บทที่ 498 งานวัด
บทที่ 498 งานวัด
“พี่อาเถิง เหตุใดจึงที่นี่ต้องมีการบูชายัญด้วย?” หลินซือกินถังหูลู่พลางเอ่ยถามเจี่ยงเถิงด้วยน้ำเสียงกระปรี้กระเปร่า
เจี่ยงเถิงเตรียมตัวมาเป็นเวลานานแล้ว จึงได้เอ่ยตอบทันที “ตรงนี้คือจุดเชื่อมต่อของแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดสองสายในตอนเหนือของต้าเยี่ยน ดังนั้นทรัพยากรจึงอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก การเกษตรเองก็เจริญงอกงาม ทว่านฤดูฝนมักจะเกิดอุทกภัยใหญ่ ดังนั้นทุกปีที่วัดก็จะจัดพิธีเซ่นไหว้ขอพรให้เทพเจ้าแห่งแม่น้ำปกปักรักษาเมืองแห่งนี้ให้ปลอดภัย”
หลินซือพยักหน้าเหมือนเข้าใจแต่แท้จริงไม่เข้าใจ เมื่อหันไปพบแผงขายจิ่วเหนียงหยวนจือ[1] เล็ก ๆ ทันใดนั้นนางก็ลืมเรื่องการบูชายัญไปหมดสิ้น และไปกินจิ่วเหนียงหยวนจือ
เจี่ยงเถิงผู้ที่เดินตามหลังไปจ่ายเงินก็ถอนหายใจออกมา เด็กหนุ่มเป็นกังวลว่าเมื่อหลินซือเห็นฉากนองเลือดแล้วนางจะไม่มีความอยากอาหารเสียอีก
สุดท้าย หลินซืออยากซื้อบะหมี่เย็นที่หน้าตาดูน่ากินถ้วยหนึ่ง นางจึงเริ่มเข้าไปแสดงอาการก่อกวนเจี่ยงเถิงด้วยความเคยชิน
ครั้งนี้เจี่ยงเถิงยืนกรานในหลักการของตนเองเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มชี้ไปยังกองหิมะที่ยังไม่ละลายแล้วเอ่ยถามขึ้น “รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้คือฤดูหนาว?”
“รู้สิ แต่ว่า!”
“ไม่มีคำว่าแต่ ไม่อนุญาตให้กิน ” เจี่ยงเถิงค้านหัวชนฝา
หลินซือรู้ว่าเช่นนี้เจี่ยงเถิงไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจได้ จึงทำได้แต่พยักหน้ารับอย่างขุ่นเคือง
ทั้งสองคนเดินไปรอบ ๆ งานวัด ไม่ง่ายเลยกว่าอารมณ์ของหลินซือจะสงบ เจี่ยงเถิงกำลังจะพานางกลับ แต่หลินซือกลับโดนสิ่งอื่นดึงดูดเอาไว้
“ข้าอยากไปไถน้ำแข็ง” หลินซือจ้องไปที่พื้นน้ำแข็งที่มีเด็ก ๆ เล่นอยู่ไม่ไกล
“เย็นมากแล้ว” เจี่ยงเถิงนวดขมับ “พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาดีไหม? ตอนนี้มันดึกแล้ว ถ้ามีรอยแตกบนพื้นน้ำแข็งแล้วมองไม่เห็น เกิดตกลงไปจะทำอย่างไร?”
“ไม่มีทาง” หลินซือจับแขนอ้อนวอนเจี่ยงเถิง “ท่านดูสิพวกเขาเล่นสนุกสนาน บิดามารดาก็ไม่ได้ห้ามอะไร ต้องไม่มีเรื่องอะไรแน่นอน”
เจี่ยงเถิงปวดหัวเล็กน้อย หลินซือเม้มริมฝีปาก “ท่านไม่ให้ข้ากิน ไม่ให้ข้าเล่น แล้วจะพาข้าออกมาทำอะไร?”
เมื่อมองดูหลินซือที่เศร้าโศกเสียใจ เจี่ยงเถิงประณามตนเองในใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเหตุุผลเขาก็มีชัยเหนืออารมณ์ เอ่ยปฏิเสธหนักแน่น “ไม่ได้”
ต่อให้หลินซือจะออดอ้อนอย่างไรก็คงไร้ประโยชน์ ดังนั้นเด็กสาวจึงถูกเจี่ยงเถิงพากลับโรงเตี๊ยม
ขณะทั้งสองคนเดินกำลังเดินกลับ จู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายขึ้นมา แต่ได้ยินแว่ว ๆ ว่า ‘จับหัวขโมย’ คนที่งานวัดนั้นหนาแน่นและชุลมุนเป็นอย่างมาก หลินซือและคนอื่น ๆ จึงถูกกันไว้ไม่ให้ไปไหน
เจี่ยงเถิงรู้สึกระสับกระส่าย เด็กหนุ่มคว้ามือหลินซือและเดินอ้อมไปหลายเส้นทาง แต่ก็ไม่สามารถออกไปได้ จึงทำได้เพียงสงบตนและรอให้ความวุ่นวายจบลง
“อาซือ เจ้า…”
เจี่ยงเถิงพลางเอ่ยขึ้นและหันหลังกลับไปจนมองเห็นคนด้านหลังของตนได้ชัดเจน ทันใดนั้นคำพูดในปากของเขาก็หยุดลงกะทันหัน
เจี่ยงเถิงก้มหน้ามองไปที่แขนของนางอย่างไม่เชื่อสายตา และพบว่าตนคว้ามือของใครบางคนเอาไว้
เจี่ยงเถิงมีชีวิตมาได้ถึงตอนนี้ อวดได้ว่าเขาได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยได้เห็น แต่ในขณะนี้เขากลับพูดไม่ออก
สักพักสตรีคนนั้นกลับมีสีหน้าแดงขึ้น “คุณชาย ท่านพาข้าวิ่งมาทางนี้ ท่านมีอะไรจะบอกกับข้าหรือไม่?”
นางพูดพลางพยายามเอนเข้ามาพิงไหล่ของเจี่ยงเถิง
เจี่ยงเถิงมีสติขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มถอยไปสามก้าว แสดงออกอย่างเคร่งขรึม “แม่นาง ข้าต้องขอโทษจริง ๆ ข้าจับคนผิด เจ้าเห็นสตรีที่อยู่กับข้าก่อนหน้านี้หรือไม่ นางไปไหนแล้ว”
เจี่ยงเถิงพยายามคิดทบทวน ก่อนหน้านี้ที่ตนเดินอ้อมได้ปล่อยมือไปแล้วจริง ๆ และเวลานั้นเขาเองก็ไม่ทันได้มอง ทันใดนั้นก็จับมืออีกครั้ง เวลานั้นหลินซือยังบ่นอยู่ว่าตนจับนางเจ็บเกินไป ดังนั้นเขาเลยไม่ได้หันกลับไปมอง
รู้สึกว่าเวลานั้นก็เริ่มออกวิ่งแล้ว อีกทั้งสตรีนางนั้นก็ออกวิ่งกับตนด้วย!
หญิงผู้นี้เดิมทีคิดว่าท่านชายจะชอบพอตน ไม่ได้คิดว่าเขาจะจับคนผิด จึงเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ไม่รู้”
เจี่ยงเถิงเองไม่ได้รบกวนนางมากนัก และก็พอจะรู้ว่าหลินซือไปไหน จึงขอโทษกับหญิงคนนั้นแล้วหันหลังวิ่งกลับไป
เจี่ยงเถิงออกมาจากฝูงชน ในที่สุดเขาก็มาถึงริมแม่น้ำ แม้แต่หมวกบนหัวของเขาก็ยังบิดเบี้ยว ทำได้แค่เพียงจัดให้ตรงและมองหาหลินซือภายใต้แสงไฟสลัว
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ เจี่ยงเถิงได้จินตนาการถึงความเป็นไปได้นับพัน ที่แย่ที่สุดก็คือหลินซือหายตัวไปและไม่อาจหาพบได้อีกเลย…
อันที่จริงแล้วมันง่ายมากที่จะหาให้เจอ ผู้คนที่เล่นอยู่บนน้ำแข็งต่างก็เป็นเด็ก หลินซือที่ตัวใหญ่กว่าเช่นไรก็ต้องมองเห็นได้ชัดจากในนั้น นอกจากนี้หลินซือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก ๆ มีเด็กสามสี่คนพูดคุยหัวเราะรายล้อมนางอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่ากำลังสนทนาเรื่องอะไรกัน
เมื่อเห็นหลินซือแล้ว ความรู้สึกที่ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาพลันโจมตีเขาอย่างหนัก จนหัวใจของเขาตกไปอยู่ที่ท้อง
ถึงแม้ว่าจะเป็นการจากกันเพียงสั้น ๆ เด็กหนุ่มก็เป็นกังวลว่าหลินซือจะถูกคนพาตัวไป ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ เด็กหนุ่มคงจะโดนตำหนิจนตาย
เด็ก ๆ ทำให้หลินซือรู้สึกขบขัน เมื่อเงยหน้าขึ้นมานางก็พบกับเจี่ยงเถิง หลินซือตกใจจนต้องก้มหน้าหนี ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวมองเจี่ยงเถิงด้วยความประหลาดใจเพราะว่านางไม่เคยเห็นท่าทางจนตรอกเช่นนี้ของเด็กหนุ่มมาก่อน
ไม่เพียงแค่ท่าทางจนตรอก แม้แต่ความร่าเริงของเขาก็ดูจะเหี่ยวเฉาลงมาก ดูราวกับเป็นเสือขี้แพ้ตัวหนึ่ง
เวลานั้นหลินซือไม่ได้รู้สึกสนใจที่จะเล่นไถน้ำแข็งแล้ว จึงบอกลาเพื่อนใหม่ของตน และกลับเข้ามาที่ฝั่งอันเยือกเย็น
“พี่อาเถิง พวกเรากลับกันเถอะ” หลินซือพิงข้างกายของเจี่ยงเถิงแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ
เจี่ยงเถิงจับมือหลินซือไว้แน่นและพานางกลับไป ความจริงแล้วหลินซือที่ถูกจับเอาไว้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เมื่อมองสีหน้าของเจี่ยงเถิงแล้วเด็กสาวก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา
โชคดีที่ถนนติดขัดเมื่อครู่ได้โล่งขึ้นแล้ว ทั้งสองคนจึงกลับโรงเตี๊ยมได้อย่างราบรื่น
เจี่ยงเถิงกำชับเด็กรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบ และพาหลินซือกลับห้อง แม้แต่ประโยคเดียวเขาก็ไม่ได้เอ่ยขึ้นมา เมื่อส่งหลินซือเสร็จเขาก็กลับห้องตนเองไป
จิตใจของหลินซือรู้สึกไม่สงบ นางต้องการขอโทษอีกฝ่าย แต่กลับรู้สึกกลัวเจี่ยงเถิงที่เป็นเช่นนี้
นางยืนอยู่หน้าประตูคนเดียวอยู่สักพัก ในที่สุดก็กลับห้องไป
เด็กหนุ่มแช่ตัวเองลงไปในน้ำร้อนจัด จิตใจจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
หลินซือไม่ได้หายไปไหน และตามหาได้ไม่ยาก แต่ความกลัวเหล่านั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในใจของเด็กหนุ่ม
หลินซือถูกล่อลวง ถูกจับไป คิดถึงแม้กระทั่งศพของหลินซือ
เจี่ยงเถิงโผล่หัวขึ้นมาจากอ่าง และหายใจรับอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไป
หัวใจของเขาก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยงเถิงรู้สึกสงสัยในตัวเองว่าเขาจะสามารถดูแลหลินซือได้ดีจริง ๆ หรือ?
เจี่ยงเถิงเข้านอนไปพร้อมกับความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจ และเด็กหนุ่มก็ฝันร้ายตามที่เขาคาดไว้
ในฝันหลินซือถูกคนที่หน้าตาไม่ชัดเจนจับไป เด็กสาวพลันกรีดร้องชื่อของตนออกมา
เจี่ยงเถิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต้เท้าของเขากลับหยั่งรากลึก ทำเช่นไรก็ไม่อาจขยับเท้าได้
ชายที่จับหลินซือไปจู่ ๆ ก็ชักดาบแหลมคมขึ้นมา เวลาเดียวกันใบหน้าของคนผู้นั้นก็ปรากฏออกมา นั่นคือขุนนางทุจริตผู้นั้นที่ตนเคยจับได้
ชายผู้นั้นหัวเราะให้กับเจี่ยงเถิง ทันใดนั้นดาบคมกริบก็ฟันไปที่คอหลินซือ
“ช่วยข้าด้วย! พี่อาเถิง!” หลินซือยื่นมือออกมา และส่งเสียงกรีดร้อง
“อย่านะ!” เจี่ยงเถิงลืมตาและผุดลุกขึ้นนั่งในทันที เด็กหนุ่มกดหน้าอกของตนและหายใจหอบเฮือกใหญ่
เวลาเดียวกันเสียงเดียวกับที่ได้ยินในฝันก็ดังขึ้น และก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา “พี่อาเถิง! ท่านเป็นอะไรไป? เปิดประตูที!”
…………………………………………………………………………………………………
[1] บัวลอยสุราข้าวหมาก
สารจากผู้แปล
ขอโทษพี่อาเถิงเดี๋ยวนี้เลยอาซือ ตั้งแต่มาเที่ยวนี่ก็ดื้อใส่เขาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว เกิดพลัดหลงกันขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง น่าคว้าไม้เรียวมาตีน่องจริงๆ
ไหหม่า(海馬)