บทที่ 317 ตู้เหิงย้ายออกจากจวน
บทที่ 317 ตู้เหิงย้ายออกจากจวน
วันรุ่งขึ้น มีราชโองการให้เป็นไปตามคำตัดสินของเหมิงฉิง
ข้อกล่าวหาและความผิดทั้งหมดของตู้เหิงถูกโยนความผิดไปให้หญิงสาวของจวนตระกูลตู้ นางไม่ได้รับโอกาสที่จะโต้แย้งหรือแก้ตัว สุดท้ายก็ได้พระราชทานยาพิษลงไป
จวนตระกูลตู้ได้เกิดความโกลาหลอลหม่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
ภายในจวนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดของแม่ผู้ให้กำเนิดตู้หวู่
“นายท่าน! นายท่าน! ลูกของข้าทำอะไรผิดไปหรือ ทำไม…ลูกแม่!”
ตระกูลมารดาของตู้หวู่คือตระกูล ‘หวัง’ เป็นหลานสาวของฮูหยินใหญ่ และก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของตู้จง นับว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง นางจึงมีท่าทีที่สง่างาม ยามเอ่ยปากพูดก็ไม่เคยโหวกเหวกโวยวายเสียงดังมาก่อน
วันนี้กลับร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทรมาน ช่างแตกต่างจากนางในเมื่อก่อนที่จะพูดอย่างแผ่วเบาและเนิบช้า
ตู้จงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู เวลานี้เขาได้แต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่กล้าที่จะเดินเข้ามาหรือถอยออกไป
นั่นเป็นหญิงที่เขาชอบอย่างใจจริง สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ชายวัยกลางคนก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในเรือน “อาเนี่ยน.”
ใบหน้าของหวังอี๋เหนียงเปียกปอนไปทั้งน้ำตา นางไม่สนใจปิ่นปักผมหรืออาภรณ์อันงามงดของตัวเองอีกต่อไป ได้เเต่ร้องไห้ปานจะขาดใจ กระทั่งเริ่มหายใจไม่ออก
ตู้จงรีบไปประคองหญิงสาวขึ้นมา เรียกหญิงสาวด้วยชื่อของนางในวัยเด็ก “อาเนี่ยน เจ้านั่งก่อนเถอะ”
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในตอนเช้า ด้วยมีพระราชโองการมาจากพระราชวังให้ประหารชีวิตตู้หวู่ หนึ่งชีวิตที่สดใสก็ได้หายจากไปอย่างเงียบ ๆ
จนถึงตอนนี้ร่างที่ไร้วิญญาณของตู้หวู่ ก็ยังคงอยู่ในห้องของนาง
คนรับใช้ทั้งหมดในเรือนของอนุหวัง ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ท่าทีของพวกนางดูเหมือนจะตกตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ตู้จงที่มองอยู่รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก “พวกเจ้าตายกันไปหมดแล้วหรือ เห็นนายของพวกเจ้าเป็นแบบนี้ยังไม่รินชาให้อีก!”
สาวใช้ทั้งหมดเห็นตู้จงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก็แทบจะหลุดออกจากภวังค์ผงะถอยไปคนละก้าวสองก้าว แม้แต่คนที่ไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอะไรดี ก็ยังหาอะไรมาทำไม่ให้ตัวเองว่าง
หวังอี๋เหนียงซบอยู่ในอ้อมแขนของตู้จง หยดน้ำตาไหลรินลงอย่างไม่สิ้นสุดมาราวกับสร้อยลูกปัดที่สายขาด “นายท่านก็รู้ดีว่าตู้หวู่ของพวกเราเป็นเด็กที่กตัญญู ให้เกียรติผู้คนเสมอมา… นางไม่ใช่คนจิตใจเลวร้าย! นอกจากนี้ นางไปรู้จักคนรับใช้ของตระกูลโจวตั้งเเต่เมื่อไร นางจะรู้จักกับคนนอกได้อย่างไร ตู้หวู่ไม่ใช่คนที่จะสามารถฆ่าผู้อื่นได้ นายท่าน!”
ตู้จงนิ่งเงียบ ทำเพียงแค่ยื่นมือออกมาตบที่ไหล่ของหวังอี๋เหนียงเบา ๆ
หวังอี๋เหนียงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แม้ว่านางจะค่อนข้างมีอายุ แต่ก็ยังมีเสน่ห์มากกว่าลูกสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ทว่าผู้ใดได้เห็นสภาพของนางในตอนนี้ล้วนรู้สึกสงสาร
นางมองเข้าไปในดวงตาของขุนนางตู้ แล้วกล่าวทั้งน้ำตา “นายท่านตัดสินใจแทนลูกสาวของเรา”
ตู้จงกัดฟันแน่น ในที่สุดเขาก็ละสายตาไปทางอื่น แล้วพูดปลอบใจเบา ๆ “อาเนี่ยน นี่เป็นพระบัญชา มีหลายเรื่องที่พวกเราเองก็ไม่มีอำนาจทำอะไรได้”
หวังอี๋เหนียงทรุดตัวลงและร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า
“ลูกสาวข้าไม่อยู่แล้ว ลูกสาวข้าไม่อยู่แล้วจริง ๆ ใช่ไหม เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของตู้หวู่ ทำไมต้องเป็นนางด้วย… ”
เมื่อเห็นว่ายิ่งนางพูดมากเท่าไร นางก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น ตู้จงขมวดคิ้วและโบกมือส่งสัญญาณให้สาวใช้ส่วนตัวของนางพานางเข้าไปในห้อง
“นายท่าน หวังอี๋เหนียงไม่ยอมเดินเจ้าค่ะ”
ขุนนางตู้ข่มใจไว้ไม่ให้กล่าวอะไรออกมามากกว่านี้ ทำได้เพียงแค่กล่าวเบา ๆ “ตอนนี้เมื่อข้อกล่าวหาได้รับการตัดสินแล้ว เราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เจ้าจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย และส่งลูกสาวของเจ้าไปเสียเถอะ”
จากนั้นเขาก็บอกหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ นางว่า “ดูแลหวังอี๋เหนียงให้ดี ๆ อย่าให้นางพูดอะไรที่จะทำให้จิตใจของนางเจ็บปวด”
กล่าวจบเขาก็ได้จากไป
หวังอี๋เหนียงจับปลายแขนของตู้จงไว้แน่น สายตาของนางแสดงความไม่อยากเชื่อออกมา “นายท่าน หวู่เอ๋อร์ของเราจะตายไปอย่างเปล่าประโยชน์งั้นหรือ? ท่านเองก็รู้ว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด! นายท่าน…”
แขนของตู้จงถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา จนทำให้ไม่สามารถไปขยับเขยื้อนได้ชั่วขณะหนึ่ง หวังอี๋เหนียงที่โดยปกติแล้วดูเหมือนอ่อนแอ คาดไม่ถึงว่าจะมีเรี่ยวเเรงถึงเพียงนี้
เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ตระกูลตู้ของพวกเราไม่สามารถสูญเสียบุตรีได้อีกแล้ว”
ลมหายใจของหวังอี๋เหนียงกระตุกไปชั่วครู่ แรงบนเเขนของชายวัยกลางคนค่อย ๆ ผ่อนลง
ตู้จงหันศีรษะไปออกคำสั่งกับสาวใช้ แล้วก็รีบเดินออกไป
สาวใช้ประคองนางให้ลุกขึ้น และกล่าวเบา ๆ “หวังอี๋เหนียง เข้าห้องกันเถอะเจ้าค่ะ”
หวังอี๋เหนียงจิกเล็บเข้าเนื้อและสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ซึ่งทำให้อาการเวียนศีรษะของนางดีขึ้นมาบ้าง
นางไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไป ใบหน้าที่คราบน้ำตาเหือดแห้งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “แล้วตู้เหิงเล่า นายท่านไปรบกวนอะไรนางไหม”
สาวใช้แทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ “วันนี้เรือนคุณหนูตู้ไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ เลยเจ้าค่ะ…”
หวังอี๋เหนียงโกรธจนใจสั่น เมื่อนึกถึงร่างไร้วิญญาณของบุตรีที่นอนอยู่ในห้องก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที
หวังอี๋เหนียงกลั้นน้ำตาไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคียดแค้น “วันนั้นแม่ของนางก็บุกมาพังงานเเต่งของข้า วันนี้ก็ยังมาพรากลูกสาวไปจากข้า หวู่เอ๋อร์ของเเม่!”
สาวใช้รีบเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หวังอี๋เหนียงเบาเสียงหน่อยเจ้าค่ะ เดี๋ยวใครจะมาได้ยินเข้า”
ขณะที่สาวใช้ประคองหวังอี๋เหนียงเข้าไปในห้อง นางก็เอ่ยพูดอย่างคับแค้นใจว่า “ได้ยินแล้วมันจะเป็นอย่างไรเล่า คนในเรือนล้วนเป็นคนของข้า ครั้งหนึ่งเคยตีห่านไม่คิดว่าวันหนึ่งมันจะมาแว้งกัดตน ไม่รู้มาก่อนว่าตู้เหิงจะทำได้ขนาดนี้”
สาวใช้ได้แต่นิ่งเงียบ
ตู้หวู่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ไม่คิดว่าความเกลียดชังของหวังอี๋เหนียงที่มีต่อตู้เหิงจะมีมากถึงเพียงนี้ เกลียดจนอยากจะไปหาแล้วฆ่านางให้ตายตกไปเสีย
ตรงกันข้ามกับตู้เหิงที่ได้คาดการณ์ทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ในตอนที่ราชโองการประหารชีวิตตู้หวู่มาถึงจวนตระกูลตู้ ผ่านไปเพียงไม่นานตู้เหิงก็ได้พาแม่นมและอาซู่นั่งรถม้าออกจากจวนไป
ระหว่างทางที่จะมุ่งไปยังทิศตะวันตกของเมือง ตู้เหิงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน พลางคิดถึงหนทางข้างหน้า
อาซู่กล่าวอย่างเป็นกังวล “คุณหนู พวกเราออกมาแบบนี้ นายท่านจะไม่โกรธหรือเจ้าคะ”
แม่นมกล่าวเสียงเบา “ไม่ต้องคิดมากไป คุณหนูเตรียมการซื้อบ้านไว้แล้ว หวังอี๋เหนียงเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม อีกทั้งวันนี้ต้องมาสูญเสียลูกสาว ขืนคุณหนูอยู่ที่จวนตระกูลตู้ต่อคงจะถูกใช้อย่างทรมานเป็นแน่แท้”
อาซู่ลังเลที่จะพูดแต่สุดท้ายก็ปิดปากเงียบ
ตู้เหิงลืมตาขึ้น ดวงตาที่เปล่งประกายจ้องมองไปยังทั้งสองคนเเล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตอนนี้ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังดีที่มีร้านค้าที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ มันเพียงพอที่จะทำให้เราใช้ชีวิตที่เมืองหลวงได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ไม่ได้แล้วก็ตาม เราทั้งสามคนนายบ่าวไปใช้ชีวิตที่จ้วงจือน่าจะดีกว่า”
สิ่งที่นางวางแผนไว้ หญิงสาวเองก็ได้บอกกับผู้ติดตามทั้งสองคน อาซู่รับรู้แล้วก็พยักหน้า
แม่นมจึงกล่าวว่า “ครั้งก่อนที่คุณหนูเคยบอกจะทำการค้า เมื่อเรื่องการโยกย้ายที่อยู่ของเราลงตัวเเล้ว ยังต้องหาคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์สักสองสามคน วันข้างหน้าจะได้ทำอะไรได้สะดวกสบายมากขึ้น”
“อืม” ตู้เหิงตอบเบา ๆ ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งแล้วพูด “แม่นมไม่ต้องห่วง ในร้านมีเจ้าของร้านที่มีประสบการณ์ เมื่อเราหาที่ลงหลักปักฐานได้ เราค่อยหาวันว่างเข้าไปดู วันไหนที่ขายได้ดีเราก็เปิดวันนั้น วันไหนที่ขายไม่ได้เราก็ไม่ต้องเปิด”
แม่นมและอาซู่สบตากัน เมื่อทั้งคู่ได้รู้ว่าคุณหนูของตนมีแผนการที่วางไว้แล้วก็ค่อยสบายใจขึ้นมา
นายหญิงและคนรับใช้สามคนออกจากตระกูลตู้ การหาเลี้ยงตัวเองและทำการค้าคือสิ่งสำคัญที่รองลงมา
เรื่องที่สำคัญที่สุด คือจะเอาตัวรอดจากน้ำมือของเหมิงฉิงได้อย่างไร
ตู้เหิงวางแผนอย่างลับ ๆ ในใจ แต่เรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสภาพทางการเงินก็ขึ้นอยู่กับสมองของนาง หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ทำได้เพียงแค่กำมือแน่นเท่านั้น…
……………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตู้หวู่กลายเป็นแพะไปเสียแล้ว ระวังวิญญาณแค้นของน้องสาวตามไปหลอกหลอนเธอแล้วกันนังตู้เหิง ขอให้ทำมาค้าไม่ขึ้น ขายสิ่งใดก็ล่มจมเถอะ
ไหหม่า(海馬)