ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 415 ซีเป่ยได้รับชัยชนะกลับมา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 415 ซีเป่ยได้รับชัยชนะกลับมา

บทที่ 415 ซีเป่ยได้รับชัยชนะกลับมา

ดูเหมือนว่ามือทั้งสองข้างที่บีบเกร็งจนสะเทือนถึงหัวใจในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้หยุดชะงักลงฉับพลัน ทำให้เหยาซูได้รู้สึกผ่อนคลายจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ซีเป่ยได้รับชัยชนะ…” นางไม่สนใจกาน้ำชาที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่บนพื้น เพราะมัวแต่นึกถึงประโยคเพียงไม่กี่คำที่วนเวียนอยู่ในใจ

ใบหน้าของอาซือแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่! ชัยชนะของซีเป่ยลือกระฉ่อนไปทั่วเมือง อีกไม่นานท่านพ่อก็น่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้เจ้าค่ะ!”

เหยาซูดึงสติกลับมาอย่างฉับพลัน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แพรวพราวของลูกสาว กลับรู้สึกตะขิดตะขวงใจไปชั่วขณะ

ซีเป่ยได้รับชัยชนะ หลินเหราจะกลับมาอย่างปลอดภัยใช่หรือไม่?

หากเขาปลอดภัยมาตลอด เหตุใดถึงไม่เคยเขียนจดหมายกลับบ้านเลย?

แต่แววปิติยินดีบนใบหน้าของอาซือนั้นเปล่งประกายชัดนัก เหยาซูจึงหมดปัญญาที่จะเอ่ยความกังวลของตัวเองออกมา พยายามบังคับตัวเองให้นึกถึงในด้านดี ๆ

นางส่งยิ้มให้กับลูกสาว แล้วพูดว่า “เป็นข่าวดีจริง ๆ วันนี้เจ้ากับเถิงเอ๋อจับปลาได้เต็มถังพอดี เช่นนั้นมื้อเที่ยงเรามาฉลองกันหน่อย”

อาซือรีบพยักหน้าหงึกหงัก

นางนำปลาในถังเดินเข้าไปในครัวภายใต้คำสั่งของเหยาซูด้วยความดีใจ ทั้งยังเรียกคนรับใช้มาเก็บกวาดเศษกระเบื้องจากกาน้ำชาที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นให้สะอาด ระหว่างนั้นก็พูดกับเหยาซูและเถิงเอ๋อว่า “นึ่ง ทอดน้ำแดง แล้วก็ต้มน้ำแกง! ปลาหนึ่งถังของเรา ขืนทำตามนี้คงไม่พอ…”

เหยาซูยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดในฤดูใบไม้ร่วง นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นครึ่งหนึ่ง และความเย็นสบายครึ่งหนึ่งทั่วทั้งร่างกาย ระหว่างนั้นก็ก่อเกิดความคิดสองอย่างวนเวียนอยู่ในหัวใจ ไม่สามารถตัดสินใจได้

อาซือมัวแต่ดีใจ จึงไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของผู้เป็นแม่ ทว่าเถิงเอ๋อนั้นค่อนข้างละเอียดอ่อน เขาสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเหยาซูดูไม่ปกติ ตั้งแต่ที่นางทำกาน้ำชาตกแตกแล้ว

เด็กชายรอให้อาซือวิ่งไกลออกไป จากนั้นก็มองเหยาซูและเอ่ยถามว่า “ซีเป่ยได้รับชัยชนะ เดิมทีควรเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ท่าทางของท่านอาซูกลับไม่ได้ดีใจเพียงนั้น มีเรื่องอะไรในใจใช่หรือไม่ขอรับ?”

ครั้นอาซือไม่อยู่ รอยยิ้มที่เหยาซูพยายามฝืนมาตลอดก็ค่อย ๆ จางลง

ตอนนี้เจี่ยงเถิงมีรูปร่างสูงกว่าอาจื้อหนึ่งเท่า และมีท่าทางของเด็กที่ดูโตกว่า เหยาซูจึงเชื่อใจเขา รู้ว่าเถิงเอ๋อจะไม่มีวันพูดมั่วซั่วจนทำให้อาซือไม่สบายใจ จึงได้เอ่ยปาก “ซีเป่ยได้รับชัยชนะก็จริง แต่…”

นางขมวดคิ้ว นัยน์ตาดอกท้อที่ปกติจะมีแต่ความอบอุ่น บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกังวลใจ

เถิงเอ๋อชื่นชอบอาซือ และยังได้รับความกรุณาจากเหยาซูที่คอยดูแลเอาใจใส่มานานถึงเพียงนี้ ในใจเขาก็เห็นเหยาซูเป็นแม่ของตัวเองอีกคน ครั้นเห็นนางมีท่าทีไม่สบายใจ เถิงเอ๋อจึงอดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจไปด้วย

เขารู้ปมในใจของเหยาซู จึงทำได้แค่ปลอบใจด้วยเสียงเบา “ท่านอาซูอย่ากังวลไปเลยขอรับ ข่าวดีของซีเป่ยในตอนนี้ต่างลือมาถึงเมืองหลวงแล้ว ข่าวของท่านอาหลินจะต้องมาถึงอย่างแน่นอนขอรับ”

เหยาซูถอนหายใจอย่างโล่งอกเบา ๆ และจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แต่แสงแดดในฤดูสารทกลับไม่สามารถทำให้ความหดหู่ที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของนางจางหายไปได้

นางไม่รู้ว่ากำลังถามเถิงเอ๋อหรือถามตัวเองกันแน่ “ถ้าหากไม่มีข่าวคราวกลับมาเลยเล่า?”

เดิมทีเจี่ยงเถิงไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับหลินเหรา แต่ครั้นนึกถึงอาการป่วยของเหยาซูที่เรื้อรังมาหนึ่งเดือนเต็ม กอปรกับสีหน้ายามได้ยินข่าวดีในตอนนี้ในใจก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้คร่าว ๆ

ถ้าจะให้เขาเดาจริง ๆ น่าจะเป็นเพราะท่านอาหลินเงียบหาย ซึ่งเรื่องนี้จะให้อาซือรู้ไม่ได้

เด็กหญิงเฝ้ารอให้ผู้เป็นพ่อกลับมาหลายเดือนแล้ว แล้วเขาจะทนเห็นนางผิดหวังได้อย่างไร?

เถิงเอ๋อมองเข้าในดวงตาคู่นั้นของเหยาซู แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ท่านอาซู ข้าเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ไม่มีข่าวคราว ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุด’ มาก่อน ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รับข่าวร้ายจากท่านอาหลิน นั่นถือว่าเป็นข่าวดีแล้วนะขอรับ”

เหยาซูฝืนยิ้ม และนั่งกลับลงไปบนม้านั่งหินอ่อนอีกครั้ง

นางนวดคลายปมคิ้ว พลางพูดกับเถิงเอ๋อว่า “เจ้าเป็นเด็กฉลาด น่าจะเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น….พ่อของอาซือขาดการติดต่อมาหนึ่งเดือนกว่า จวนเซี่ยส่งข่าวมาว่า เขาติดอยู่ในค่ายศัตรู ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด ตอนนี้ซีเป่ยได้รับชัยชนะแต่กลับไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด”

เสียงของเหยาซูแผ่วลงมาก และแฝงไปด้วยความแหบแห้ง ราวกับคนป่วยที่นอนติดเตียงมาเป็นเวลานาน และกำลังพูดคุยถึงเรื่องอาการป่วยของตัวเองกับคนข้างกายที่เป็นห่วงตน

เถิงเอ๋อคุกเข่าลงตรงหน้าของเหยาซู กุมมือของเหยาซูไว้อย่างแผ่วเบา เหมือนกับที่มารดามักจะปลอบโยนตนอยู่เสมอ “ท่านอาซูเหนื่อยมากแล้ว อย่าคิดมากเลยขอรับ ท่านอาหลินเป็นคนดีย่อมได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนขอรับ”

เหยาซูส่งยิ้มให้กับเถิงเอ๋อ แล้วพยักหน้า “หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด”

ข่าวชัยชนะของซีเป่ยได้กราบทูลรายงานต่อจักรพรรดิในช่วงเช้าวันนี้

กองทัพทหารของซีเป่ยถล่มค่ายศัตรูจนพังพินาศ ไม่เพียงแต่ขับไล่ไกลออกไปสามร้อยลี้ ทั้งยังยึดเอาด่านที่ถูกศัตรูครอบครองมานานหลายปีกลับมาคืนมาได้สำเร็จ

หลังจากข่าวชัยชนะย่อมเป็นการเฉลิมฉลอง

องค์จักรพรรดิไม่ใช่ผู้ปกครองใจแคบที่ไม่เห็นหัวของเหล่าขุนนางและราษฎรแต่อย่างใด ยามพระราชทานบำเหน็จความชอบไม่เพียงแต่จะเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งแล้ว ยังสรรเสริญด้วยแก้วแหวนเงินทองอีกด้วย ให้เหล่าทหารวีรบุรุษผู้กล้าที่ต้องทนตกระกำลำบากอยู่ ณ ชายแดนได้รับในสิ่งที่ตัวเองสมควรจะได้

ยิ่งเจียงหนิงไม่ต้องพูดถึง ในค่ายทหารซีเป่ย นอกจากเขาแล้ว คนที่น่ายกย่องชื่นชมที่สุดคือหลินเหรา จากองครักษ์รักษาพระองค์ ก้าวกระโดดไปเป็นแม่ทัพลำดับที่ห้าของเวยหยวน

ซีเป่ยจึงได้รับชัยชนะกลับมา

เหล่าขุนนางประจำการตั้งแต่เช้าตรู่ ใบหน้าของทุกคนต่างมีสีหน้าแช่มชื่น เมื่อผู้เป็นนายและข้าราชบริพารได้ยินข่าวชัยชนะจากชายแดน พาให้ต้าเยี่ยนรู้สึกภาคภูมิใจ

เสนาบดีสองสามคนในศาลต้าหลี่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเหยาเฉาและหลินเหรา ทุกคนต่างมาร่วมแสดงความยินดี

“ใต้เท้าเหยา ยินดีด้วย ยินดีด้วย! ตอนนี้ใต้เท้าหลินเป็นทั้งแขนซ้ายและแขนขวาของทัพ ทั้งยังได้รับขนานนามว่าท่านแม่ทัพแห่งเวยหยวน และเป็นทหารผู้กล้าหาญของราชสำนักโดยแท้จริง! สมแล้วที่เป็นน้องเขยของใต้เท้าเหยา!”

“นั่นน่ะสิ! ใต้เท้าเหยาและใต้เท้าหลินเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ด้านบุ๋นก็สามารถจัดการปัญหาทุกข์ยากนอกราชสำนักให้กับองค์จักรพรรดิได้ ส่วนด้านบู๊ก็ออกประจำการ ณ ชายแดนแทนพระองค์ได้ ต้าเยี่ยนของเรามีใต้เท้าทั้งสองท่าน จะไม่สบายใจได้อย่างไรเล่า?”

เดิมทีเหยาเฉากำลังสืบคดีอยู่ในศาลต้าหลี่ จู่ ๆ ก็ได้รับความยินดีจากทุกคนเสียยกใหญ่ หลังจากที่รับฟังมาตลอดครึ่งวัน ผู้อื่นจึงได้อธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ซีเป่ยได้รับชัยชนะกลับมา ฝ่าบาทจึงทรงพระราชทานรางวัลให้แก่หลินหรา ด้วยการเลื่อนยศของเขาให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพอันดับห้าแห่งเวยหยวน

แต่อักษรทุกตัวของจดหมายในมือของเหยาซูต่างปรากฎขึ้นมาในสมองของเหยาเฉาเมื่อสองสามวันก่อน จนตอนนี้ซีเป่ยได้รับชัยชนะกลับมาแล้ว กลับไม่เคยได้ยินข่าวคราวที่บ่งบอกว่าหลินเหราปลอดภัยแต่อย่างใด

ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับน้องเขยกันแน่?

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเหราได้สร้างผลงานความดีความชอบ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพ คนกลุ่มนี้จะมาแสดงความยินดีกับเขาเพื่ออะไร? หนึ่งในห้าคนนี้ มาจากหลายฝักหลายฝ่าย ต่างมาเพื่อสอบถามข่าวคราวหรือ

เหยาเฉากลัดกลุ้มอยู่ในใจ แต่กลับข่มอารมณ์ไว้เนื่องต้องใช้ความคิดในการรับมือกับพวกเขา

เขาจึงทำได้แค่คลี่ยิ้ม แล้วหัวเราะไปพร้อมกับทุกคน “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงจากใต้เท้าทุกท่าน ขอบคุณความเป็นห่วงของใต้เท้าทุกท่านจริง ๆ! ข้าและอาเหรายังอ่อนประสบการณ์นัก ต้องรบกวนใต้เท้าทุกท่านคอยชี้แนะด้วย”

ฝ่ายขุนนางที่ปกติไม่ค่อยจะลงรอยกับเหยาเฉาสักเท่าไร มักจะพูดจาเหน็บแนมยั่วโมโหเหยาเฉาอยู่บ่อยครั้ง หน้าไว้หลังหลอก ในใจด่าเหยาเฉาสารพัดอย่าง แต่ใบหน้ากับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าเหยาก็ถ่อมตัวเกินไป เห็นชัดว่าใต้เท้าทั้งสองยังหนุ่มยิ่งนัก อนาคตยังอีกยาวไกล! มีใต้เท้าหลินช่วยเป็นแรงให้กับใต้เท้าเหยาอยู่ในกองทัพ อีกไม่นานใต้เท้าเหยาจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอัครเสนาบดีของศาลต้าหลี่อย่างแน่นอน อีกไม่นาน!”

ตอนนี้ตำแหน่งอัครเสนาบดีแห่งศาลต้าหลี่มีผู้ครอบครองถึงสองคน หากเหยาเฉาอยากจะเลื่อนขั้น จะต้องเบียดอีกคนลงมา

เมื่อเขาโพล่งคำเหล่านี้ออกมา ต่อให้เป็นคนไร้สมองเพียงใดก็รู้ว่ามีเจตนาไม่ดี

เพียงแต่ทุกคนกลับไม่เข้าใจเจตนาร้ายในคำพูดเหล่านั้น จึงพากันพยักหน้าตอบรับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เหยาเฉามองไปทางคนผู้นั้นแวบหนึ่ง วันนี้เขาตั้งใจจะกลับเร็ว ไม่อยากเสวนาพาทีกับอีกฝ่าย แค่พูดเสียงราบเรียบว่า “มิบังอาจ อัครเสนาบดีทั้งสองทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เป็นแบบอย่างที่ดีให้ชนรุ่นหลังอย่างข้าได้ศึกษา ข้าน้อยยังห่างไกลมากโขขอรับ”

คนผู้นั้นเห็นเหยาเฉาไม่อยากเสวนาต่อ แม้กระทั่งใบหน้าก็ยังไม่แสดงสีหน้าเป็นกังวล จึงได้แต่ขบขันอยู่ในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไปมากนัก

ผู้คนต่างปรองดองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พากันมาประจบประแจงราวครึ่งวัน เหยาเฉาได้แต่พยักหน้าน้อมรับไม่กี่ประโยค ทั้งยังให้สัญญาว่าหลังจากที่หลินเหราเคลื่อนทัพกลับมาพร้อมกับชัยชนะแล้วจะเรียกรวมตัวกับทุกคนอีกครั้ง ครั้นเสร็จแล้วก็ผละตัวออกมาได้ในที่สุด

เพราะซีเป่ยได้รับชัยชนะกลับมา เหยาเฉาจึงต้องทิ้งคดีความที่อยู่ในมือไว้ก่อน แล้วตรงปรี่กลับบ้าน

ครั้นกลับมาถึงจวนเหยาไม่นาน ก็ถามถึงเหยาซูทันที แต่กลับได้ยินคนรับใช้บอกว่านางไปจวนเซี่ย

ความเป็นกังวลภายในใจของเหยาเฉาเพิ่มเป็นทวีคูณ

ถ้าหลินเหรากลับมาอย่างปลอดภัยจริง ๆ อาซูจะไม่มีทางวิ่งไปหาใต้เท้าเซี่ยอย่างร้อนใจเช่นนี้

ไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งนั้นเกิดอะไรขึ้น

…………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

พอเห็นสองคนนี้ได้รับความดีความชอบหน่อยนี่กระดิกหางกันใหญ่เลยน้า

พี่เหราอยู่ที่จวนเซี่ยแน่เลย แต่กลับมาในสภาพไหนกันนะ ขอให้ไม่เป็นไรเถอะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท