ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 441 ซักถาม

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 441 ซักถาม

บทที่ 441 ซักถาม

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หูเซียงมาเคาะประตูห้องหลินซือเพื่อปลุกนางให้ตื่น ทว่าเคาะเท่าใดก็ไม่มีการตอบสนองจากด้านใน หูเซียงคิดว่าคุณหนูต้องการจะนอนต่อจึงถอนหายใจเบา ๆ ผลักประตูให้เปิดออกแล้วตรงไปที่เตียงของนาง

“คุณหนู รีบตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินรออยู่ที่ลานบ้าน” เสียงของหูเซียงหยุดชะงัก

“มีอะไรหรือ?” หลินซือลืมตาขึ้น และเหลือบมองสาวรับใช้อย่างอ่อนแรง

หูเซียงกุมหัวใจที่เต้นแรงด้วยความตกใจจากหลินซือที่เพิ่งลืมตาขึ้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “คุณหนูตื่นแล้วทำไมเมื่อครู่จึงไม่พูดจาเจ้าคะ ทำข้าตกใจแทบแย่”

หลินซือลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ก่อนจะรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่หูเซียงกล่าวอะไรออกมา “ท่านแม่จะมาหาเมื่อใดนะ?”

“เมื่อท่านอาบน้ำเสร็จก็มาแล้วเจ้าค่ะ” หูเซียงมองออกแต่แรกว่าเด็กสาวมีปัญหา นางจึงตอบอย่างระวัง

หลินซือพยักหน้า ลูบใบหน้าแผ่วเบา ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า

“คุณหนู ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!” เมื่อเห็นว่าหลินซือมีทีท่าจะล้มลง หูเซียงก็รีบโผล่เข้าประคองเด็กหญิงทันที “ท่านเป็นอะไรไป หรือว่าไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเจ้าคะ?”

หลินซือถูกพยุงมานั่งที่เก้าอี้ เด็กสาวเงยหน้าให้หูเซียงทำความสะอาด ผ่านไปสักครู่จึงกล่าวเบา ๆ “อื้ม” ขึ้นมาหนึ่งคำ

เนื่องจากเด็กสาวครุ่นคิดถึงคำถามของของเจี่ยงเถิงอยู่ตลอดทั้งคืน ยิ่งคิดเท่าไรก็รู้สึกว่าเจี่ยงเถิงนั้นแตกต่างจากหลินจื้อโดยสิ้นเชิง หลินซือสามารถกล่าวอย่างไม่ลังเลเลยว่าหลินจื้อคือพี่ชายของตน แล้วเจี่ยงเถิงเล่า คนคนหนึ่งจะมาสามารถมีพี่ชายสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงได้หรือไม่?

เมื่อคิดคำถามนี้อยู่ทั้งคืน หลินซือก็ยิ่งสับสน นี่เป็นครั้งแรงที่นางรู้สึกนอนไม่หลับเลยทั้งคืน

ภายใต้แสงแดดที่ส่องประกายในตอนนี้ หลินซือรู้สึกตัวหนักมากและง่วงนอนขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากหูเซียงจัดการกับใบหน้าที่ยังงัวเงียของหลินซือจนเสร็จ ก็ไปที่ประตูเพื่อไปรับอาหารเช้า พอกลับมาก็เห็นหลินซือเงยหน้าพิงพนักเก้าอี้และหลับอยู่อย่างนั้น

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู รีบรับประทานอาหารเช้าเถอะเจ้าค่ะ”

หลินซือลืมตาด้วยความงุนงง และพยายามบังคับตัวเองให้ดื่มน้ำจับเลี้ยง ร่างกายเด็กสาวสั่นไปทั้งตัวก่อนที่จะรู้สึกมีสติขึ้นมาเล็กน้อย

“ข้ายังไม่กิน” หลินซือดื่มชาอีกหนึ่งถ้วย ก่อนที่นางจะลุกขึ้นและลูบหน้าตัวเอง “ไปหาท่านแม่กันเถอะ มาหาข้าในเวลาเช้า ๆ แบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องเร่งด่วน ”

เมื่อจ้องมองไปยังดวงตาดำสนิทของเด็กสาว หูเซียงก็กล่าวขึ้นด้วยความกังวล “คุณหนู ท่านนอนต่ออีกสักชั่วยามไหมเจ้าคะ ข้าจะไปบอกกับฮูหยินให้”

หลินซือส่ายหน้า ลูบเปลือกตาตัวเองแล้วออกจากเรือนไป หูเซียงทำได้แค่เพียงปฏิบัติตามเท่านั้น

เรือนที่หลินซือพักอยู่ใกล้กับเรือนหลักเป็นอย่างมาก และเวลาดื่มชาของทั้งสองก็มาถึง เหยาซูกำลังดูสมุดบัญชีเล่มหนา เมื่อเห็นหลินซือมาถึง นางก็วางสมุดไว้อีกด้านแล้วกล่าวทักทายลูกสาว “เอ้อเป่า รีบมากินข้าวเร็ว วันนี้ทำโจ๊กที่เจ้าชอบด้วย”

หลินซือตาเป็นประกาย ความรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนค่อย ๆ หายไป เด็กสาวนั่งลงตรงด้านหน้าของเหยาซู “ท่านแม่ ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าข้ายังไม่ได้กินข้าวเช้า?”

เหยาซูยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงเป่าโจ๊กให้เย็นก่อนจะส่งโจ๊กหนึ่งชามให้กับหลินซือ

หลินซือตอกไข่หนึ่งใบลงในถ้วยของเหยาซู เด็กสาวยิ้มให้กับเหยาซูตามปกติ

ก่อนหน้านั้นเหยาซูคิดจะตำหนิบุตรสาวที่ไม่ยอมนอนหลับสักหน่อย แต่เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วนางจึงไม่พูดอะไร เพียงพูดว่า “รีบกินได้แล้ว ข้าได้ยินเสียงท้องเจ้าร้อง”

ตั้งแต่บิดามารดาออกทัศนาจร หลินซือก็ไม่ได้ดื่มด่ำกับอาหารเช้าเลิศรสเช่นนี้อีก นับได้ว่าการอดนอนทั้งคืนไม่สามารถทำลายการรับรสของนางได้ เด็กหญิงกินลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อเห็นหลินซือกินจนอิ่มและใบหน้าพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา เหยาซูจึงเอ่ยถามขึ้น “เอ้อเป่า ตอนกลางคืนเจ้าทำอะไร? ถึงได้กลับมาเสียจนดึกดื่น”

“ไปหอไจซิงกับเจี่ยงเถิง ดาวสวยมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ”

หลินซือไม่ได้มีความรู้สึกอื่น อีกทั้งยังแบ่งปันเรื่องราวที่หอไจซิงว่าตอนกลางคืนนั้นสวยงามเพียงใด

เหยาซูตั้งใจฟังจนจบ จึงกล่าวว่า “เอ้อเป่า อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าพิธีปักปิ่น เมื่อพิธีเสร็จสิ้นก็จะถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ถึงเวลาที่ต้องคิดเรื่องการแต่งงานได้แล้ว เจ้ามีบุรุษที่ชอบพอบ้างหรือยัง? เล่าให้แม่พิจารณาหน่อย”

 

หลินซือที่กำลังพูดอยู่ก็ได้เงียบลง เด็กสาวลังเลอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้า ข้าเองก็ไม่รู้จักใครเลย เรื่องนี้จะเร็วไปไหมเจ้าคะ”

“ก็เพียงให้เจ้าลองพิจารณาดูเท่านั้น”

เหยาซูเอื้อมมือไปข้างหลัง มีรายชื่อเล่มหน้าถูกส่งมาที่มือของเด็กสาว “พอดีเลย แม่ได้รวบรวมรายชื่อบุรุษทั้งหมดในเมืองหลวงไว้ เอ้อเป่าลองดูสิ ถ้าเจ้าชื่นชอบก็ลองไปทำความรู้จักดู”

หลินซือมองดูสมุดรายชื่อเล่มหนา จู่ ๆ ก็คิดได้ว่าถ้าเจี่ยงเถิงมาเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้น คงจะไม่รู้สึกอึดอัดใช่ไหม?

แต่หลินซือพลิกดูจนถึงหน้าสุดท้าย ก็ไม่เห็นรายชื่อของเจี่ยงเถิง

เด็กสาวไม่ปักใจเชื่อจึงรีบพลิกรายชื่อดูใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าไม่มีรายชื่อของเขาจริง ๆ

นี่ควรจะเป็นเรื่องที่ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น แต่หลินซือกลับรู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆ

การแสดงออกของหลินซือเปลี่ยนไป เหยาซูรู้ว่าบุตรสาวของตนนั้นกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เมื่อครู่เรื่องที่เด็กสาวได้เล่าเกี่ยวกับการออกไปเที่ยวเล่นของนาง ก็สามารถทำให้รู้ได้ทันที เห็น ๆ อยู่ว่านางกำลังเล่าเกี่ยวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่กลับไม่ทิ้งเรื่องเจี่ยงเถิงเลย หลังจากฟังแล้วกลับไม่รู้สึกถึงวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่กลับรับรู้ว่าเจี่ยงเถิงดูแลนางอย่างดีในทุก ๆ ที่ และคอยเป็นห่วงว่าหลินซือนั้นจะเหนื่อยบ้างหรือไม่

เหยาซูไม่ได้แสดงออกอะไร เอ่ยถามขึ้น “เอ้อเป่า เจ้ามีคนที่ชอบไหม?”

หลินซือส่งรายชื่อให้กับสาวรับใช้ “รายชื่อเหล่านี้ข้าล้วนไม่รู้จัก จึงบอกไม่ได้ว่าข้าจะชอบหรือไม่เจ้าค่ะ”

เหยาซูแสร้งทำเป็นถอนหายใจและกล่าวอย่างเป็นกังวล “แต่นี่เป็นรายชื่อที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว เอ้อเป่าไม่รู้สึกชอบสักหนึ่งชื่อเลยหรือ?”

“สมบูรณ์ที่สุดหรือ? แต่ข้ามองดูแล้วไม่เห็นจะมีเลย” หลินซือถามกลับอย่างไม่รู้ตัว

“คนไหน? เอ้อเป่ารู้จักหรือ? แล้วชอบไหม? ” เหยาซูรีบถามขึ้น

“ไม่….ไม่ใช่นะเจ้าคะ” หลินซือรู้สึกว่าหน้าของตนเองมีบางอย่างผิดปกติ ใบหน้าของเด็กสาวร้านผ่าวอย่างบอกไม่ถูก นางก้มหัวลงแล้วกล่าวว่า “เจี่ยงเถิงน่ะ ข้าอยู่ที่เมืองหลวงกับเขาจนคุ้นเคยและไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดแปลก”

“อ๋อ” เหยาซูพยักหน้าด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง “ข้าเห็นว่าเจ้าสนิทกับเขาแบบพี่น้อง ก็เลยไม่ได้เขียนลงไป เช่นนั้นข้าจะเขียนเพิ่มไปให้เป็นอย่างไร?”

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ!” หลินซือรู้สึกว่าเหยาซูยิ่งพูดยิ่งแปลกขึ้นเรื่อย ๆ จึงรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ ตอนนี้ข้ายังไม่อยากพูดเรื่องการแต่งงาน หลังจากพิธีปักปิ่นไปแล้วสักปีสองปีพวกเราค่อยคุยกันเถิดเจ้าค่ะ!”

“ย่อมได้ เช่นนั้นวันข้างหน้าเราค่อยพูดกัน แต่ถ้าเอ้อเป่ามีคนที่ชอบแล้วต้องบอกพ่อกับแม่นะ”

เหยาซูรู้ดีว่าตนไม่สามารถเข้มงวดกับเรื่องนี้มากไป เพียงแค่ถือโอกาสพูดเท่านั้น

หลินซือรีบพยักหน้า เด็กสาวมองดูสมุดบัญชีที่อยู่ในมือของสาวใช้ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาขึ้น “ท่านแม่ พวกเรามาดูสมุดบัญชีด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”

“เอ้อเป่าสนใจการค้าขายทำกิจการหรือ?” เหยาซูโบกมือให้กับสาวใช้เพื่อให้ส่งสมุดบัญชีให้กับตน

“แน่นอนว่าต้องสนใจสิเจ้าคะ ทำการค้าได้รับเงิน ใครบ้างจะไม่ชอบเงิน” หลินซือลูบสมุดบัญชีในมือ ดวงตาเป็นประกายของนางจ้องมองเหยาซู เด็กสาวขยับเข้าไปใกล้เหยาซูแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านแม่ ท่านเป็นคนที่ข้านับถือที่สุด ข้าคิดว่าท่านสุดยอดกว่าท่านพ่อเสียอีก!”

“พูดได้น่าฟังที่สุด” เหยาซูหัวเราะและลูบหัวลูกสาวเบา ๆ “ลูกสาวของข้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเงินทอง เช่นนั้นในวันข้างหน้ามาทำการค้ากับแม่เถอะ”

“เจ้าค่ะ ๆ”

หลินซือรีบตอบกลับทันที และดูสมุดบัญชีกับเหยาซูด้วยความเพลิดเพลิน

เหยาซูเพียงคิดว่าเด็กสาวมีอารมณ์ฉุนเฉียว หลังจากหัวเราะแล้วก็ปล่อยนางไป

………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ปล่อยไก่ตัวใหญ่เบิ้มเลยอาซือ จริง ๆ แล้วแม่รู้ทันหมดแหละ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท