ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 504 เทศกาลโคมไฟ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 504 เทศกาลโคมไฟ

บทที่ 504 เทศกาลโคมไฟ

“ท่านอาจารย์!”

ครั้นเซี่ยเชียนออกจากประตูมา ก็พบกับอวี๋จือที่ยิ้มโบกมือให้กับตน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เซี่ยเชียนเอ่ยถาม

“ไม่มีขอรับ เพียงแค่ได้ยินมาว่าท่านอยู่ที่ห้องทรงอักษร ก็เลยมารอพบท่าน”

เซี่ยเชียนเหลือบมองอวี๋จือ แต่ก็ไม่ได้ถามอีกฝั่งว่า ‘ได้ยินมา’ ว่าตนนั้นอยู่ที่ห้องทรงอักษรนั้นเขาได้ยินมาจากไหน แม้อวี๋จือจะมาสอบถามตนเอง แต่เขาอยู่กับองค์จักรพรรดิ หากถูกผู้ที่ช่างสังเกตเข้าใจผิด ก็จะคิดไปว่าอวี๋จือลอบสอบถามที่อยู่ขององค์จักรพรรดิ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง

“ท่านอาจารย์ ไม่ได้มีเรื่องอันใดขอรับ”

อวี๋จือสบตากับเซี่ยเชียนแล้วก็สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มเข้าไปกระซิบข้างหู “ข้าระมัดระวังเป็นอย่างมาก และพึ่งพาคนที่น่าเชื่อถือที่สุดขอรับ”

เซี่ยเชียนขยับเข้าไปใกล้อวี๋จือแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ถึงเจ้ามีแผนการในใจมากเพียงใดก็อย่ามาทำเรื่องอันตรายเช่นนี้”

“นี่ไม่ใช่เพื่อท่านอาจารย์หรอกหรือ?” อวี๋จือยังคงยิ้มอย่างมีความสุข “เป็นอย่างไรบ้างปีนี้ข้าอยู่กับท่านอาจารย์ได้ไหมขอรับ?”

เซี่ยนเชียนถอนหายใจและส่ายหัว “องค์รัชทายาทยังเติบโตไม่พอ ข้าต้องสอนเขาอีกสองปี”

ถึงแม้อวี๋จือคาดการณ์มานานแล้วว่าองค์จักรพรรดิคงจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความผิดหวังและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“หืม? ข้าคิดว่าปีนี้ข้าจะอยู่ภายใต้การดูแลของท่านและคอยช่วยเหลือท่านเสียอีก”

เซี่ยเชียนหัวเราะ “อวี๋จือ ความสามารถของเจ้าไม่อาจยอมแพ้ผู้อื่นได้ เจ้าจะทำอย่างไร ไม่ต้องการฝึกฝนจนเก่งกว่าอาจารย์แล้วหรือ”

“นี่มันยากไปแล้วนะขอรับ ผู้ที่สามารถเอาชนะท่านอาจารย์ได้คงจะยังไม่เกิด”

อวี๋จือเอ่ยขึ้นอย่างทีเล่นทีจริง

“เจ้าก็ช่างรู้จักเลียแข้งเลียขา”

เซี่ยเชียนยื่นมือออกไปสัมผัสศีรษะของอวี๋จืออย่างที่เคยทำมาก่อน ภายในดวงตาไร้แววตำหนิคาดโทษ อวี๋จือก็ก้มหน้าอย่างเชื่อฟังเพื่อให้อาจารย์ลูบ

ดวงตาที่ลึกซึ้งของเซี่ยเชียนเผยรอยยิ้มมากขึ้น หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งตนเองจะกลายมาเป็นคนเช่นนี้

“ถ้าหากว่าเหมือนกับที่เจ้าบอกนั้น หากขาดบุคคลที่มีความสามารถขาดก็จะเป็นอันตรายกับต้าเยี่ยน”

“ที่ไหนกัน อาจารย์คือบุคคลที่สุดยอดที่สุด ต้าเยี่ยนจะเป็นอันตรายได้อยางไร” อวี๋จือกล่าว

เซี่ยเชียนยิ้มพลางส่ายหน้า ไม่ต้องการหยอกล้อกับอวี๋จือแล้ว การบังเอิญพบกันที่ตำหนักตะวันออก จบลงที่ทั้งสองแยกกันภายใต้แววตาที่ไม่พอใจของอวี๋จือ

เซี่ยเชียนเดินกลับไปถึงห้องหนังสือของตน จากนั้นก็เห็นเซี่ยเซินนั่งอยู่บนบันไดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เด็กชายถอนหายใจ ไม่รู้ว่ากำลังกังวลอะไร

“อาเซิน” เซี่ยเชียนเดินขึ้นไปข้างหน้า

เซี่ยเซินก้มหน้าลง เด็กชายทำได้เพียงจ้องมองรองเท้าคู่ที่คุ้นเคย หลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าของตน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท “ท่านปู่”

“กำลังคิดอะไรอยู่ เหตุใดจึงมีใบหน้าหม่นหมองเช่นนี้” เซี่ยเชียนเอ่ยถาม

เซี่ยเซินสับสนอยู่พักหนึ่ง เด็กชายหันซ้ายขวามองไปรอบ ๆ ไม่เห็นผู้ใด หลังจากนั้นจึงตัดสินใจดึงเซี่ยเชียนเข้าห้อง ก่อนปิดประตูและกล่าวขึ้นเบา ๆ “ท่านปู่ ฝ่าบาทยังชอบท่านพี่อยู่ จะทำอย่างไรดีขอรับ?”

ถึงแม้ว่าเซี่ยเชียนรู้ดีว่าองค์รัชทายาทจะไม่ปล่อยวางง่าย ๆ แต่ว่าเซี่ยเซินก็ดูออกว่าเกิดอะไรขึ้น?

“รู้ได้อย่างไร?”

เซี่ยเซินเล่าเรื่องหรูอี้ให้กับผู้เป็นปู่ฟัง

เซี่ยเชียนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิจะกล่าวไม่ผิด จริง ๆ แล้วไม่ควรให้องค์รัชทายาทออกไป ไม่เช่นนั้นบางทีเขาอาจจะเชิญหลินซือเป็นการส่วนตัว

“ท่านปู่ขอรับ จะทำอย่างไรดี?” เซี่ยเซินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นภายหลังข้าจะไม่พูดเรื่องพี่สาวกับองค์รัชทายาทอีกแล้ว และก็จะไม่ช่วยฝ่าบาทส่งของขวัญอะไรด้วย แม้ว่าเขาจะมีความพากเพียร หนึ่งถึงสองปีนี้ก็ไม่สามารถลืมได้ แต่สามถึงสี่ปีก็อาจจะลืมแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้” เซี่ยเชียนกล่าว “ฝ่าบาทเป็นคนที่มีความอดทน โดยเฉพาะเรื่องของอาซือ ย่อมทำสิ่งมากมายที่เราคาดไม่ถึง”

เซี่ยเชียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กล่าวขึ้น “จริง ๆ แล้วกันไว้ดีกว่า แต่ก็ไม่สู้ให้พวกเขาพบกันอีกครั้ง”

“หืม?” เซี่ยเซินรู้สึกตกใจ

“เราไม่สามารถโน้มน้าวองค์รัชทายาทได้ ทำได้แค่เพียงให้อาซือปฏิเสธเอง ไม่ว่าเขาจะชอบมากเพียงใดแต่หากโดนปฏิเสธอยู่ร่ำไป ความรู้สึกก็คงจะหมดไปเอง”

“ท่านปู่ ท่านพูดได้ถูกต้องขอรับ” เซี่ยเซินถอนหายใจ “เช่นนั้นเวลาไหนจะให้พวกเขาพบกันล่ะขอรับ?”

“อีกไม่นานก็จะเทศกาลหยวนเซียว[1] แล้ว ในพระราชวังจะต้องจัดงานเลี้ยงโคมไฟ และชวนเหล่าขุนนางมาเข้าร่วม ถึงเวลานั้นค่อยให้หลินซือไป” เซี่ยเชียนเอ่ย

ไม่นานก็ถึงเทศการหยวนเซียว งานเลี้ยงโคมไฟในปีนี้ถูกจัดขึ้นใหญ่โตเป็นพิเศษด้วยใช้บริเวณของอุทยานหลวง

โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ค่อนข้างผ่อนคลาย เพียงแยกชายหญิงเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีงานเลี้ยงใดนอกเหนือไปจากการชื่นชมโคมไฟ

หลินซือคอยตามเหยาซูทำความเคารพเหล่าพระสนม และก็เดินเล่นตามอำเภอใจ

ระหว่างทางพบเข้ากับองค์หญิงน้อย

หลังจากเหตุการณ์ที่ตกลงไปในน้ำตอนนั้น องค์หญิงก็เงียบลงไปอย่างมาก แต่เมื่อพบกับหลินซือก็ยังชื่นชอบนางอยู่ เมื่อพบกันก็กางแขนวิ่งไปกอดนาง

“เหตุใดจึงไม่ได้อยู่กับสวีกุ้ยเฟยเล่าเพคะ?” หลินซือดึงมือขององค์หญิงน้อย

องค์หญิงน้อยถอนหายใจ “ข้าไม่ไปก็เพราะองค์รัชทายาทอยู่ที่นั่นอย่างไรเล่า ท่านแม่เลยคร้านที่จะดูแลข้า”

ถึงแม้ว่าองค์หญิงจะพูดด้วยความขุ่นเคือง แต่หลินซือกลับถอนหายใจ

เมื่อได้ฟังความหมายขององค์หญิง เห็นได้ชัดว่ายังคงโกรธที่ท่านแม่ของนางไม่ได้ทวงความยุติธรรมให้ตนจากเรื่องที่ตกลงไปในน้ำ แต่ว่าผู้นั้นคือองค์รัชทายาท สวีกุ้ยเฟยจึงไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรได้

เมื่อได้ยินว่าองค์รัชทายาทเองก็อยู่ที่นั่น หลินซือก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา

เขาควรอยู่กับองค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาอยู่ในเขตของสตรี?

“ท่านพ่อบอกว่าอายุของเขายังน้อย จึงให้ท่านแม่คอยดูแล” องค์หญิงตอบกลับ

หลินซือฉุกคิดได้ว่าตนเองนั้นถามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงรีบมองไปรอบบริเวณ เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ได้แอบฟังอยู่ก็โล่งใจขึ้นมา

ถ้าอีกฝ่ายได้ยินแล้วเกิดเข้าใจผิดว่าตนนั้นเป็นห่วง ทุก ๆ อย่างก็จะจบ

องค์หญิงน้อยถอนหายใจด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าดูสิ จริง ๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องให้ท่านแม่ดูแลก็ได้ พระองค์ช่างเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดี”

ในขณะที่องค์หญิงน้อยกำลังบ่น ก็หันไปอีกมุมหนึ่งพอดี พลันเห็นคนที่ตนกำลังพูดถึงยืนมองอยู่ด้วยสายตาเย็นชา องค์หญิงก็ตัวสั่นสะท้าน รีบปิดปากและก้มหน้าลง แล้วเงียบไป

“องค์รัชทายาท” หลินซือเองก็ทำตัวไม่ถูก จึงรีบทำความเคารพอีกฝ่าย

องค์รัชทายาทยกมือให้กับหลินซือ แล้วเอ่ยกับองค์หญิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในวังมีผู้คนมากมาย ระวังวาจาของเจ้าด้วย”

องค์หญิงก้มหัวต่ำลงไปอีก

หลินซือทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงส่งองค์หญิงให้กับสาวใช้ในวังที่ตามมา และส่งสัญญาณให้นางรีบพาองค์หญิงออกไป

เมื่อมองดูเงาร่างเล็ก ๆ ค่อย ๆ เดินจากไป หลินซือก็ถอนหายใจ แล้วหันกลับมา “ฝ่าบาท องค์หญิงยังเยาว์วัยนัก อย่าถือสานางเลยเพคะ”

องค์รัชทายาทถอนหายใจเบา ๆ พระองค์ไม่ได้ตัดสินอะไรในเรื่องนี้ กลับเอ่ยถามขึ้นมาแทน “ปีใหม่อาซือเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลินซือกลัวว่าพระองค์จะคุยเรื่องความรัก แต่กลับเริ่มสนทนาเรื่องธรรมดา เวลานั้นนางก็ยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จนองค์รัชทายาทอุทานเบา ๆ หนึ่งเสียงราวกับรู้สึกตัวว่าตนได้โพล่งถามเรื่องไร้สาระออกไป

…………………………………………………………………………………………………..

[1] เทศกาลโคมไฟ คือ เทศกาลฉลองในวันที่ 15 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นสัญลักษณ์ของวันสุดท้ายในการฉลองเทศกาลปีใหม่ของจีน ในเทศกาลโคมไฟ เด็กๆ จะถือโคมไฟกระดาษออกไปวัดหรือศาลเจ้ากันในตอนกลางคืน

สารจากผู้แปล

เลือกลงเรือไม่ถูกเลยค่ะ ท่านเซี่ยอยู่เรือไหนก็ดีงามทุกเรือ

ที่วางแผนให้องค์รัชทายาทเจออาซืออีกครั้งนี่ใช้แผนเจ็บแต่จบใช่ไหมคะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท