บทที่ 533 ประชุมเช้า
บทที่ 533 ประชุมเช้า
ห้องทรงอักษรคือสถานที่ทรงงานของจักรพรรดิ เต็มไปด้วยความสง่างามและมีพลัง
เซี่ยเชียนไปมาหาสู่เหมือนอย่างเคย หลังจากประชุมเช้าเพื่อหารือกับใต้เท้าทุกท่านเสร็จก็พบกับสายตามองพิจารณาคาดโทษหลายคู่
ภายใต้สายตาพิกลเหล่านี้ เซี่ยเชียนกลับปฏิบัติตัวเหมือนเดิม เหมือนกับไม่ได้นำเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจ
เพราะเซี่ยเชียนไม่สะทกสะท้าน ดังนั้นเหล่าขุนนางรอบตัวจึงพากันสงบลง จากนั้นก็หยิบยกหัวข้ออื่นมาพูดแก้เขิน
องค์จักรพรรดิทรงมุมานะบากบั่นเสมอมา โดยพื้นฐานเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่รูปแบบการจัดการไปจนถึงการคัดเลือกล้วนถูกกำหนดไว้หมดแล้ว สาเหตุที่ทรงประทับอยู่ที่นี่ก็เพราะเซี่ยเชียนอยู่ที่นี่ด้วย
แต่ในบรรดาตระกูลที่มีอำนาจในสมัยนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเหยาซูได้ฉีกหน้าอวี้สื่อต้าฟูต่อหน้าต้าฟูและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทุกคนอย่างโหดเหี้ยม
อวี้สื่อต้าฟูมีความคิดค่อนข้างหัวโบราณ คาดไม่ถึงว่าจะถูกสตรีนางหนึ่งชี้หน้าด่าต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เป็นจำนวนมาก วาจาที่พ่นออกมาพูดได้ว่าเสียดแทงทุกคำพูด
วันนี้อวี้สื่อต้าฟูเริ่มป่วยใจ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
เมื่อครั้งอดีตเรื่องที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่มักจะได้ยินจากภายในล้วนแต่ต้องผ่านฮูหยินของตัวเองทั้งสิ้น ครานี้กลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นภรรยาเอกและอนุภรรยาของตัวเองที่ลากตนมาถามถึงต้นสายปลายเหตุ
ใต้หล้านี้ยังมีคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้อีกหรือ? แน่นอนว่ามี
แต่เมื่อวานปฏิกิริยาในตอนที่เหยาซูมาเยือนนั้นดูเหมือนแม่เสือเกรี้ยวกราดกำลังปกป้องลูกน้อย นั่นทำให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายท่านไม่กล้าเข้าไปขวาง
ใครเล่าจะรู้ว่าตลอดหลายปีที่ทำการค้าขายอยู่ข้างนอกฝีปากจะเก่งกาจเพียงนี้ คำด่าที่อ่อนโยนและนิ่งสงบแต่แทงใจคนฟัง หากถูกเหยาซูดักทางก่นด่าที่ใด พวกเขาคงแทบอยากจะมุดดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ตามหลักเหตุผลแล้วเรื่องที่ร้ายแรงเช่นนี้ต้องฟ้องศาล แต่เห็นได้ชัดว่าในบรรดาขุนนางมากมายเหล่านี้ไม่มีผู้ใดกล้าเขียนสาส์นกราบทูลสักคนเดียว ไม่ง่ายเลยกว่าลูกศิษย์ของอวี้สื่อต้าฟูจะกล้าเขียนสาส์นที่บ่งบอกถึงความไม่เหมาะสมของเหยาซู ยังไม่ทันมีการเรียกตัว องค์จักรพรรดิต้องทรงลงโทษหญิงชั่วผู้นี้อย่างแน่นอน
ผลลัพธ์คือ เสี้ยววินาทีต่อจากนั้น ครั้นได้ฟังสาส์นที่เหยาเฉาเขียนกราบทูลองค์จักรพรรดิกล่าวว่าตระกูลหลินได้รายงานพฤติกรรมของอวี้สื่อต้าฟูแล้ว เหตุผลที่รายงานคืออวี้สื่อต้าฟูได้ทำลายชื่อเสียงของบุตรสาว
เมื่อครั้งอดีตยามที่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เกิดความขัดแย้งเรื่องเหล่านี้ ล้วนแต่ต้องจัดการแก้ไขกันเองไม่ก็หาคนมาช่วยไกล่เกลี่ย คนที่มีความแค้นต่อกันจริง ๆ โดยพื้นฐานแล้วจะต้องรักษาท่าทีที่อ่อนโยนทางสีหน้าไว้ให้มั่น
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าตระกูลหลินจะลงมือโจ่งแจ้งเช่นนี้ ศักดิ์ศรีและหน้าตาของอวี้สื่อต้าฟูนับว่าพังทลายไม่มีเหลือ
หลินเหราและเหยาเฉาไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับเจ้าเมือง หลังจากที่ปล่อยวางสาส์นฉบับนี้ลง ก็กล่าวลาต่อหน้าพระพักตร์องค์จักรพรรดิและจากไป เห็นแค่แผ่นหลังกว้างกำยำ นับว่าดูสง่าไม่น้อย
เพราะในอดีตหลินเหรามักจะดูเย็นชา ประกอบกับสงครามในซีเป่ย จึงไม่มีใครกล้ามาขอความช่วยเหลือ ทยอยกันเบนความสนใจไปยังเซี่ยเชียน หวังให้เซี่ยเชียนออกหน้าไกล่เกลี่ยเรื่องนี้
แต่ดูเหมือนเซี่ยเชียนจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ยังมั่งคงดั่งภูเขาไท่ซาน ประการแรกเขาไม่แก้ต่างให้หลานชายของตัวเอง และประการที่สองเขาจะไม่ทำตามคำร้องขอของอวี้สื่อต้าฟูที่อับอายไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้อื่น
ทั้งหมดนี้ องค์จักรพรรดิทรงไม่ขัดขวาง
ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะบานปลายมาถึงขนาดนี้
ครอบครัวของอวี้สื่อต้าฟูยึดมั่นในคุณธรรมสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไร เพียงไม่กี่วันแม้แต่ศักดิ์ศรีก็ไม่มีเหลือ ในขณะที่มีผู้คนจำนวนมากบอกว่าตระกูลหลินไม่มีเหตุผล ก็มีบางคนบอกว่าคนของอวี้สื่อต้าฟูมีเจตนาไม่ดีตั้งใจทำลายชื่อเสียงลูกสาวของอีกฝ่าย
องค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ แต่ทุกคนล้วนเป็นขุนนางคนสนิท เขาเป็นถึงกษัตริย์ เข้าข้างใคร ย่อมไม่ดีทั้งนั้น
องค์จักรพรรดิไม่สะดวกที่เอ่ยเรื่องนี้
“ฝ่าบาท เสนาบดีฝ่ายราชทัณฑ์รวมทั้งเจ้าเมืองรอเข้าเฝ้าอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าเมืองก็คือขุนนางชั้นผู้น้อยที่สุดในราชสำนัก ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองผู้นี้ไม่เคยเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนตัว คงจะเป็นเรื่องที่ตัวเองกำลังจัดการอยู่เป็นแน่
เจ้าเมืองปวดหัวกับสองเรื่องนี้มาก หาเรื่องจนวุ่นวายเพียงนี้ จึงนำเรื่องนี้มารายงานต่อฝ่ายราชทัณฑ์
หลังจากที่คนของฝ่ายราชทัณฑ์เห็นเรื่องนี้ กลับไม่อาจนำข้อบังคับที่ยากแก้ไขออกมาได้ ทำได้เพียงพาคนมาเข้าเฝ้าพระองค์
“ขอคารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่องค์จักรพรรดิกำลังเอ่ยเรื่องนี้ก็ได้หันหน้าไปมองเซี่ยเชียนด้วยความสนใจ
แม้ว่าเซี่ยเชียนจะไม่รู้ แต่เพราะเรื่องนี้องค์รัชทายาททรงมาขอร้องเขาด้วยตัวเอง หวังเพียงปล่อยตระกูลหลินไป
องค์จักรพรรดิทรงทราบดี เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะหลินซือ!
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินซือเป็นคนที่องค์จักรพรรดิเห็นมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ เรื่องที่องค์รัชทายาททรงประสงค์สู่ขอพระชายา พระองค์ก็กล่าวได้ว่ารังเกียจหลินซือโดยแท้จริง
แต่ตอนนี้เพราะอายุของหลินซือและองค์รัชทายาทนับว่าต่างกันมาก ประกอบกับที่องค์รัชทายาทเป็นคนหัวร้อน กล่าวได้ว่าหลินซือประสบเคราะห์กรรมไม่น้อย
หลินซือตื่นตัวขึ้นทันใด ไม่มีเจตนาจะละโมบโลภมากในความมั่งคั่งของราชวงศ์ เรื่องนี้จึงทำให้องค์จักรพรรดิมีความเมตตากรุณาต่อสตรีของตระกูลหลินเป็นพิเศษ
……
เสนาบดีฝ่ายราชทัณฑ์พาเจ้าเมืองมาเยือนถึงที่นี่
“ฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเรื่องที่แม่ทัพหลินรายงานว่าอวี้สื่อต้าฟูทำลายชื่อเสียงของบุตรสาว ด้วยทางกระหม่อมไม่มีกฎเกณฑ์ให้อ้างอิงได้ ฝ่าบาทโปรดทรงตัดสินพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าว
นี่คือวิธีการที่หมดหนทางแล้ว เพราะเรื่องว่าราชกิจเมื่อวานนี้เซี่ยเชียนจึงอยู่ในวังตลอด ไม่ได้ออกไปไหน ย่อมไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้เป็นธรรมดา
แน่นอนว่าต้องมีคนนึกถึงตระกูลเหยา อยากให้คนของตระกูลเหยามารับผิด แต่คาดไม่ถึงว่าคนของตระกูลเหยาจะได้ยินข่าวเรื่องที่หลานสาวของตัวเองถูกรังแก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าญาติผู้พี่ของหลินซือ เหยาเอ้อหลาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนขวางเหยาเอ้อหลาง บางทีเขาอาจจะพากลุ่มคนบุกมาหาเรื่องถึงเรือนก็ได้
ขณะที่เสนาบดีฝ่ายราชทัณฑ์กล่าวเรื่องนี้จบลง ทุกคน รวมทั้งสายตาขององค์จักรพรรดิ ต่างหยุดที่ร่างของเซี่ยเชียน รอให้เซี่ยเชียนเอ่ยปากพูด
องค์จักรพรรดิไม่โกรธเคืองเซี่ยเชียน ไม่โกรธตระกูลหลินและตระกูลเหยา แต่เขาชอบดูเรื่องราวสนุกสนาน!
แต่ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อเซี่ยเชียนประสบกับเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ สีหน้าของเขากลับไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด กระทั่งพุ่งเข้าไปแสดงความเคารพต่อหน้าขององค์จักรพรรดิ “ถ้าไม่มีสิ่งใดแล้ว กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………