ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 280 ต่อไปนางจะเผชิญหน้ากับหลินเหราอย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 280 ต่อไปนางจะเผชิญหน้ากับหลินเหราอย่างไร?

บทที่ 280 ต่อไปนางจะเผชิญหน้ากับหลินเหราอย่างไร?

ณ ศาลเจ้าหลักเมืองแถวชานเมือง

ที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีเหล่านักเดินทางมาแวะพักเป็นครั้งคราว แม้ว่ามันจะเสียเค้าโครงเดิมไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าทรุดโทรมมาก

อาซือและซานเป่านอนหลับอยู่บนฟางแห้งที่ไม่รู้ว่าเป็นของนักเดินทางคนไหน พวกเขายังคงหลับอยู่ในฝันหวาน

คนที่เฝ้าอยู่ข้างกาย คือเด็กหนุ่มร่างผอมผู้หนึ่ง

ไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นฉับพลันจากนอกศาลเจ้า เด็กหนุ่มหูผึ่งรอกระทั่งเห็นเงาคน จึงได้โล่งใจ

เขารุดหน้าเข้ามาต้อนรับผู้มาเยือน พลางเอ่ยถามอย่างกังวลว่า “พี่หยาง! เป็นอย่างไรบ้าง? คนผู้นั้นยอมจ่ายเงินมากขึ้นหรือไม่?”

ชายฉกรรจ์ที่ถูกเด็กหนุ่มเรียกขานว่า ‘พี่หยาง’ มีสีหน้าเคร่งเครียด พลางส่ายหน้า

เขากัดฟันกรอด ก่อนจะพ่นถ้อยคำหยาบคายออกมา “แม่นางน้อยผู้นั้นกลับกลอก ให้เราปล่อยตัว!”

เมื่อเด็กหนุ่มร่างผอมได้ยินดังนั้นก็หน้าถอดสี “ปล่อยตัว? ก่อนหน้านั้นบอกให้ไปลักพาตัวเด็ก ถ้าอยากได้เงินเพิ่ม …ไม่ง่ายเลยนะที่จะพาตัวออกมาทั้งที่ยังหลับเช่นนี้ ข้าอาจจะโดนคนในโรงเตี๊ยมเห็นหน้าได้! มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้แล้ว เราจะปล่อยตัวได้อย่างไรกัน?!”

พี่หยางมีสีหน้าเคร่งขรึม “ก็เพราะกลัวว่าเรื่องจะบานปลาย จนดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้นนี่แหละ! พวกขุนนางชั้นสูงเหล่านี้ เป็นพวกขี้ระแวงแต่ชอบทำตัวน่าเกรงขามทั้งสิ้น!”

ชายหนุ่มพูดอย่างใคร่สงสัย “คุณหนูผู้นั้นบอกให้เราสร้างปัญหาให้แก่แม่นางแซ่เหยาที่อยู่ในโรงเตี๊ยมฝูหลาย เราไม่ควรลักพาตัวเด็กออกมา…ทำแบบนี้กลับเป็นเราเองที่ลงจากหลังเสือไม่ได้”

แววตาเคร่งขรึมของพี่หยางได้มองไปยังเด็กสองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวบนฟางแห้งนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างกายของพวกเขา

ผ่านไปครู่เดียว เขาก็พูดกับเด็กหนุ่มว่า “หน้าตาของเด็กสองคนนี้ไม่เลวเลย สู้ขายไปเลยดีกว่า”

เด็กหนุ่มร่างผอมเกิดความลังเลอย่างชัดเจน “พี่หยาง เช่น…เช่นนี้มันไม่ดีเท่าไรกระมัง?”

ชายวัยกลางคนมีสีหน้าเคร่งขรึมลง พลางพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยากจะขายเด็กงั้นหรือ?! บัดนี้หน่วยคุ้มกันฉางเฟิงก็ล่มแล้ว เราสองคนต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ นังเด็กสาวนั้นไม่ยอมจ่ายเงินมากกว่านี้! วัน ๆ ได้กินแต่น้ำจืดชืด แม้แต่เหล้าสักอึกก็ไม่ได้ดื่ม…”

เขาพูดพลางปัดดินตามร่างกายด้วยความขุ่นเคือง “หญิงสาวผู้นั้นพึ่งพาไม่ได้จริง ๆ คิดจะใช้เงินอุดปากเราสองพี่น้อง แต่ก็ไม่ยอมให้มากขึ้น!”

เด็กหนุ่มไม่พูดสิ่งใด แม้ว่าสติปัญญาจะชื่นชมความคิดของพี่หยาง แต่เมื่อหันกลับไปมองเด็กที่กำลังนอนหลับปุ๋ยทั้งสองคน ไม่รู้เพราะเหตุใดในใจถึงได้นึกถึงน้องชายและน้องสาวครอบครัวที่ลาจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรขึ้นมา

กระทั่งได้ยินพี่หยางพูดว่า “รอให้นางจ่ายเงิน สู้เราพาเด็กสองคนนี้ไปขายดีกว่า ถึงตอนนั้นมีเงินแล้ว คิดว่าจะหนีออกจากเมืองหลวงก็คงไม่ยาก!”

เด็กหนุ่มได้แต่จนปัญญาในใจ

เขาละสายตากลับมา และมองพี่หยางพลางเอ่ยถามอย่างลังเล “พี่หยาง หญิงสาวผู้นั้นมาจากที่ใด? นางและหน่วยคุ้มกันของเรามีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน? เหตุใดถึงต้องจ่ายเงินให้เรา?”

พี่หยางไม่รู้มากนัก จึงไม่อยากเปิดเผยให้คนรอบตัวรู้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะแย่งหม้อข้าวของตัวเอง จึงโบกมือไปมาอย่างหมดความอดทน “คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ บอกไปเจ้าคงไม่อยากเจอหรอก!”

เขาด่าทอเป็นนานสองนาน ในที่สุดก็สงบสติอารมณ์ลงได้ และพูดกับเด็กหนุ่มว่า “ข้าจะออกไปตามหาคน เจ้าเฝ้าตัวนำโชคสองคนนี้ไว้ให้ดี”

เด็กหนุ่มร่างผอมลังเลเล็กน้อย “หากหญิงสาวแซ่เหยาผู้นั้นหาเจอ…”

พี่หยางโบกมือไปมาเหมือนกับไล่แมลงวันก็มิปาน “ผู้หญิงเพียงคนเดียว ไร้ความสามารถ หากไล่ตามมาถึงที่ก็จัดการสั่งสอนเสียก็สิ้นเรื่อง!”

เด็กหนุ่มจนปัญญา ทำได้แค่ตอบรับ

เมื่อพี่หยางเร่งฝีเท้าออกไปแล้ว เขาจึงได้นั่งลงข้าง ๆ ด้วยสีหน้าลังเลและกังวล

อีกด้านหนึ่ง ตู้เหิงกำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้หลังจวนตู้ ใบหน้าแสดงสีหน้าร้อนรนและไม่สบายใจ

อาซู่ที่รับใช้นางเห็นคุณหนูของตนมีท่าทีกระวนกระวายใจ จึงรุดขึ้นหน้ารินชาดอกไม้เพื่อดับร้อนหนึ่งแก้วให้แก่นาง พร้อมทั้งเอ่ยถามเสียงเบา “คุณหนู ท่านเป็นกังวลเรื่องฮูหยินใหญ่หรือเจ้าคะ?”

ฮูหยินใหญ่ตระกูลตู้ไม่โปรดปรานหลานสาวของลูกชายคนโต ทั่วทั้งจวนต่างรู้ดี

ถ้าเอ่ยถึงอดีตชาติ ในใจของตู้เหิงรู้สึกขมขื่นและโกรธเคืองไม่น้อย ชาตินี้ถือว่าชินชาไปแล้ว

นางดื่มชาดอกไม้หนึ่งอึก ส่ายหน้าและพูดว่า “ท่านย่าไม่ค่อยชอบข้า คาดหวังให้ข้าเข้าวังไปสืบข่าวคราว ทั้งจวนตู้ ต่อหน้าข้ามีเพียงแค่ท่านป้าที่ยอมพูดกับข้า”

อาซู่ยิ้ม “ถ้าคุณหนูคิดเช่นนี้ คงจะอยู่ในจวนได้อย่างสบายใจขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ”

ตู้เหิงยิ้ม ไม่พูดสิ่งใด

หากไม่ใช่เพราะเหตุผลของฮูหยินใหญ่ อาซู่คงเดาได้ในใจว่าที่วันนี้คุณหนูไม่สบอารมณ์ อาจจะเกี่ยวข้องกับคนที่มาหานางเมื่อช่วงเที่ยงวัน

หลายวันนี้อาซู่พยายามจะช่วยแบ่งเบาภาระเพื่อคุณหนู จึงอดเอ่ยปากพูดไม่ได้ “คุณหนู …วันนี้คนที่มาหาคุณหนู ได้ยินว่าเป็นคนในจวนฮูหยิน?”

