บทที่ 416 เหยาซูกระวนกระวายใจ
บทที่ 416 เหยาซูกระวนกระวายใจ
เมื่อเหยาซูได้รับข่าวคราวจากเด็กรับใช้ที่เซี่ยเชียนส่งมาให้ นางก็ตรงไปที่จวนอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหมิงรู้ว่าเหยาซูต้องมา จึงบอกกล่าวกับทหารเฝ้าประตูล่วงหน้า ครั้นเห็นรถม้าของเหยาซูจึงรีบรุดออกไปต้อนรับทันที
เมื่อเหยาซูลงจากรถม้า เซี่ยหมิงก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยิน ไม่เจอกันนาน อาการป่วยของฮูหยินดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”
เห็นได้ชัดว่าฤดูสารทไม่เย็นมากนัก แต่เหยาซูกลับสวมเสื้อคลุมเพราะรีบร้อนออกมา ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางจึงทาเพียงชาดบางเบาหนึ่งชั้น ทำให้สีหน้าของตัวเองไม่ได้ดูแย่มากนัก
แม้ว่าในใจของนางจะร้อนใจ แต่ใบหน้ายังคงรักษามารยาทไว้ ด้วยการยิ้มบางพร้อมกับพยักหน้าให้กับเซี่ยหมิง “ขอบคุณพ่อบ้านเซี่ยหมิงที่เป็นห่วง ข้าดีขึ้นมากแล้ว”
เซี่ยหมิงพาเหยาซูเดินเข้าไปในจวน ระหว่างนั้นก็ชวนนางคุยถึงซานเป่า “ตอนนี้นายน้อยเรียกชื่อได้แล้วนะขอรับ คำง่าย ๆ ก็พูดได้แล้ว หนึ่งเดือนกว่าที่ฮูหยินป่วยก่อนหน้านั้น ไม่ค่อยมาอุ้มนายน้อยกลับจวน ไหน ๆ วันนี้ฮูหยินก็มาถึงที่แล้ว ไปดูพัฒนาการของเขาหน่อยนะขอรับ”
ที่เหยาซูมาถึงที่วันนี้ ก็ตั้งใจจะมาเยี่ยมซานเป่าส่วนหนึ่ง แต่ข่าวที่เซี่ยเชียนส่งมาทำให้นางไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร
นางเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านน้าอยู่ในจวนหรือ? ข้าอยากไปพบท่านน้าก่อน แล้วค่อยไปหาซานเป่า”
เซี่ยหมิงหยุดชะงักไปก่อนจะส่ายหน้าและพูดว่า “นายท่านถูกฝ่าบาทเรียกตัว คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะกลับขอรับ”
เซี่ยเชียนกระทำสิ่งใดย่อมมีเหตุผลเสมอ ไม่มีทางปล่อยให้เหยาซูต้องรอเช่นนี้แน่นอน
วันนี้เขาตั้งใจส่งข่าวไปจวนเหยาให้นางมาคุยที่จวนเซี่ย คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องด่วน
เรื่องด่วนอะไรที่เกี่ยวข้องกับนาง?
หญิงสาวคิดวกวนอยู่หลายตลบ สุดท้ายก็มีแค่เรื่องของหลินเหรา
เพียงแต่เรื่องที่หลินเหราถูกล้อม เซี่ยเชียนได้ออกคำสั่งห้ามแพร่งพราย ตอนนี้ด้านนอกยังลือไปทั่วว่าจักรพรรดิมีรับสั่งให้หลินเหราเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพเวยหยวน
ตกลงความจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่? ตอนนี้หลินเหราอยู่ที่ใด? เขาจะเข้าเมืองพร้อมกับกองทัพซีเป่ยที่หอบเอาชัยชนะกลับมาใช่หรือไม่?
ในท้องของเหยาซูเต็มไปด้วยคำถามและความกระวนกระวายใจ ยิ่งไม่เห็นเซี่ยเชียน ก็ยิ่งหาคำตอบไม่ได้
นางทำได้แค่เดินตามเซี่ยหมิงไปจวนด้านหลังเพื่อไปหาซานเป่า
ทันทีที่ย่างเท้าก้าวพ้นประตูจวนหลัง เหยาซูก็เห็นดอกเบญจมาศในฤดูสารทเบ่งบานสะพรั่งอยู่ในลานบ้าน แล้วก็มีฝูหยา ฝูลี่สาวใช้อีกสองสามคนต่างล้อมรอบซานเป่าเจ้าเนื้อนั้นไว้
ครั้นซานเป่าได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็ตื่นเต้นทันใด จากนั้นก็พุ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับขานเรียก “ท่าน ท่านแม่!”
เหล่าสาวรับใช้จึงเพิ่งพบว่ามีคนมา
ครั้นเหยาซูเห็นรอยยิ้มลูกชายคนเล็ก ก็อดคลี่ยิ้มไม่ได้
ไม่รอให้นางเดินเข้าใกล้ ซานเป่าก็วิ่งเตาะแตะเข้ามาถึงตัวแล้ว วิ่งไปพลางยื่นแขนทั้งสองข้างออกเหมือนจะให้อุ้ม ส่วนปากก็พร่ำเรียก “ท่านแม่ ท่านแม่!”
เหยาซูโน้มตัวลงอุ้มซานเป่าเข้ามาในอ้อมกอด จังหวะนั้นจึงสัมผัสได้ถึงความหนักบนแขน
นางยิ้มพลางหอมแก้มของเด็กตัวน้อยและพูดกับเขาว่า “ซานเป่าหนักไม่เบาเชียว แม่จะอุ้มไม่ไหวแล้ว”
ตอนนี้ซานเป่าอายุได้ขวบครึ่งแล้ว คนรอบตัวต่างก็พูดกันว่าเขาเชื่อฟังมาก
บางทีอาจเพราะไม่ได้เจอผู้เป็นแม่มาหนึ่งเดือน แขนทั้งสองข้างของเด็กทารกได้โอบรอบคอของเหยาซูไว้ ส่วนปากก็เอาแต่ส่งเสียงอ้อแอ้ที่คนรอบข้างก็ฟังไม่เข้าใจทว่าแสดงจุดประสงค์ชัดเจน
ฝูหยาเดิมตามเข้ามาหาเหยาซู จากนั้นก็แสดงความเคารพนาง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายน้อยไม่ยอมจากฮูหยินเลยเจ้าค่ะ”
เดิมทีเหยาซูมีอารมณ์เศร้าหมอง ทว่ายามได้เจอซานเป่าอารมณ์เหล่านั้นจึงลดลงไม่น้อย ใบหน้าของนางแต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะพูดกับซานเป่าว่า “ได้ ๆ แม่จะอุ้มซานเป่า ไม่จากเจ้าไปไหนแล้วดีหรือไม่?”
เดือนนี้ซานเป่าโตขึ้นไม่น้อย ดวงตาสีดำขลับดุจนิลคู่นั้นทั้งกลมโตทั้งเปล่งประกาย ยามมองคนรอบตัวอย่างจริงจัง ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในสายน้ำใสสะอาดที่เย็นชุ่มฉ่ำ
สะอาด โปร่งใส ไม่มีความหดหู่และเศร้าหมอง
ครั้นเด็กชายได้ยินความหมายของเหยาซู ความตื่นเต้นที่ได้เจอกับผู้เป็นแม่เมื่อครู่ก็ค่อย ๆ สงบลงในที่สุด สุ้มเสียงในปากยังแฝงไปด้วยความหมายเป็นนัยยะ “ท่านแม่ ดอกไม้ ดอกไม้ ดู!”
เขาชี้ไปยังดอกเบญจมาศในลานบ้าน ส่งสัญญาณให้เหยาซูอุ้มตนไป
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เหยาซูก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าในพุ่มดอกเบญจมาศที่ปลูกในลานบ้านนั้น ยังมีพันธุ์อื่นที่มีมูลค่าอีกมากมาย
ดอกเบญจมาศขาว ดอกเบญจมาศเหลือง และก็ดอกเบญจมาศชมพูที่หาได้ยากยิ่ง ข้างนอกขายได้เป็นร้อยตำลึง ตอนนี้กลับถูกนำมาปลูกผสมปนเปอยู่ด้วยกัน มีกลีบดอกร่วงโรยกระจายอยู่บนพื้น ทันทีที่เห็นก็รู้ว่าเป็นฝีมือของซานเป่า
เหยาซูตบก้นของเด็กทารกในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา พลางเอ่ยตำหนิ “ดอกไม้อันงดงาม ถูกเจ้าทำลายใช่หรือไม่?”
ซานเป่าไม่เข้าใจคำพูดของผู้เป็นแม่ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความรักใคร่บางอย่างจากน้ำเสียง ได้แต่คลี่ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันซี่เล็กเหมือนเม็ดข้าวให้กับเหยาซู
ฝูลี่ทำความเคารพเหยาซูอย่างสุภาพ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเผยให้เห็นลักยิ้มจาง ๆ ขึ้นบนแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะพูดกับเหยาซูว่า “ดอกไม้เหล่านี้เป็นสิ่งที่นายท่านนำมาให้คุณชายน้อยเล่น จะถูกทำลายไปบ้าง ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
เหล่าสาวใช้ที่เฝ้าดูแลซานเป่าก็พากันพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
แล้วก็ยังมีคนรับใช้พูดเสริมว่า “ปกติคุณชายน้อยจะเชื่อฟังมาก และไม่รบกวนเลยเจ้าค่ะ”
เหยาซูรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนรับใช้ของจวนเซี่ยรักซานเป่ามาก กลัวนางผู้เป็นแม่จะลงโทษลูกชาย
แต่ซานเป่าเพิ่งจะอายุได้ขวบเศษ ย่อมไม่รู้มูลค่าของดอกไม้เหล่านี้อยู่แล้ว นางจะโทษเขาที่ทำลายข้าวของได้อย่างไร?
นางส่งยิ้มปลอบใจให้กับทุกคน แล้วพูดว่า “ลำบากพวกเจ้าแย่แล้ว ขอบคุณที่ดูแลซานเป่าอย่างดี”
เหล่าสาวใช้พากันส่ายหน้า ได้แต่พร่ำบอกว่า ‘มิกล้า’
ซานเป่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัว เขาไม่ได้เจอเหยาซูมานานมากแล้ว จึงแทบจะโยนความรู้สึกทั้งหมดที่มีใส่ร่างของเหยาซู พยายามดึงแขนเสื้อของเหยาซูดึงดูดความสนใจของนาง
“ท่านแม่ ดอกไม้!”
เหยาซูคล้อยตามความหมายของลูกชาย อุ้มซานเป่าไปชื่นชมดอกเบญจมาศที่ถูกเขาทำลายจนระเกะระกะอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดกับลูกชายด้วยรอยยิ้มว่า “งดงามมาก แม่เห็นแล้ว ซานเป่าชอบ ใช่หรือไม่?”
ดวงตาที่ดูสุกสกาวคู่นั้นของซานเป่ากะพริบ เหมือนกำลังครุ่นคิดความหมายของเหยาซู สุดท้ายก็อ้าปากตอบกลับด้วยเสียงอันสดใส “ชอบ”
ฝูลี่ที่อยู่ด้านข้างได้พูดขึ้นด้วยความดีใจ “คุณชายน้อยของเราเรียนรู้ได้อีกหนึ่งคำแล้ว! ดูท่าฮูหยินจะมีอิทธิพลมากยามอยู่ใกล้คุณชาย เราสอนกันตั้งนาน คุณชายน้อยไม่เคยสนใจ…”
เหยาซูอุ้มซานเป่าไว้ตลอด ตอนนี้เขาตัวหนักขึ้น ไม่นานแขนก็เริ่มปวด แต่นางกลับยังไม่อยากปล่อยตัวเขาลง
ทั้งยังพาซานเป่าเดินวนอยู่ในจวนหลังอีกพักใหญ่ พูดคุยกับเขาอยู่เนิ่นนาน กระทั่งเห็นเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาจากจวนหน้า พุ่งเข้ามาหาเหยาซูและพูดว่า “ฮูหยิน นายท่านกลับมาแล้ว เชิญฮูหยินทางนี้ขอรับ”
ความผ่อนคลายของเหยาซูยามได้อยู่กับลูกชายหยุดชะงักทันใด
ในที่สุดเซี่ยเชียนก็กลับถึงจวนเสียที แต่จู่ ๆ เหยาซูกลับไม่อยากไปพบเขา
ถ้าสิ่งที่จะบอกไม่ใช่ข่าวดี นางจะทำอย่างไร?
บรรดาสาวใช้ไม่รู้ว่านายท่านของตัวเองและเหยาซูจะคุยสิ่งใดกัน แค่พูดด้วยความเข้าใจว่า “ฮูหยินจะไปเรือนด้านหน้าใช่หรือไม่เจ้าคะ? ประเดี๋ยวเราดูแลคุณชายน้อยต่อเองเจ้าค่ะ”
เหยาซูดึงสติกลับมาจากความกระวนกระวายใจและความลังเล
นางส่งซานเป่าให้กับฝูหยา และพูดกับลูกชายว่า “ซานเป่า เจ้าเล่นกับตัวเองไปก่อนนะ ประเดี๋ยวแม่ค่อยมาหาเจ้า ตกลงหรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยไม่อยากให้มารดาจากไป จึงพยายามดิ้นพล่านให้หลุดออกจากอ้อมกอดของฝูหยา ถึงกระนั้นฝูหยาก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เรี่ยวแรงจึงไม่ได้มีมากเพียงนั้น ทำได้แค่ต้องปล่อยซานเป่าลงพื้น
เหยาซูรู้สึกสับสนวุ่นวายเหมือนด้ายพันกัน จากนั้นก็โน้มตัวลงไปเกลี้ยกล่อมลูกชาย ครั้นเห็นเขาไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองไป จึงทำได้แค่หมุนตัวเดินจากไปอย่างใจร้าย
ซานเป่าที่ปกติจะเชื่อฟังมากได้แหกปากร้องไห้ออกมาทันใด แขนก็ปัดป่ายสะเปะสะปะไม่ยอมให้สาวใช้เข้าใกล้ ปากก็เอาแต่เรียกหา “ท่านแม่ ท่านแม่อย่าไป! ท่านแม่!”
สาวใช้เหล่านั้นต่างก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดว่าเหตุใดสีหน้าของเหยาซูถึงได้เคร่งขรึมเช่นนั้น คิดแต่จะหาทางเกลี้ยกล่อมซานเป่าให้เขาหยุดร้องไห้
แต่ซานเป่าเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่จะหันเหความสนใจกลับมาได้ทุกเมื่อ
ในใจของเขาคะนึงหาแต่ผู้เป็นแม่ ทุกคนต่างคิดในใจว่าที่เขาร้องไห้เพราะการจากไปของผู้เป็นแม่ สายตาและสภาพจิตใจจึงไม่สามารถแบ่งไปสนใจเรื่องอื่นได้แม้แต้น้อย
สาวใช้ปลอบใจเด็กน้อยไม่ได้ จึงทำได้แค่ถามฝูหยาว่า “พี่ฝูหยา อุ้มคุณชายน้อยไปเรือนด้านหน้ากันเถอะ…”
เวลานี้ฝูหยาถือกลองป๋องแป๋งชิ้นหนึ่งในมือ กำลังพูดเกลี้ยกล่อมซานเป่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทันทีที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วจึงส่ายหน้าและพูดว่า “นายท่านและฮูหยินมีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน คุณชายน้อยอยู่ด้วยไม่เหมาะสม”
สาวใช้แสดงสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “แต่คุณชายน้อยร้องไห้อยู่เช่นนี้ จะทำกันอย่างไรดี! นายท่านของเรารักคุณชายน้อยมาก คุณชายน้อยก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮูหยิน ต่อให้เป็นเรื่องสำคัญอย่างไร ก็ไม่น่าจะเสียเวลา…”
ฝูลี่ตีมือของสาวใช้คนนั้น แล้วตำหนิเสียงแผ่วเบา “หยุดพูดได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องสำคัญ ฮูหยินจะกล้าปล่อยให้คุณชายน้อยร้องไห้แล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามองเช่นนี้หรือ? รีบปลอบคุณชายน้อยเร็วเข้า!”
ขณะที่เรือนด้านหลังกำลังวุ่นวาย ในใจของเหยาซูก็ไม่ได้สบายใจแต่อย่างใด
ระหว่างที่นางเดินตรงไปยังเรือนด้านหน้านั้น ยิ่งเดินยิ่งร้อนใจมากขึ้น
อากาศเย็นสบาย แต่ในอกของเหยาซูเหมือนไฟกำลังสุมทรวง ความร้อนใจ กลัดกลุ้มใจ คาดหวัง หวาดกลัวต่างปะดังปะเดเข้ามา ทำให้นางไม่สามารถสงบลงได้
เสียงร้องไห้ที่เจือไปด้วยความแหบพร่าของลูกชายคล้ายจะดังก้องอยู่ในหู ในใจของเหยาซูสับสนวุ่นวาย รู้สึกว่าเสียงร้องไห้ของซานเป่านั้นแฝงไปด้วยลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้ เหมือนกับว่าสิ่งที่รอนางอยู่เบื้องหน้า เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่นางจะจินตนาการได้
เซี่ยเชียนอยากจะคุยสิ่งใดกับนางกันแน่ ?
หลินเหรายังสบายดีอยู่ใช่หรือไม่?
……………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แง อย่าให้เป็นข่าวร้ายเลยค่ะ มันต้องเป็นข่าวดีสิอาซู
ไหหม่า(海馬)