ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 396 เราต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 396 เราต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต

บทที่ 396 เราต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต

เด็กทั้งสามคนยังคงอยู่ที่สี่แยกใกล้ร้านขายผ้าจิ่นชิ่ว และทำตามแผนการเดิม

อาซือช่างชาญฉลาดนัก เด็กหญิงยังคงมองหาสตรีที่มีความเห็นอกเห็นใจ และดึงพวกพี่ชายทำเรื่องเมื่อสักครู่ซ้ำ ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็มีปฏิกิริยาเหมือนกัน

และเมื่อเห็นมีคนที่หลอกลวงได้ยากเดินเข้ามา เด็กหญิงตัวน้อยจะยืนอยู่ห่าง ๆ ในบริเวณถนนฝั่งตรงข้ามกับเหยาต้าหลางและเหยาเอ้อหลาง ปฏิเสธที่จะเข้าไป

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม อาซือก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว เด็กหญิงจึงเอ่ยกับพี่ชายทั้งสอง “พวกเราควรกลับได้แล้ว”

เหยาเอ้อหลางที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าแผนการน่าสนใจมากแค่ไหนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่อยากหยุด “อะไรนะ จะกลับกันแล้วหรือ? ฟ้ายังสว่างอยู่เลย”

เหยาต้าหลางเห็นท่าทางเช่นนี้ของน้องชายจึงกล่าวขึ้นอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เมื่อครู่ให้เจ้าพูด เจ้าก็พูดไม่ออก เหตุใดตอนนี้จึงแสดงขึ้นมาได้ เจ้าติดใจแล้วใช่หรือไม่เล่า?”

อาซือไม่ได้สนใจความปรารถนาที่จะเล่นสนุกต่อของพี่รอง จึงวิเคราะห์ว่า “ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงนี้มาหนึ่งชั่วยามแล้ว เราพูดเรื่องเดิม ๆ กับผู้คนประมาณยี่สิบคน ถ้าหากยังคงทำต่อไป คงยากที่จะหลีกเลี่ยงคนที่เป็นห่วงพวกเราเป็นพิเศษ ถ้าเขากลับมาช่วยพวกเรา เวลานั้นมันจะไม่จบลงด้วยดีแน่”

“อ๋อ” เหยาเอ้อหลางตอบกลับอย่างเสียใจ

อาซือตอบอย่างใจเย็น “พอนับเวลาดูแล้ว ถ้าเถ้าแก่ของร้านขายผ้าจิ่นชิ่วไม่ได้โง่เขลา ก็ควรจะมีคนตระหนักได้แล้วว่าวันนี้ลูกค้าเข้าร้านน้อยเป็นพิเศษ ถ้าอีกสักพักมีคนออกมาตรวจสอบสถานการณ์แล้วมาจับพวกเรา พี่รองมีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่?”

เหยาเอ้อหลางไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ ส่วนเหยาต้าหลางหันย้อนกลับไปมองร้านขายผ้าจิ่นชิ่ว แล้วกล่าวกับน้องรอง “เอ้อหลาง เชื่อในสิ่งที่อาซือพูด พวกเราไปกันเถอะ”

เด็กทั้งสามปรึกษากันต่ออีกสองสามประโยค ก่อนถือโอกาสในช่วงที่ไม่มีใครเห็นนำป้ายที่ติดอยู่บนกำแพงกลับบ้าน

เมื่อกลับถึงจวนตระกูลเหยา คนรับใช้ที่บ้านก็มาหาพวกเด็ก ๆ พอดี

เหยาต้าหลางและเหยาเอ้อหลางซ่อนอาซือไว้ข้างหลังเพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเห็น เด็กชายเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรหรือไม่?”

คนรับใช้ยิ้มและตอบกลับ “ฮูหยินเฒ่ารู้สึกกังวลที่ไม่เห็นคุณชายน้อยทั้งสองและคุณหนู จึงให้ข้ามาดูขอรับ”

เหยาเอ้อหลางแบะปาก “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว พวกเราโตกันแล้ว จะกังวลอะไรอีก หรือกลัวว่าพวกเราจะออกไปสร้างปัญหา…”

เหยาต้าหลางดึงเหยาเอ้อหลางไว้ เป็นการส่งสัญญาณว่าน้องชายพูดมากไปแล้ว ก่อนเอ่ยกับคนรับใช้ด้วยความเกรงใจ “พวกเราออกไปเดินเล่น และกำลังจะไปหาท่านยาย ลำบากเจ้าที่ต้องมาส่งข่าวและทำให้งานของเจ้าล่าช้า”

คนรับใช้โบกมือ กล่าวอีกสองสามประโยคแล้วจากไป

อาซือออกมาจากทางด้านหลังของพี่ทั้งสอง แล้วถอดผ้าคลุมหน้าออก เด็กหญิงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข้าจะไปอาบน้ำล้างตุ่มแดงออกจากตัวก่อน”

เหยาเอ้อหลางมองดูตุ่มแดง ๆ บนใบหน้าขาวบอบบางของอาซือ เด็กชายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “อาซือนั้นมีความสามารถเสียจริง…”

อาซือยิ้ม ทำให้เหยาเอ้อหลางรู้สึกชื่นชมนางจากก้นบึ้งของหัวใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น

เพื่อที่จะทำให้ผื่นบนร่างกายของตนนั้นดูสมจริงมากที่สุด เด็กหญิงจึงใช้ชาดของเหยาซูแต้มเป็นจำนวนมาก

เด็กหญิงบอกว่าผื่นนี้เป็นโรคติดต่อ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ทำให้รอดพ้นจากสายตาผู้คนไปได้

เพียงแต่ผื่นนั้นทำได้อย่างสมจริง เมื่อถึงคราวทำความสะอาดจึงต้องใช้แรงอย่างมากถึงจะสามารถชำระล้างออกได้

เด็กหญิงเอ่ยขึ้นเบา ๆ กับเอ้อหลาง “พี่รอง ข้ากลับก่อนนะ เดี๋ยวค่อยเจอกันใหม่ ตอนไปหาท่านยายอย่าลืมปกป้องข้านะ!”

พูดเสร็จเด็กหญิงก็ก้าวเท้าออกไป เหลือเพียงเหยาเอ้อหลางและเหยาต้าหลางที่สบตากัน ต่างก็ลังเลที่จะพูดออกมา

เหยาต้าหลางเห็นน้องชายเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ในที่สุดก็กลืนมันลงไป เด็กชายจึงอดที่จะถามไม่ได้ “อยากจะพูดอะไร? เหตุใดจึงตะกุกตะกักเช่นนี้”

เหยาเอ้อหลางถอนหายใจ เด็กชายพึมพำ “วันข้างหน้าข้าไม่กล้ายั่วโมโหอาซืออีกแล้ว ปกติทำไมถึงมองไม่ออก…ว่านางหัวแหลมเช่นนี้?”

ต้าหลางยื่นมือไปตบบ่าแล้วจ้องมองน้องชาย “พูดจาไร้สาระ อย่างเอ้อเป่าต้องเรียกว่าชาญฉลาด เจ้าคิดว่าใคร ๆ ก็ทึ่มทื่อรีบร้อนหาหนทางเหมือนเจ้าหรืออย่างไร?”

เหยาเอ้อหลางถูกพี่ชายตบจนเซ พอตั้งหลักได้จึงกล่าวขึ้น “ใครโง่? ใครรีบร้อน? ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้าและป้าใหญ่…”

ต้าหลางมองน้องชายไร้เหตุผลของตน จึงเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าโง่ แต่ปกติแล้วคนมักจะใช้สมอง แผนการของเอ้อเป่า เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

เอ้อหลางใช้สมองครุ่นคิด แล้วกล่าวอย่างเชื่อฟัง “ดีมาก”

ต้าหลวงเข้มงวดเพียงเพราะหวังว่าน้องของเขาจะดีขึ้น “ดีตรงไหน?”

เอ้อหลางพูดอย่างลังเล “เอ่อ…อาซือสามารถแสดงได้สมจริง ทำให้คนอื่นเชื่อนาง”

เหยาต้าหลางรู้ว่าเอ้อหลางยังไม่เข้าใจความหมายในสิ่งตนกล่าว เด็กชายจึงหยุดฝีเท้าใต้ต้นอู๋ถง ต้าหลางอยู่ยืนตรงข้ามน้องชาย เตรียมตัวที่จะพูดคุยกับญาติผู้น้องของตน

เด็กชายมีสีหน้าที่จริงจัง “เอ้อหลาง อายุของพวกเราอีกแค่เพียงสามสี่ปีก็สามารถเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้ว เจ้าคิดว่า ในวันข้างหน้าพวกเรายังจะเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่?”

เอ้อหลางมองดูลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “แล้วตอนนี้…มันเป็นอย่างไรเล่า?”

ต้าหลางและเอ้อหลางอายุห่างกันไม่มาก เดิมทีปกติแล้วแม้ว่าผู้พี่จะคอยดูแลเป็นส่วนใหญ่ แต่อันที่จริงแล้วจิตใจและอารมณ์ของพวกเขาล้วนเติบโตมาด้วยกัน

พวกเขาเติบโตขึ้นมาในโลกเล็ก ๆ ของตัวเอง ไม่เคยคิดจะกระโดดออกไป และก็ไม่เคยพบเห็นผู้อื่น

เหยาต้าหลางจ้องมองดวงตาของเอ้อหลาง เห็นความชัดเจนได้จากภายใน

แต่ความบริบูรณ์คือความเรียบง่ายที่ว่างเปล่า และความสุขคือจอกแหนล่องลอยไร้รากหยั่ง

เขาเอ่ยกับน้องชายที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกับตนเองอย่างจริงจัง “เอ้อหลาง พวกเราต่างก็โตแล้ว”

เอ้อหลางพยักหน้า “ข้ารู้ว่าพวกเราโตแล้ว แต่ว่าโตแล้วมันอย่างไร? มันจะไม่เหมือนเมื่อก่อนหรือ? ข้างนอกมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป…”

เมื่อเห็นการแสดงออกของลูกพี่ลูกน้องของตนจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงของเอ้อหลางก็ค่อยเบาลง

เด็กชายเองก็ไม่รู้ว่าเนื่องด้วยเหตุใด ภายในใจพลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

เด็กชายทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน จึงสามารถพูดกันได้ในทุกเรื่อง เอ้อหลางเกาศีรษะแล้วเอ่ยถามตรง ๆ “พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป?”

ดวงตาต้าหลางหรี่ลงเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอ้อหลาง เจ้าว่าโลกภายนอกไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง จริง ๆ แล้วมันเป็นเช่นนี้จริงหรือ?”

เหยาเอ้อหลางไม่เข้าใจเล็กน้อย “พี่ใหญ่ วันนี้พี่เป็นอะไรไปกันแน่?”

แสงอาทิตย์ในยามเย็นไม่ร้อนแรงเหมือนในตอนบ่ายอีกต่อไป แสงสีทองจากทางทิศตะวันตกสาดส่องลงมาโดยที่ต้นไม้ไม่อาจบดบังได้หมด มันสาดส่องลงมายังซีกหน้าครึ่งหนึ่งของต้าหลาง

เขาขมวดคิ้ว ทิ้งเงาเล็ก ๆ ไว้บนใบหน้าอีกครึ่งหนึ่ง “บางทีอาจเป็นเพราะท่านแม่ของข้าตั้งครรภ์…เอ้อหลาง เจ้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งหรือไม่? ชีวิตน้อย ๆ กำลังจะมาถึง นั่นคือชีวิตที่พวกเราสองพี่น้องต้องปกป้อง แต่พวกเราจะปกป้องไหวไหม?”

เหยาเอ้อหลางรู้สึกมึนงงเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนกับว่าต้าหลางเติบโตขึ้นอย่างกะทันหัน

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พวกเขายังขึ้นไปบนหลังคาเพื่อปูกระเบื้องมุงหลังคาและวางประทัดให้ทั่วหมู่บ้านด้วยกันอยู่เลย นี่เพิ่งจะหน้าร้อนเอง ทำไมลูกพี่ลูกน้องของเขาถึงไม่ใช่คนเดียวกันกับเมื่อก่อนแล้ว

แสงอาทิตย์ยามเย็นในฤดูร้อนยังคงสาดจ้า จนเอ้อหลางแทบไม่อาจลืมตาสู้แสงได้ เวลานั้นเด็กชายไม่มีคำพูดอะไรจะกล่าว นอกจากว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านขายผ้าวันนี้ ไม่ใช่ความผิดของพี่…”

ดวงตาของเด็กชายหรี่ลงครึ่งหนึ่ง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะมองท่าทางของเหยาต้าหลางภายใต้แสงแดด แก้มนุ่ม ๆ ของเด็กน้อยถูกแสงอาทิตย์ตกกระทบจนเผยให้ทุกอณูที่ละเอียดอ่อนบนใบหน้า เมื่อคนข้าง ๆ มองมาก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งความงดงามที่แสนสงบ

เหยาต้าหลางยิ้มและลูบศีรษะน้องชายของตนเบา ๆ คิ้วที่ขมวดบนใบหน้าค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เด็กชายเอ่ยขึ้น “เอาละ ไม่คุยเรื่องพวกนี้กับเจ้าแล้ว เอ้อหลางที่เป็นเช่นนี้มาตลอด ก็ดีเหมือนกัน”

…………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เหมือนต้าหลางรู้สึกได้ว่าตัวเองต้องเติบโตแล้วยังไงไม่รู้ พอเห็นแม่มีน้องอีกคนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่คนโตต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ในขณะที่เอ้อหลางยังไม่รู้สึกถึงหน้าที่นี้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท