ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 243 นายท่านจะปกป้องตัวเองได้อย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 243 นายท่านจะปกป้องตัวเองได้อย่างไร?

บทที่ 243 นายท่านจะปกป้องตัวเองได้อย่างไร?

ฝูเซิงแก้มแดงระเรื่อ แอบอมยิ้มและเอ่ยว่า “เราสอบถามมาแล้ว คุณชายหลินได้รับความดีความชอบทางการทหารอยู่ในซีเป่ย และยังอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของท่านแม่ทัพ…อีกอย่าง คุณชายหลินก็ดูน่าเกรงขามมากด้วยเจ้าค่ะ”

ใครเล่าจะไม่ศรัทธาบุคคลอย่างท่านแม่ทัพใหญ่? แต่เมื่อได้เจอกันจริง ๆ นางกลับมีความขลาดกลัวอยู่ไม่น้อย

ฝูจู๋ก็พยักหน้าเช่นกัน ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “คุณชายเหยาก็ดูเหมือนบัณฑิตไม่น้อยเชียวนะเจ้าคะ”

เหยาเฉาส่ายหน้า และพูดว่า “หัวหน้าเซี่ยเองก็เป็นบัณฑิต”

ฝูเซิงและฝูจู๋โต้แย้งเขาอย่างพร้อมเพรียง “นายท่านของเราไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ!”

เหยาเฉาเคยคุยเล่นกับหญิงสาวทั้งสองอยู่ไม่น้อย จนรู้ว่าพวกนางสองคนนับถือเซี่ยเชียนเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงถือโอกาสถามว่า “อ่อ? เช่นนั้นแตกต่างอย่างไรเล่า?”

ดวงตาของฝูเซิงคู่นั้นเปล่งประกาย “นายท่านมีความสามารถทางด้านวรรณกรรม วาดภาพและคัดลายมือได้ เชี่ยวชาญด้านเครื่องดนตรี ขี่ม้ายิงธนูก็เป็นเลิศ อีกอย่าง ปีที่แล้วฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้นายท่านของเราเป็นผู้บัญชาการความปลอดภัยในวังหลวง องครักษ์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ล้วนถูกนายท่านของเราสวนกลับจนหน้าคว่ำ”

ฝูจู๋พูดเสริมว่า “คนที่หาเรื่องนายท่านของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญญาชนหรือทหาร ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายท่านทั้งสิ้น!”

เหยาเฉายืนฟังอย่างปลาบปลื้มใจอยู่ด้านข้าง

เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม นายท่านของพวกเจ้าเก่งทั้งบู๊และบุ๋น นายท่านของพวกเจ้าเป็นคนที่เก่งที่สุด”

เสื้อผ้าสีอ่อนขับสีผิวของเหยาเฉา ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูขาวเนียนดุจหยกมากขึ้น

ฝูเซิงและฝูจู๋ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จึงยิ้มอย่างเขินอาย

ฝูเซิงพูดชื่นชมว่า “คุณชายเหยาและคุณชายหลินก็สง่างามมากทีเดียว ได้ยินว่าคุณชายทั้งสองปราบโจรบนภูเขาแห่งหนึ่งได้! ทำเรื่องดีเพื่อราษฎรโดยแท้จริงเจ้าค่ะ”

เหยาเฉายิ้ม ลึก ๆ ในใจรู้สึกว่าคนรับใช้ในจวนเซี่ยเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่น่ารักไร้เดียงสา บางทีอาจเพราะผู้เป็นนายไม่ชอบการแย่งชิงผลประโยชน์กัน แม้แต่คนข้างกายก็ยังไม่ชอบแย่งชิง

เนื่องจากต้องเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสถานการณ์น่าอายเฉกเช่นการเข้าห้องน้ำ หลินเหราและเหยาเฉาทั้งสองคนล้วนแต่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

สาวใช้ทั้งสองคนเตรียมอาหารเช้าให้แก่เหยาเฉาแล้ว จากนั้นก็ยกขนมที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ จากห้องครัวในจวนจำนวนมากเข้ามาให้ และถอยออกไป

ปกติแล้วจวนเซี่ยมักจะเงียบสงบมาก เนื่องจากเซี่ยเชียนเป็นผู้ที่รักความสงบ แม้แต่เหล่าคนรับใช้ก็ไม่กล้าจะพูดคุยกันเสียงดัง

เหล่าสาวใช้ต่างก็มีอายุกันไม่มากนัก ยามคึกคักร่าเริง หลินเหราและคนอื่นเพิ่งจะมาถึงกันไม่พ้นวัน ก็มีเสียงหัวเราะดังสรวลเสเฮฮาขึ้นในจวนเซี่ยแล้ว

กระทั่งเซี่ยเชียนกลับมาถึงจวน ครั้นเห็นเหล่าคนรับใช้ย่างเดินอย่างเงียบเชียบ แต่ใบหน้ากลับแต้มไปด้วยรอยยิ้ม จึงไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไร

เด็กรับใช้ชายผู้ตาแหลมเห็นเขาพอดี จึงได้ขานเรียก “นายท่านกลับมาแล้ว!”

เซี่ยเชียนปรายตามอง และตอบเสียงเรียบ “อื้อ”

สายตาของเด็กรับใช้ชายสบเข้ากับดวงตาของเซี่ยเชียนพอดี จึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองได้กระทำในสิ่งที่ไม่สมควรเสียแล้ว ทว่าเรื่องที่คาดไม่ถึงก็คือนายท่านเซี่ยที่มักจะเย็นชาเสมอกลับโต้ตอบเขา

จู่ ๆ เด็กรับใช้ชายก็รู้สึกเหมือนได้รับการปลุกใจ รุดขึ้นหน้าและพูดเจื้อยแจ้ว “นายท่านเซี่ยขอรับ! เมื่อครู่มีพระราชโองการจากในวังมาส่งถึงที่นี่ คุณชายทั้งสองคนของเราต่างก็ได้เลื่อนขั้นเป็นองครักษ์ของฝ่าบาทขอรับ! ให้ตายเถอะ นี่มันเหนือความคาดหมายยิ่งนัก!”

แค่เสียงคนผู้เดียวก็ดังกระหึ่มจนเซี่ยเชียนต้องขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่อาจทนได้

ยามองค์จักรพรรดิร่างพระราชโองการนั้น เขาที่อยู่ข้างกายจะไม่รู้ได้อย่างไร? ถ้าวันนี้เซี่ยหมิงอยู่ในจวน จะไม่มีช่วงเวลาที่ไร้การควบคุมเช่นนี้แน่นอน

เซี่ยเชียนเอ่ยปากถามว่า “เซี่ยหมิงอยู่ไหน?”

เด็กรับใช้ชายผู้นั้นนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตอบกลับอย่างจริงจัง “พ่อบ้านหมิงออกไปข้างนอกขอรับ นายน้อยหลินและฝูลี่ก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน เพียงแต่ไม่ทราบว่าพ่อบ้านหมิงได้ไปพร้อมกับนายน้อยด้วยหรือไม่ ได้ยินว่านายน้อยหลินยัง…”

ครั้นอีกฝ่ายเห็นเขาเริ่มพูดจาไร้สาระอีกครั้ง จึงพยักหน้าบ่งบอกว่าตัวเองรับทราบแล้ว จากนั้นก็ย่างเท้าก้าวใหญ่ไปข้างหน้า หาที่สงบของตัวเอง

เด็กรับใช้ชายผู้นั้นยืนอยู่อีกด้าน หัวเราะมีความสุขดั่งคนโง่งม และดีใจที่วันนี้ผู้เป็นนายพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติกับเขา

เซี่ยเชียนเดินเข้าไปในลานบ้านก่อน จากนั้นก็ถอดชุดเฉาฝู [1] ออก เตรียมเสื้อผ้าหนึ่งชุด ฝูฉวีที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเห็นบาดแผลบนขาของผู้เป็นนาย จึงอดตกใจไม่ได้

“นายท่าน ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเจ้าคะ?”

เซี่ยเชียนพูดเสียงราบเรียบ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หยิบชุดจงอีสะอาดให้ข้าหนึ่งชุด”

เพื่อให้สะดวกต่อการรักษาและพันแผลเมื่อครู่ หมอหลวงได้กรีดขากางเกงบริเวณหัวเข่าจนเป็นช่องยาว เขาขมวดคิ้วแน่น ค่อนข้างไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองภายใต้ชุดคลุมยาวนี้

ฝูฉวีไม่รู้ว่าบาดแผลของเซี่ยเชียนเป็นอย่างไร ได้แต่วิ่งไปหยิบชุดจงอีสีขาวสะอาดหนึ่งชุดจากในตู้ และยื่นให้เซี่ยเชียน

นายท่านไม่ชอบให้ผู้อื่นสัมผัสตน ฝูฉวียืนอยู่ข้างกาย ดูเขาเปลี่ยนกางเกงและชุดจงอีเอง

ฝูฉวีเห็นนายท่านดั่งจันทราที่สุกสกาว บนหัวเข่าคู่นั้นถูกพันด้วยผ้าสีขาวที่หนาเตอะ ปลายผ้ามีคราบสีแดงซึมออกมาเล็กน้อย ตัวเองจึงอดตาแดงก่ำไม่ได้

บาดเจ็บตรงเข่า…หรือว่าไปยั่วโมโหฝ่าบาทก็เลยโดนลงโทษ?

นายท่านปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายฝ่าบาท เป็นสหายกษัตริย์ก็เหมือนเป็นสหายเสือ คิดว่ามันคงไม่ง่ายกระมัง?

ฝูฉวีจึงอดเกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์อยู่ลึก ๆ ไม่ได้

ถ้าเป็นเหมือนพ่อบ้านผู้นั้น ก็คงได้รับข่าวคราวจากในวังหลวง และติดต่อกับคนในวังหลวงให้จัดการ วางแผนเพื่อนายท่านได้…

เซี่ยเชียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสะอื้นเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง

เมื่อเขาหันกลับไปมอง กลับเห็นฝูฉวีดวงตาแดงก่ำกัดฟันแน่นพยายามกลั้นน้ำตาไว้

เซี่ยเชียนจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ฝูฉวี หากเจ้าไม่สบาย ก็ออกไปพักผ่อนเถอะ”

เขาไม่ค่อยพูดคุยกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดูถูกพวกนาง ปกติไม่ชอบพูด แค่ชอบอยู่สันโดษเท่านั้น

ฝูฉวีใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่รื้นออกมารอบดวงตา จากนั้นก็ส่ายหน้าและพูดว่า “ฝูฉวีไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

ครั้นได้ยินนางพูดเช่นนี้ เซี่ยเชียนจึงไม่ได้พูดมากนัก

หลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดคลุมเสร็จแล้ว ก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ครั้นเห็นว่ายังพอมีแสงสว่าง จึงตั้งใจจะไปฝึกเขียนตัวอักษรในห้องหนังสือ แล้วค่อยไปจัดการเรื่องราวชีวิตประจำวันในสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน

หลังจากที่ก้าวตรงไปยังห้องหนังสือได้ไม่นาน กลับได้ยินเสียงของเด็กรับใช้ชายวิ่งเข้ามาจากข้างนอก พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น “นายท่าน นายท่านขอรับ! มีคนจากในวังมาหา บอกว่าองค์จักรพรรดิได้รับบาดเจ็บจากลานประลองวันนี้! บอกให้นายท่านรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

เซี่ยเชียนตื่นตกใจมาก จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “คนผู้นั้นอยู่ที่ใด?”

เด็กรับใช้ชายบอกว่า “คือต๋ากงกง ตอนนี้อยู่หน้าประตู เร่งรัดนายท่านให้รีบไปขอรับ”

เมื่อเป็นเรื่องเร่งด่วน เซี่ยเชียนก็ไม่สนใจจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าวังแต่อย่างใด ออกคำสั่งให้เด็กรับใช้ชายไปเตรียมม้าของเขา จากนั้นสาวเท้าก้าวออกไปข้างนอกทันที

ฝูฉวีไล่ตามไปและพูดว่า “เข่าของนายท่านยังบาดเจ็บอยู่นี่เจ้าคะ! ขี่ม้าไม่ได้…”

เซี่ยเชียนส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ส่งคนไปตามหาเซี่ยหมิง”

ตอนนี้เซี่ยเชียนรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการฝ่ายองครักษ์ในวังหลวง หากองค์จักรพรรดิได้รับบาดเจ็บในวัง เขาจะต้องเป็นคนแรกที่ถูกไต่สวน

หากองค์จักรพรรดิได้รับบาดเจ็บ…เซี่ยเชียนจะต้องรับโทษ

ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะเป็นอย่างไร ขุนนางจะต้องโจมตีเซี่ยเชียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เซี่ยหมิงคุ้นเคยกับความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนของราชวงศ์เก่า ในวังมีเขาอยู่ จะต้องจัดการความยุ่งยากมากมายได้แน่

ฝูฉวีนั้นฉลาด ไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยเชียนชี้แจงก็รู้ถึงความหมายในคำพูดของเขา

ครั้นเกิดเรื่องกะทันหัน เซี่ยเชียนจึงให้นางไปตามหาเซี่ยหมิง และต้องด่วนที่สุดด้วย

นางกัดฟันพยักหน้าและพูดว่า “นายท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ ฝูฉวีจะทำให้ดีที่สุด”

เซี่ยเชียนไม่สนใจกฎระเบียบที่ว่าห้ามขี่ม้าในเมืองหลวงหากไม่มีศัตรู เขาขี่ม้าเข้าวังไปทันที

จวนเซี่ยเกิดความโกลาหลขึ้นยกใหญ่ คนรับใช้ที่ได้ยินข่าวก็ต่างพากันกระวนกระวายใจ ไม่รู้สถานการณ์ภายในวัง

ไม่รู้ว่านายท่านออกไปเช่นนี้ จะกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

หากตะกร้าไข่พลิกคว่ำจะมีฟองไข่โดยสมบูรณ์ได้อย่างไร? ถ้าเซี่ยเชียนเกิดเรื่อง เกรงว่าทุกคนในจวนก็คงจะประสบกับอันตรายไปตาม ๆ กัน

ฝูฉวีส่งคนสามคนออกไปตามหาเซี่ยหมิง เรียกคนรับใช้ในจวนทุกคนมารวมตัว และตะโกนเสียงดังว่า “ก่อนพ่อบ้านหมิงกลับมา ห้ามใครในจวนส่งข่าวออกไปข้างนอกเด็ดขาด! ปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคน ทำเรื่องของตัวเองไป!”

ตอนนี้พ่อบ้านดูแลจวนไม่อยู่ ตัวเองกลับควบคุมจิตใจที่กระวนกระวายนี้ไม่ได้เลย

ยามที่นายท่านอยู่ในวังก็หัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้ว ตำแหน่งในตอนนี้ล้วนแต่เป็นความประสงค์ของฝ่าบาท…หากครานี้เกิดเรื่องกับองค์จักรพรรดิขึ้นจริง ๆ นายท่านจะต้องเป็นเป้าหมายในการโจมตีของทุกคนแน่

แม้พระวรกายขององค์จักรพรรดิจะไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง แต่จะทรงเคืองขุ่นต่อนายท่านหรือไม่? ถ้าโดนลงโทษสถานหนัก ถึงตอนนั้นนายท่านจะปกป้องตัวเองอย่างไร?

ในสมองของฝูฉวีเกิดความคิดสับสนที่ตัดไม่ขาด พาให้จิตใจว้าวุ่นไปหมด สุดท้ายก็ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นความคิดหนึ่ง…

ถ้าครานี้นายท่านกลับมาในสภาพที่ไม่ร้ายแรง นางจะต้องคิดหาทางเข้าวัง

แม้ว่าตำแหน่งจะไม่สูง แต่ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไป จะต้องมีสักวันที่จะช่วยนายท่านได้…

……………………………………………………………………………………………….

*[1] เฉาฝู (朝服) เสื้อยศแบบเป็นทางการ (ภาพจาก https://baike.baidu.com/item/%E6%9C%9D%E6%9C%8D/5283363)

สารจากผู้แปล

เกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้อีกล่ะเนี่ย แล้วหัวหน้าเซี่ยจะกลายเป็นแพะไหม

ฝูฉวีดูเป็นห่วงใยนายท่านเซี่ยเหลือเกิน ลึก ๆ แล้วแอบชอบอยู่ไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท