ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 93 ข้าก็แซ่เหยาเหมือนกัน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 93 ข้าก็แซ่เหยาเหมือนกัน

หลินเหรากล่าวยืนยัน “เป็นเช่นนี้จริง ๆ”

เกวียนค่อย ๆ เคลื่อนมาถึงหน้าประตูเมืองชิงถง เหยาซูพลันนึกขึ้นได้ว่าด้านทิศตะวันออกของเมืองที่สูงตระหง่านแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทอดยาวไปถึงรังโจรภูเขา จึงเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้น

หมู่บ้านตระกูลเหยาอยู่ทางทิศใต้ของเมืองชิงถง ส่วนทางตอนเหนือของเมืองชิงถงเป็นพื้นที่ราบสุดลูกหูลูกตา ล้อมรอบด้วยเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกันของทิศตะวันตกและทิศเหนือ ที่เหลือเป็นถนนที่กว้างพอสมควร ส่วนด้านทิศตะวันออกก็คือถนนที่พาดผ่านเข้าสู่เมืองหลวง

นางพึมพำเบา ๆ “โชคดีที่เราไม่ได้อยู่ทิศตะวันออก…”

หลินเหราบังคับเกวียนให้ลดระดับความเร็วลง พลางหันไปตอบเหยาซูว่า “เรื่องนี้ยากที่จะพูด หากโจรภูเขากลุ่มนี้ขยายอำนาจยิ่งใหญ่ขึ้น เกรงว่าความทะเยอทะยานของพวกเขาก็คงมีไม่น้อย ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่เมืองหลวงเลย แม้แต่ทิศใต้ที่สงบสุขที่สุดของเมืองก็คงจะได้รับผลกระทบไปด้วย”

เหยาซูได้ยินก็พลันขมวดคิ้วแน่น

หญิงสาวจำเนื้อเรื่องต้นฉบับไม่ค่อยได้ ทว่าก็พอรู้ว่าพระเอกได้รับชัยชนะจากการปราบปรามโจรภูเขาหนึ่งครั้ง และค่อย ๆ ฉายแววออกมาเริ่มเข้าสู่เส้นทางผู้บังคับบัญชาการทหารของตนเอง

แต่เรื่องขั้นตอนการปราบปรามโจรจะโหดร้ายเพียงใด เขาจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ อันตรายที่พวกโจรภูเขาก่อขึ้นในเมืองชิงถง หรือแม้แต่เรื่องที่ว่าหมู่บ้านตระกูลเหยาจะได้รับผลกระทบหรือไม่นั้นล้วนเป็นเรื่องที่นางไม่อาจล่วงรู้ได้

“เมื่อเราย้ายเข้ามาในเมืองแล้ว คงจะให้พวกเด็ก ๆ ออกไปข้างนอกน้อยลง”

หลินเหราปลอบโยนนาง “ขอแค่ไม่ไปทิศตะวันออก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

ก็จริงอยู่ ในสมัยที่ความปลอดภัยยังไม่ได้รับการปกป้องโดยสมบูรณ์ เหยาซูย่อมต้องกลัวเป็นธรรมดา

นางเข้าใจวิธีการของโจรภูเขา แต่เมื่อคิดถึงชีวิตคนที่ต้องตายอย่างไม่คุ้มค่าด้วยคมมีดของผู้ร้ายเหล่านั้น เหยาซูก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วหัวใจ

เมื่อนึกถึงตอนที่หลินเหราต้องไปเผชิญหน้ากับโจรที่เหี้ยมโหดเหล่านั้น เหยาซูก็กระวนกระวายใจทันใด “ท่านเล่า… นอกจากแผนการสู้รบซึ่งเป็นความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้เหล่านี้แล้ว ข้าก็อยากรู้ทุกการเคลื่อนไหวของท่านด้วย”

หลินเหรามองไปทางเหยาซูด้วยความประหลาดใจ ราวกับไม่เข้าใจเหตุผลที่นางเอ่ยออกมา

เมื่อเหยาซูเห็นเขาไม่ใส่ใจเท่าใดนักจึงรู้สึกโกรธเคือง ก่อนจะยื่นมือออกไปหยิกเนื้อบนแผ่นหลังของหลินเหราอย่างแรง และแกล้งพูดเสียงเหี้ยมเกรียม “พูดในสิ่งที่ท่านคิดให้ข้าสบายใจมันยากนักหรืออย่างไร? ข้าไม่อยากเป็นหญิงม่ายอีกแล้ว ถึงตอนนั้นท่านตายไป วันต่อมาข้าจะหอบลูก ๆ ไปแต่งงานใหม่!”

ได้ยินคำพูดนี้หลินเหราก็ไม่สนใจเกวียนอีกต่อไป กระทั่งพลิกตัวมาข้างกายของเหยาซูพลางกล่าวเสียงเคร่งขรึม “เจ้ากล้างั้นหรือ!”

เหยาซูหัวเราะเย็นชา “ข้ามีสิ่งใดไม่กล้าเล่า? หญิงม่ายของวีรบุรุษผู้กล้า ได้รับความเคารพนับถืออย่างท่วมท้นเชียวนะ!”

หลินเหรารู้ว่าเหยาซูตั้งใจพูดยั่วโมโหเขา ทว่ากลับโกรธนางจนปวดไปถึงตับเลยทีเดียว “หากข้าตาย ย่อมต้องบอกคนข้างกายไว้ก่อนตายสิ ว่าไม่อนุญาตให้เจ้าแต่งงานใหม่ในภายภาคหน้า!”

เหยาซูได้ยินคำพูดรุนแรงแต่ไร้อำนาจคุกคามของเขา ซึ่งแท้จริงแล้วไม่มีความปรารถนาจะโต้เถียงสักนิด จึงกลอกตาไปมา “แล้วท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าข้างกายท่านจะมีใคร? อีกอย่างคนผู้นั้นจะมีชีวิตรอดหรือไม่? เกรงว่าคงมีแค่ทางเดียว คือบอกโจรภูเขากลุ่มนั้นไปว่าภรรยาของท่านแซ่อะไร ถึงตอนนั้นก็ให้พวกเขามาสะสางบัญชีกับข้าเองก็แล้วกัน….”

หลินเหราโกรธจนปวดหัวตุบ ชายหนุ่มมองไปรอบด้านพยายามหาเศษผ้าขาด ๆ บนเกวียนเพื่อที่จะยัดใส่ปากที่น่าโมโหนี้ของเหยาซู สุดท้ายก็หาไม่เจอทำได้แค่ใช้มือตนเองปิดปากผู้เป็นภรรยา

ถึงแม้เหยาซูถูกปิดปากไว้แต่ก็ยังส่งเสียงร้อง ‘อู้อี้’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

หลินเหราบังคับให้นางสงบลงก่อนจะคลายมือออก

เมื่อเป็นอิสระ เหยาซูกลับตะโกนออกมาทันใด “ไร้มารยาท—!”

หลินเหราตื่นตกใจปิดปากของเหยาซูใหม่อีกครั้งอย่างลนลาน

หญิงสาวกะพริบตาใส่เขา แสดงแววตาไร้เดียงสา

ในที่สุดหลินเหราก็สงบลง ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าวอย่างมั่นใจ “อาซู เจ้าตั้งใจ”

เหยาซูกะพริบตาอีกครั้งราวกับกำลังบอกว่า ‘หากข้าตั้งใจจริง ๆ แล้วท่านจะทำอะไรข้า?’

หลินเหราทอดถอนใจอย่างจนปัญญา มองไปรอบ ๆ ด้านอีกครั้ง เกวียนได้หยุดลงแล้ว โชคดีที่บริเวณโดยรอบไม่มีใครได้ยิน

เขากล่าวอย่างลังเล “เจ้าหยุดตะโกนเสีย ข้าจะเอามือออกแล้วเรามาพูดจากันดี ๆ ได้หรือไม่?”

เหยาซูพยักหน้า

มือขวาของหลินเหราค่อย ๆ คลายออก ราวกับเตรียมตัวไว้อย่างดี พร้อมจะปิดปากของนางใหม่ได้ทุกเมื่อ

“ข้าเห็นว่ารอบตัวไม่มีใครถึงได้กล้าตะโกนมั่วซั่วเช่นนี้… หากมันจะดึงดูดความสนใจผู้อื่น ข้ายังต้องเป็นกังวลอีกว่าจะอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างไร ถึงจะไม่ทำให้ท่านถูกจับติดคุก!”

หลินเหราจนปัญญาอย่างยิ่ง จึงได้แต่กล่าวประนีประนอม “ข้าชักจะกลัวเจ้าจริง ๆ แล้วสิ ต่อไปนี้เจ้าพูดอะไรย่อมเป็นเช่นนั้น ตกลงไหม?”

เหยาซูไม่ได้รู้สึกผิดกับการเล่นแง่ของตัวเองสักนิด ตรงกันข้ามกลับพูดอย่างมีเหตุผลฉะฉาน “หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ท่านจะรับปากข้าอย่างนั้นหรือ?”

ชายหนุ่มหมดคำพูดจริง ๆ

เหยาซูกล่าวอย่างจริงจัง “หลินเหรา หากเป็นเรื่องอื่น ท่านไม่ยอม ข้าย่อมไม่บังคับท่านอย่างแน่นอน แต่นี่มันกระทบถึงความปลอดภัยของตัวท่าน…”

เมื่อเห็นเขาเริ่มเม้มปาก หัวคิ้วยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก เหยาซูจึงขยับเข้าใกล้เขาเล็กน้อย ยื่นนิ้วหนึ่งออกไปแตะหัวคิ้วของฝ่ายชาย “ก็เหมือนที่ท่านพูด หากท่านตายไป ข้าหันกลับมาก็ลืมท่านแล้ว จากนั้นก็จะพาเด็ก ๆ ไปแต่งงานใหม่ ดังนั้นท่านห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

ปลายนิ้วของนางอบอุ่นมาก บางทีอาจเพราะซุกอยู่ในแขนเสื้ออย่างดีเมื่อครู่นอกจากความอบอุ่นแล้ว ยังนำมาซึ่งกลิ่นหอมที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวอีกด้วย

“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า” หลินเหรากล่าวเสียงแหบแห้ง “หากไม่ใช่เพราะพรุ่งนี้ข้าต้องไปปราบโจร เจ้าคงไม่คิดมากเช่นนี้”

“หลินเหรา! เหตุใดท่านถึงได้ดื้อเช่นนี้!”

เหยาซูเริ่มใช้นิ้วมือนวดคลายหัวคิ้วของเขา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงชิงชัง “ความปลอดภัยของท่านไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ! หากทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนั้น ท่านจะคิดถึงข้าและลูกบ้างหรือไม่? พรุ่งนี้ท่านต้องไปปราบโจรไม่ใช่หรือ หากไม่ใช่วันนี้ข้าถามท่านแล้วล่ะก็ ท่านคิดจะเอ่ยเรื่องที่ต้องไปปราบโจรให้ข้ารู้สักนิดหรือไม่เล่า?”

หลินเหรายอมรับผิดโดยไม่กล่าวสิ่งใด

เหยาซูต่อว่าเขาถี่ยิบเหมือนยิงกระสุน ทว่ามันกลับไม่ได้กระตุ้นความไม่พอใจของหลินเหราแต่อย่างใด ตรงกันข้ามในใจของเขายังสัมผัสได้ถึงความหวานล้ำที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตในสนามรบเสมอ บางครั้งก็เก็บกลับไปฝันกลางดึก คิดว่าคนในครอบครัวจะมีใครเป็นห่วงเขาหรือไม่ จะมีใครรู้สึกแย่เพราะบาดแผลของเขาหรือไม่ จะมีใครเสียใจเพราะการตายของเขาหรือไม่

ทว่าตอนนี้เขาได้เข้าใจความเป็นห่วงที่สัมผัสได้จากเหยาซู

เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง รู้สึกซาบซึ้งเป็นพิเศษ “อาซู ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า …ต่อไปข้าจะไม่ปิดบังเรื่องใด ๆ กับเจ้าอีกแล้ว”

นัยน์ตาของบุรุษผู้นี้ลึกล้ำและนิ่งสงบ ราวกับเมื่อมองเข้าไปแม้แต่จิตวิญญาณก็ถูกเขาดึงดูดจมหายลงสู่ทะเลลึกที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้

สีหน้าของเขาจริงจังยิ่ง แม้แต่รอยแผลเป็นบนหางคิ้วนั้นก็ยังเย้ายวนชวนให้หลงใหลเป็นพิเศษ

เหยาซูเลียริมฝีปาก รู้สึกปากแห้งโดยไม่รู้สาเหตุ

“ข้ากระหาย” นางได้ยินตัวเองพูดเช่นนี้

เมื่อพูดประโยคนี้จบ เหยาซูก็รู้สึกเสียใจทันที หัวใจเริ่มเต้นรัวเร็วดังราวกับจะทะลุออกมาจากหน้าอกตลอดเวลา

ความหงุดหงิดและความอึดอัดใจหลังจากได้รับการกระตุ้นได้ผุดขึ้นมาในหัวใจอย่างไม่หยุดยั้ง เหยาซูทุบศีรษะของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ‘พูดเหลวไหลอะไรของเราเนี่ย?!’

คาดไม่ถึงว่าหลินเหรากลับไร้เดียงสามากเพียงนี้ ไม่สังเกตเห็นถึงความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนี้สักนิด และยิ่งไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของเหยาซูด้วย

เมื่อเห็นนางหน้าแดง ยังคิดว่าเป็นเพราะตากแดดนานเกินไป

เขามองไปรอบ ๆ ด้านหนึ่งครั้งพลางกล่าวกับเหยาซูว่า “อดทนหน่อย อีกครึ่งชั่วยาม ก็ถึงร้านชาที่ใกล้ที่สุดในเมืองแล้ว”

เหยาซูหมดคำพูดทันใด หญิงสาวคิดเงียบ ๆ ในใจ ‘ตื่นสิ! กระหายของข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย!’

หลินเหราใช้หลังมือแตะใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเหยาซูอย่างเบามือและกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ข้าจะบังคับเกวียน ถึงร้านชาแล้วเจ้าก็พักเสียหน่อย หน้าแดงหมดแล้ว”

เหยาซูเบิกตาจ้องมองเขาที่กระโดดไปบนขอบไม้ของเกวียน และบังคับเกวียนเริ่มเดินทางต่อไปยังทิศทางของเมือง

ใบหน้าของนางยังคงคล้ายรับรู้ถึงสัมผัสมืออันเย็นยะเยือกของเขาที่แตะลงมาเมื่อครู่ พลางพึมพำเบา ๆ “พูดความจริงก็ไม่เข้าใจ เสแสร้งก็ไม่เข้าใจอีก ไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย”

หลินเหราจอดเกวียนไว้ที่เก่า จากนั้นก็พาเหยาซูเข้าไปในร้านน้ำชาอย่างที่กล่าวจริง ๆ ทว่ากลับถูกนางดึงแขนเสื้อไว้

“อย่าไปเลย… ท่านลืมเรื่องครั้งนั้นไปแล้วหรือ ที่เราทะเลาะกันในร้านน้ำชา?”

เมื่อหลินเหรานึกถึงนายอำเภอเหยาที่กระทำลามกอนาจาร ในใจก็พลันรู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที

เขาพลิกมือมาจับมือของเหยาซูพลางกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องครั้งที่แล้วข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว เราเข้าไปกันเถอะ”

เหยาซูถูกเขาดึงตัวไปในร้าน บางครั้งก็ตามอารมณ์ของผู้ชายไม่ทันจริง ๆ “จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ? หลายวันมานี้เราอยู่ด้วยกันตลอด ท่านเอาเวลาไหนไปจัดการกันเล่า?”

ชายหนุ่มตอบกลับอย่างจริงจัง ราวกับกลัวว่าจะปิดบังโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วจะเป็นการยั่วยุให้เหยาซูต้องโกรธเคืองอีก “หลังจากสั่งสอนคนแซ่เหยาเรียบร้อยในคราวนั้น ข้าก็ไปจวนตรวจการ…”

เหยาซูขมวดคิ้ว โพล่งตัดบทสนทนาของเขาทันที “อย่าเรียกชายชั่วช้าผู้นั้นว่าคนแซ่เหยา เพราะข้าก็แซ่เหยาเหมือนกัน”

……………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

/ลูบหน้า/ ท่านพ่อช่างเป็นผู้ชายแข็งกระด้างเหลือเกิน ไม่เข้าใจถึงความโรแมนติกเอาซะเลยยย แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเข้าใจขึ้นมา เดาว่าท่านแม่คงไม่น่ารอดเงื้อมมือชายผู้นี้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท