหยอกล้อว่า “ถึงว่าเขาเอาแต่กิน ตอนนี้ก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง พี่สะใภ้รองที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ฟันหน้าหลุดออกมาหนึ่งซี่ก็ไม่เป็นไร ต้าเป่าของพวกเรายังดูดีอยู่เลย”
พี่สะใภ้ใหญ่ก็ยิ้มเช่นกัน “จริงสิ เด็กทั้งสองคนเกิดมาเป็นเด็กดี ไร้เดียงสา ร่าเริงสดใส ใครบ้างเล่าจะไม่หลงรัก!”
ผู้ใหญ่ต่างคิดว่าการผลัดฟันของเด็กนั้นเป็นเรื่องปกติไม่มีอะไรน่าขำ แต่อาจื้อกลับรู้สึกหดหู่เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟันหน้าหลุดในวันขึ้นปีใหม่ ลูกพี่ลูกน้องของเขาทั้งสองคนยิ้มให้เขาตลอดช่วงเช้ายิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
หลังจากเด็ก ๆ สวัสดีปีใหม่เสร็จสิ้นแล้วก็ได้รับอั่งเปาก้อนโต หลานชายทั้งสองคนของตระกูลเหยาจึงพาน้องชายและน้องสาวออกไปเที่ยวเล่น
เมื่อเห็นท่าทางไม่มีความสุขของอาจื้อ ญาติผู้พี่ก็ปลอบใจเขา “แค่ฟันหลุดซี่เดียว ไม่ใช่ว่ามันจะไม่งอกขึ้นใหม่เสียหน่อย ดูสิ นี่คือฟันใหม่ของข้า พี่รองของเจ้าเองก็มีฟันใหม่โผล่ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ซึ่งฟันใหม่นี้มันสวยงามกว่าฟันเก่าอีก”
เด็กทั้งสองคนมีนิสัยร่าเริงเปิดปากให้น้องชายเห็นฟันใหม่ของพวกเขา ทว่าฟันหน้าที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ใหญ่กว่าฟันน้ำนมที่อยู่ข้าง ๆ อาจื้อยืนตกตะลึงอยู่สักครู่ ฟังดูน่าอึดอัดใจยิ่งนัก
อาจื้อเม้มปากแน่น ในใจเริ่มรู้สึกลนลาน
ในอนาคตฟันของเขาจะออกมาน่าเกลียดหรือไม่
อาซืออายุได้สี่ขวบหลังจากปีใหม่ นางฉลาดพอที่จะรู้ว่าสิ่งใดเรียกว่าอัปลักษณ์ เมื่อเด็กน้อยเห็นลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนเปิดฟันใหม่ให้ดู เผยให้เห็นฟันหน้าที่เหมือนฟันกระต่ายสองซี่ นางก็หัวเราะคิกคัก
…..
เด็กหลายคนออกไปจุดประทัดอย่างคึกคัก ในขณะที่ผู้ใหญ่นั่งรอบโต๊ะอยู่ในบ้าน
แม่เฒ่าเหยาเสนอให้เล่นไพ่และให้เรียกพี่สะใภ้ทั้งสองรวมทั้งเหยาซูมาร่วมด้วย
พ่อเฒ่าเหยา เหยาเฟิงและเหยาเฉา ได้ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับร้านผ้าในปีหน้า และงานในจวนของผู้ตรวจการ
ทว่าเหยาซูยังไม่ทันได้เล่น ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างนอก หัวใจของนางพลางบีบรัด และเกิดอาการตื่นตระหนก
เป็นแม่เฒ่าเหยาที่มีสายตาเฉียบคม เมื่อหญิงชราเห็นว่าอาซือวิ่งเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็ว นางก็รีบเอ่ยขึ้น “เกิดเหตุอันใดขึ้น เอ้อเป่าเข้ามานี่เร็ว!”
เพียงแค่เห็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อเช้าเต็มไปด้วยฝุ่นละออง หัวเข่าแตก ผมเผ้าที่ถูกถักเปียเอาไว้อย่างเรียบร้อยยุ่งเหยิง ดวงตาที่เคยเปล่งประกายมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เหยาซูก็รู้สึกปวดหัวใจ
นางรีบลุกขึ้นยืนเดินไปกอดอาซือไว้ในอ้อมแขน “เอ้อเป่า หกล้มหรือลูก? เจ็บตรงไหนหรือไม่?”
อาซือร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฮึก ไม่ใช่…ไม่ได้หกล้ม…พวกเขารังแกพี่ชาย รังแกพี่ใหญ่และพี่รอง เขาผลัก อาซือ ฮึก อีกทั้งยังตีพี่ชายอีกด้วย…”
พี่สะใภ้ใหญ่ทั้งตกใจทั้งโมโห “ญาติผู้พี่ของเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือ เด็กเหลือขอสองคนนั้นหายไปไหนแล้ว?”
แม้ว่าอาซืออายุยังน้อย ทว่านางก็สามารถเล่าเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน อาซือนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเหยาซูและร้องไห้อย่างโศกเศร้า “พี่ใหญ่ถูกคนจับเอาไว้ พวกเขากดพี่ชายลงกับพื้น… ท่านแม่รีบไปช่วยพี่ชายเร็ว ๆ เข้า!”
เมื่อได้ยินดังนั้นเหยาซูยิ่งร้อนใจ นางอุ้มอาซือเดินออกไปนอกประตู
ทว่ากลับถูกผู้เป็นมารดากลับเรียกนางเอาไว้ “อาซูเดี๋ยวก่อน!”
เหยาซูไม่เข้าใจจึงหันกลับไปถาม “มีอะไรหรือเจ้าคะท่านแม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของลูกสาว แม่เหยาก็รู้ว่านางไม่สามารถหยุดลูกสาวตัวเองได้ นางจึงพูดกับเหยาเฟิงว่า “เจ้าใหญ่ เจ้าตามไปช่วยเถิด คนประเภทนี้ควรเก็บกวาดออกไปจากหมู่บ้านตระกูลเหยา เจ้าเองก็ไปขู่พวกเขาสักหน่อย ทว่าอย่าลงมือจริง ๆ”
คนชรามักมีประสบการณ์มากและคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงต้นปีทีไรมักจะเกิดปัญหาขึ้นทุกที ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงการทะเลาะกันระหว่างเด็ก ๆ เหยาซูรักลูกชายของตนมาก จนเกรงว่านางจะเสียการควบคุมของตัวเองไป
เหยาซูเองก็เข้าใจความหมายของแม่เฒ่าเหยาเช่นกัน แต่ในใจของนางนั้นร้อนรนจนไม่ได้พูดอะไร นางพยักหน้าให้กับเหยาเฟิงและอุ้มอาซือวิ่งออกไปทันที
เมื่อเหยาเฉาเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนเพื่อจะตามออกไปทว่าพ่อเฒ่าเหยากลับหยุดเอาไว้ “ให้พี่ใหญ่ของเจ้าตามไปก็พอ เจ้าอยู่บ้านอย่าได้สร้างปัญหา”
พ่อเฒ่าเหยาย่อมรู้ดีว่าบุตรชายคนรองของเขานั้นมีนิสัยอย่างไร แม้จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าคนนอก แต่พ่อเฒ่าเหยารู้อยู่แล้วว่าหากเหยาเฉาออกไปเกรงว่าจะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น
เมื่อเหยาเฉาได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาก็นั่งลง แต่ในใจยังรู้สึกไม่พอใจ เรื่องของน้องสาวของเขาไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา!
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลูกหลานบ้านไหนรังแกน้อง ๆ คะ ให้พี่ใหญ่ไปไล่ตีเรียงตัวเลย
ไหหม่า(海馬)