ตู้เหิงเสียมารดาไปตั้งแต่วัยเยาว์ ความสัมพันธ์กับทางครอบครัวฝ่ายแม่จึงมีไม่มากนัก อาซู่รู้สึกประหลาดใจนานแล้ว หลายวันมานี้คนรับใช้ที่อ้างตนว่าเป็นคนของในจวนผู้นี้ มักจะมาหาคุณหนูอยู่บ่อยครั้ง

พลันได้ยินตู้เหิงพูดว่า “สิ่งใดไม่ควรถาม ก็อย่าถามมั่วซั่ว”

อาซูได้ยินดังนั้น จึงทำได้แค่หุบปาก

ตู้เหิงไล่อาซู่ออกไป ส่วนตัวเองก็นั่งดื่มชาเพียงลำพัง หัวคิ้วขมวดเป็นปม ในใจยังคงกระวนกระวายใจ

คนที่จัดการเรื่องให้นางมาจากหน่วยคุ้มกันฉางเฟิง เพราะบทละครที่นางต้องลงเล่นเองในเมืองชิงถงคราวที่แล้ว ทำให้ทั้งหน่วยคุ้มกันถูกขุดรากถอนโคน เหลือไว้เพียงแค่ชายแซ่หยางที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหน่วยคุ้มกัน และมักมาเรียกเงินอยู่บ่อยครั้ง

ตู้เหิงเองไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน จึงให้เงินเขาทุกวัน

เพียงแต่วันนี้ชายแซ่หยางมาหานางอีก ตู้เหิงจึงคิดจะให้เขาไปหาแม่นางแซ่เหยา แล้วสั่งสอนนาง… ใครจะไปคิดเล่าว่าคนผู้นั้นจะลักพาตัวลูกคนเล็กทั้งสองของหลินเหราออกมา?

เดิมทีนางแค่อยากให้เขาสร้างความเดือดร้อนให้เหยาซู … ไม่เคยคิดจะทำร้ายเด็ก

เด็กยังไร้เดียงสา หากทำร้ายจนบาดเจ็บ ต่อไปนางจะมีหน้าสู้หลินเหราได้อย่างไร?

ตู้เหิงนั่งไม่ติดอีกต่อไป และไม่มีอะไรมาช่วยแก้ไขได้ดีกว่านี้ ทำได้แค่รออย่างเงียบ ๆ ดีที่คนแซ่หยางผู้นี้ยังพอมีสติปัญญาบ้าง

ถ้าไม่ได้จริง ๆ นางก็ทำได้แค่ต้องไปหาคนที่โกหกนางเมื่อชาติที่แล้ว…

อีกด้านหนึ่ง เหยาซูยังคงเป็นกังวลอย่างมาก

นางยังคงสอบถามตำแหน่งที่ตั้งของศาลเจ้าหลักเมืองแถวชานเมือง สักพักก็จับชายกระโปรง วิ่งออกไปนอกเมือง

สภาพจิตใจในเวลานี้เต็มไปด้วยความกังวลและเคียดแค้น

อาซือและซานเป่ายังเด็ก…นางคลาดสายตาเพียงแวบเดียว เหตุใดถึงถูกคนลักพาตัวไปเสียได้!

เมื่อเหยาซูถามถึงตำแหน่งที่ตั้งของศาลเจ้าหลักเมืองอย่างชัดเจนแล้ว ก็วิ่งพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล

นางไม่สนว่าคนตรงหน้าจะมีจุดประสงค์อะไร อยากได้เงินหรือมีความแค้นต่อกัน ตอนนี้อาซือและซานเป่าอยู่ในมือของอีกฝ่าย นางจะให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บไม่ได้เด็ดขาด!

สมองของนางตอนนี้สับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นประตูใหญ่ของศาลเจ้าได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า

ในมือของเหยาซูถือปิ่นปักผมที่หลินเหราให้นางในวันนั้นแน่น ปลายแหลมกดอยู่บนมือตัวเองเบา ๆ

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผลักประตูบานใหญ่ที่ทั้งหนาและทรุดโทรมเข้าไป

………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อ้าวววว นังตู้ เป็นแกที่บงการเบื้องหลังจริง ๆ ด้วย อยากบุกจวนตู้มาลากตัวนางไปประจานกลางเมืองหลวงเหลือเกิน เอาให้ล่วงรู้ไปทั่วทั้งแคว้นต้าเหยียนเลย นังคุณหนูไร้ยางอาย! นังงูเหลือมขโมยไก่! ใช้แผนสกปรกทำร้ายภรรยาชาวบ้านเพื่อแย่งสามีเขา!

อีกใจก็อยากไปเป็นทัพเสริมให้อาซูเหลือเกิน บุกเดี่ยวแบบนั้นมันอันตรายเด้อ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท