บทที่ 313 ตู้เหิงพบเจอเหมิงฉิง
บทที่ 313 ตู้เหิงพบเจอเหมิงฉิง
ครั้นเมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสาม ก็เห็นพวกเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะแปดเซียน และไม่ได้มีเพียงลู่หัวคนเดียวดังที่นางคาดการณ์เอาไว้
หญิงสาวย่างก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้า เพื่อไปพบคนสองคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้า คำนับลู่หัวแล้วกล่าว “คุณชายลู่”
ลู่หัวคำนับคืน
เมื่อตู้เหิงเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทีที่จะเอ่ยแนะอีกฝ่ายให้รู้จัก นางจึงหันไปพยักหน้าเพื่อเป็นการทักทายชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างของคุณชายลู่
ใบหน้าของนางยังคงนิ่งสงบ และกล่าวกับลู่หัวว่า “วันนี้ที่คุณชายลู่เรียกข้าน้อยออกมาพบ มีเรื่องอันใดหรือ?”
ลู่หัวจ้องมองดวงตาที่สุกสกาวทั้งสองข้างของตู้เหิง เวลานั้นกลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา
ในอีกด้านหนึ่ง เขาตกหลุมรักกับรูปลักษณ์ที่เย็นชาและเยือกเย็นของตู้เหิง แต่ในอีกทางหนึ่ง เขาก็ต้องการที่จะโน้มน้าวนาง
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ทัศนคติที่ลู่หัวมีต่อตู้เหิงค่อย ๆ เปลี่ยนไป
“แม่นางตู้คงจะเดาไม่ออกสินะว่าวัตถุประสงค์ที่เรานัดพบกันในวันนี้คืออะไร”
เมื่อเห็นถึงความไม่แยแสในคำพูดของลู่หัว ในใจของตู้เหิงก็เกิดความรู้สึกเย้ยหยันขึ้นมา
นางเป็นภรรยาของเขาในชาติที่แล้ว หลังจากทั้งสองเคียงคู่กันมาหลายปี ตู้เหิงก็เข้าใจถึงความคิดของลู่หัว
แต่ทว่ากลับไม่สามารถคว้ากุมสิ่งที่ต้องการมาไว้ในกำมือได้ ถ้าได้มาจริง ๆ ชีวิตก็คงไร้รสชาติ
เวลานี้ตู้เหิงในสายตาของลู่หัวไม่ใช่สตรีสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงและเป็นที่ต้องการของผู้คนอีกต่อไป
แววตาของตู้เหิงคงไว้ซึ่งความเย็นชา นางเหลือบมองไปยังบุคคลที่สามบนโต๊ะและกล่าวกับเขาว่า “หากคุณชายลู่ไม่ได้ต้องการที่จะมาพูดเรื่องสัพเพเหระ เช่นนั้นแสดงว่าวันนี้คงจะมาพูดคุยกันเรื่องคดีของราชสำนักสินะเจ้าคะ”
เหมิงฉิงที่ไม่ได้กล่าวอะไรมาโดยตลอด หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “แม่นางตู้นี่ช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง ๆ ไม่ทราบว่าแม่นางรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของข้าหรือไม่”
ตู้เหิงตอบกลับ “ก็พอจะเดาออกเจ้าค่ะ”
เหมิงฉิงเลิกคิ้ว “โอ้ ถ้าอย่างนั้นแม่นางตู้ช่วยบอกข้าทีว่าข้าเป็นใคร”
เดิมทีเขาต้องการสะสางคดีนี้โดยเร็วที่สุด แต่กลับไม่คิดว่าแม่นางตู้จะน่าสนใจเช่นนี้ ไม่เหมือนกับข่าวลือที่ได้ยินมา…
ตู้เหิงไม่เคยพบเหมิงฉิงมาก่อนในชีวิต แต่กลับรู้เรื่องของเขาไม่น้อย ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่นางต้องมาในวันนี้
เรื่องที่เขาต้องการจะทำ ก็มีเพียงเเต่ตู้เหิงเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
ปัดความต้องการที่จะอยู่กับหลินเหราทิ้งไปเสีย นางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งก็เป็นเพราะการเสียสละของใครบางคน
ตู้เหิงกวาดสายตาไปรอบกายลู่หัว เมื่อเห็นเเววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความกังวล ก็เม้มฝีปากเย้ยหยัน
นางกวาดสายตาอันเยือกเย็นไปยังเหมิงฉิง “ในเมื่อท่านอ๋องน้อยก็อยู่ที่นี่ เหตุใดเราไม่เข้าเรื่องกันเลยเล่าเจ้าคะ”
เมื่อเหมิงฉิงเห็นตู้เหิงทราบเเล้วว่าเขาคือใคร เขาในตอนนี้ก็พลันรู้สึกสนใจในตัวนางขึ้นมา
“เช่นนั้นแม่นางตู้ลองพูดมาสิว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องคดีในวันนี้”
ตู้เหิงนั่งอยู่ด้านหน้าของเหมิงฉิง ท่าทางที่เป็นธรรมชาติราวกับว่าหัวข้อที่จะพูดคุยเป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพอากาศในวันนี้ “บิดาของข้าเคยบอกเกี่ยวกับคำให้การของโจวหลายที่ใต้เท้าเซี่ยถวายฎีกาต่อราชสำนักไม่ใช่เรื่องเท็จ”
เหมิงฉิงรู้สึกขบขันกับภาพลักษณ์ที่ดูนิ่งสงบของตู้เหิง ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวแล้วหัวเราะ “ดูเหมือนว่าแม่นางตู้ดูจะไม่ร้อนรนอะไร แสดงว่าตระกูลตู้ต้องหาทางปกป้องเจ้าใช่หรือไม่”
ก็แค่สตรีตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ดูท่าเขาคงจะคิดมากเกินไป
ตู้เหิงเงยหน้าขึ้น เห็นแววตาของเหมิงฉิงแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังเยาะเย้ยนาง
แววตาของตู้เหิงไร้ซึ่งความกังวล นางกล่าวออกมาอย่างสงบ “ท่านพ่อกล่าวว่าเมื่อคดีได้รับการยืนยันแล้ว เขาจะตัดสัมพันธ์พ่อลูกกับข้า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีตู้เหิงในตระกูลตู้อีก”
เมื่อลู่หัวได้ยินเช่นนี้ มือของเขาสั่นสะท้าน กระทั่งน้ำชาในจอกก็กระฉอกออกมาเกือบครึ่ง
แม้แต่เหมิงฉิงเองก็ยังแปลกใจเล็กน้อย
นางมีอายุเพียงเท่านี้ กลับมีความเด็ดเดี่ยวขนาดนี้เชียวหรือ
ลู่หัวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ถามขึ้นว่า “ตระกูลตู้ตัดสายสัมพันธ์กับเจ้าเช่นนี้ เรื่องนี้พระสนมรู้แล้วหรือไม่”
ตู้เหิงเห็นลู่หัวกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่ได้ตอบอะไรและยังถามขึ้นอีกว่า “หรือว่าข้าไม่ใช่คนในสายเลือดของตระกูลตู้ วันนี้ดูเหมือนว่าท่านเป็นกังวลใจที่ข้าจะถูกตัดสัมพันธ์กับครอบครัวเหลือเกิน”
ลู่หัวรู้สึกหมองมัวจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ทว่าเหมิงฉิงกลับหัวเราะ “แม่นางผู้นี้ช่างน่าสนใจเสียจริง ทั้งสดใสและงดงาม การที่ลู่หัวจะสนใจเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด”
การแต่งตัวของตู้เหิงในวันนี้ช่างดูเปล่งประกายเสียจริง ๆ
นางสวมชุดคลุมยาวสีเหลืองขนห่านประดับด้วยทับทิมห้อยระย้า ขับให้ท่วงท่าการก้าวเดินของนางดูสง่างามอ่อนช้อย สีผ้าคลุมหน้าสีแดงสดรับกับอัญมณีที่ประดับชุดทำให้ดวงหน้าขาวผุดผาดราวหิมะของนางดูน่ามองยิ่งขึ้น
ประกอบกับท่าทางที่ดูเย็นชา สงบ เยือกเย็น แม้แต่คนที่เคยเห็นสาวงามมามากมายอย่างเหมิงฉิง ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจนางขึ้นมา
เพียงแค่ตู้เหิงในปัจจุบันไม่ใช่สตรีที่มียศในระดับสูง นางจะได้รับความจริงใจจากเหมิงฉิงและลู่หัวได้อย่างไร
ชายหนุ่มพูดอย่างไร้ซึ่งความอาย “ไม่ใช่แค่อาหัว แม้แต่ตัวข้าเองก็ชื่นชมแม่นางตู้เป็นอย่างมาก… น่าเสียดายที่สตรีงามเช่นเจ้าต้องมาเกี่ยวข้องกับคดีนี้”
ตู้เหิงเป็นคนเฉลียวฉลาด เหตุใดจึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เหมิงฉิงกล่าว
สีหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ชื่นชมหรือไม่ชื่นชม ก็ยังมิอาจทราบได้”
ลู่หัวไม่ได้สนใจในคำตอบของตู้เหิง ทว่าเหมิงฉิงกลับแสดงท่าทีสนใจเป็นอย่างมาก
เขาขมวดคิ้ว
ไม่ใช่ท่านอ๋องน้อยหรือที่บอกเขาว่าหากยังอาลัยอาวรณ์ตู้เหิงอยู่ก็ให้ใช้แผนแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย และเลี้ยงนางไว้อย่างลับ ๆ
มองดูตอนนี้แล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะสนใจตู้เหิงขึ้นมา
เหมิงฉิงไม่ได้สนใจกับแววตาของลู่หัว ยังคงสนทนากับตู้เหิงด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “แม่นางตู้หมายความว่าอย่างไรที่ตระกูลตู้จะไม่คุ้มครองเจ้า เป็นไปได้ไหมว่าแม่นางตู้กำลังต้องการความช่วยเหลือ”
ตู้เหิงคลี่ยิ้มบาง “ท่านอ๋องน้อยสามารถปกป้องข้าได้”
เหมิงฉิงเห็นท่าทางของหญิงสาวก็นึกตะขิดตะขวงใจขึ้นมา จึงส่ายศีรษะและพูดว่า “ข้าจะไม่ทำกิจการที่ขาดทุน”
ลู่หัวที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วแน่นขึ้น เมื่อได้ประโยคสนทนาที่คลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ ความต้องการที่จะพูดของเขาก็หมดลง
โชคดีที่ประโยคต่อไปของตู้เหิงได้ทำลายความคลุมเครือระหว่างทั้งสองคนจนหมดสิ้น “ข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องน้อยกำลังทำเรื่องบางอย่างอยู่ และยังขาดเงินภาษีและอาวุธอีกมาก?”
สีหน้าของเหมิงฉิงเปลี่ยนไปทันที
ณ ตอนนี้ นอกจากจะก่อกบฏแล้ว จะทำอะไรได้อีกถึงต้องใช้เงินและอาวุธ
แต่ตู้เหิงรู้ได้อย่างไร
เขาลดสายตาลง เหลือบมองใบหน้าของลู่หัวอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมเจ้าจึงเอ่ยเช่นนี้” เหมิงฉิงถามอย่างเยือกเย็น
ตู้เหิงยิ้มเบา ๆ “ท่านอ๋องน้อยไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าข้าทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร จวนตระกูลตู้ก็ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ หรือว่าท่านอ๋องน้อยไม่อยากให้ข้ารับรู้เรื่องนี้ สถานการณ์ในตอนนี้จัดการได้ง่ายนัก”
สีหน้าของนางดูเฉยเมย แต่ภายในใจของเหมิงฉิงที่มองมาทางนางกลับมีจิตสังหารเกิดขึ้นในทันที
ลู่หัวไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “แม่นางตู้!”
ท้ายที่สุดเขาก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยตู้เหิง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ลู่หัวก็ไม่อยากให้ตู้เหิงพูดอะไรอีก
แต่ตู้เหิงก็เปลี่ยนเรื่องที่จะสนทนา สายตาเย็นชากำลังจ้องมองใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักของเหมิงฉิง และกล่าวว่า “การสังหารข้าเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับท่านอ๋อง แต่ถ้ามีคนรู้น้อยลงอีกหนึ่งคนจะเป็นอย่างไร เงินและอาวุธที่ท่านต้องการ ท่านมีแล้วหรือ?”
เหมิงฉิงเห็นนางกล่าวแบบนี้ก็ถามกลับว่า “ถ้าหากข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะได้เงินและอาวุธที่ข้าต้องการอย่างนั้นหรือ”
ตู้เหิงหัวเราะออกมาราวกับว่าเรื่องความเป็นความตายเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น “ถ้าเกิดว่าท่านอ๋องน้อยต้องการ ย่อมต้องมีอย่างแน่นอน”
เหมิงฉิงขมวดคิ้ว ความคิดที่ต้องการจะจัดการนางคนนี้ได้สลายหายไป เขาขยับริมฝีปากด้วยความสนใจ
……………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขึ้นหลังเสือแล้วจะลงไม่ได้อีกแล้วนะตู้เหิง นี่เท่ากับว่าเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการก่อกบฏเลยนะ โทษหนักกว่าเดิมอีก
ไหหม่า(海馬)