บทที่ 537 เวลาว่าง
บทที่ 537 เวลาว่าง
หลังจากที่เหยาซูบีบบังคับให้หลินจื้อสารภาพความในใจในคราวที่แล้ว หลินซือก็ไม่ได้พบไป๋หรูปิงอีกเลย
แต่หลินซือคิดได้ว่าหากไป๋หรูปิงต้องออกเรือน คงไม่มีทางเหมือนเมื่อก่อน จึงเกิดความลังเลไม่ตัดสินใจ “ไปถามท่านแม่ข้าสิ ว่าข้าไปกับพี่ไป๋หรือไม่ ถึงอย่างไรคราวนี้ท่านพี่ก็ไป หากไม่ได้เจอกัน เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”
พี่ชายและพี่สาวคือคนที่ตนโปรนปรานที่สุด ถึงไม่เจอกันก็สุขใจ
เจี่ยงเถิงแตะหน้าผากของหลินซือ “ถามอะไรนักหนาเล่า แม้จะบอกว่าก่อนออกเรือนออกไปไหนตามใจไม่ได้ แต่พวกเจ้าสองตระกูลก็หารืองานแต่งแล้วไม่ว่าอย่างไรก็มีเวลาหนึ่งปี ตลอดหนึ่งปีนี้จะออกไหนไม่ได้เลยหรือไร”
หลินซือพยักหน้า เป็นการเห็นด้วยกับคำพูดของเจี่ยงเถิง
เรื่องมากมายในตอนนี้ หลินซือคงจะวางใจลงได้จริง ๆ
แม้ว่าทั้งสองคนจะนั่งอยู่ แต่เจี่ยงเถิงก็ลอบมองหลินซือ สับสนเรื่องเด็กคนนี้เงียบ ๆ ในใจ
“คุณหนู ฮูหยินกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนไม่ได้ตกอยู่ในอาการนิ่งงันนานนัก กระทั่งได้ยินว่าเหยาซูกลับมาแล้ว
หลินซือจึงวิ่งไปหาเหยาซูเป็นธรรมดา
ครั้นเหยาซูเห็นลูกสาววิ่งเข้ามาหาตนอย่างกระตือรือร้น ก็รีบเดินขึ้นหน้าหลายก้าว แล้วโอบกอดหลินซือไว้ “โตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังทำตัวตื่นตูมแบบนี้อยู่อีก”
หลังจากที่หลินซือออกมา เจี่ยงเถิงก็เดินตามออกมา “ท่านอาซู”
“มาแล้ว” เหยาซูมองเจี่ยงเถิงด้วยรอยยิ้มตาหยีพลางเอ่ยขึ้น
อย่างไรเจี่ยงเถิงก็เป็นคนนอก หลังจากเหยาซูกลับมาได้ไม่นาน เขาก็ขอตัวลาอย่างรู้งาน แต่ก็ยังมิวายถือโอกาสบอกเรื่องที่จะพากันออกไปเล่นข้างนอกกับเหยาซู
เมื่อเหยาซูได้ยินก็โบกมือไปมา บ่งบอกว่าตัวเองไม่มีปัญหา “หลายวันมานี้เอ้อเป่าเข้าออกหลายครั้ง พรุ่งนี้ต้าเป่าก็กลับมาแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ พากันออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างก็ดี”
หลังจากที่ทั่งสองคนพูดคุยกันแล้ว เจี่ยงเถิงก็ขอตัวลา
ครั้นเหยาซูเห็นแผ่นหลังที่เดินจากไปของเจี่ยงเถิง ก็อดทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ “เด็กคนนี้มีความจริงใจ ได้ยินป้าเจี่ยงของเจ้ากล่าวไว้ เขากลับมาเมื่อสองวันก่อน ได้ยินว่าวันนี้เจ้าว่าง จึงรีบมาหาเจ้าทันที”
ดังนั้น ลูกสาวข้าจงรีบแจ้งแก่ใจเสียที!
หลินซือได้ยินก็ยอมรับ หากแต่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แล้วกล่าวอย่างสับสนว่า “ท่านแม่ พี่ไป๋เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
เหยาซูคาดเดาไว้นานแล้วว่าหลินซือจะถามถึงเรื่องนี้ ใบหน้าจึงแต้มไปด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่สองวันมานี้ตระกูลไป๋มีแม่นางผู้หนึ่งปรากฏตัว บอกว่าเป็นลูกของอนุภรรยาของตระกูลไป๋ วันนี้ก็น่าจะเตรียมพิธีแต่งงานอยู่ในจวน”
“วันหลัง ข้าจะไปเยี่ยมพี่ไป๋ทางนั้นเอง” หลังจากที่หลินซือได้ยินประโยคนี้ ก็พยักหน้า แต่เรื่องในใจทำได้แค่ปล่อยวางลงอย่างเงียบ ๆ
ไม่ว่าอย่างไร นางและไป๋หรูปิงก็มีความสัมพันธ์อันดีกันมานานหลายปี เรื่องแบบนี้ ต้องไปดูให้เห็นกับตา
เหยาซูพยักหน้า “ไปเถอะ ถือโอกาสนำเทียบเชิญไปด้วย บอกตระกูลไป๋สักคำ เรื่องที่จะไปชนบทด้วยกัน”
เรื่องของตระกูลหลินและตระกูลไป๋จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจะออกไปเล่นด้วยกัน ครั้นถูกผู้อื่นเห็นเข้าก็คงจะพูดอะไรไม่ได้
หลินซือกำลังจะถามเรื่องนี้พอดี ครั้นได้ยินก็ยิ้มตาหยีพร้อมตอบตกลง
วันต่อมา หลังจากที่หลินซือหวีผมเรียบร้อย ก็ให้คนถือเทียบเชิญไปส่งให้ตระกูลไป๋ ไม่นานก็ได้รับการตอบกลับ
หลินซือพาสาวใช้ขึ้นไปนั่งบนรถม้า และตรงมาถึงตระกูลไป๋
หลินซือลงจากรถม้าได้ไม่นาน ก็เห็นไป๋หรูปิงยืนรออยู่หน้าประตู
ไป๋หรูปิงเห็นหลินซือปรากฎตัว ก็รีบกล่าวทักทายด้วยความเบิกบานใจ “เร็วเข้า เจ้ามานี่เร็วเข้า หลังจากได้รับข่าวของเจ้า ข้าก็รอเจ้าตรงนี้ตลอดเลย แม่นางหลินผู้ใจดี”
ครั้นหลินซือได้ยินการหยอกเย้าของไป๋หรูปิงก็ไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใด “พี่สะใภ้ก็มากพิธีเกินไป”
ครานี้ กลับสีหน้าของไป๋หรูปิงขึ้นสีแดงระเรื่อ “เจ้าเด็กคนนี้ชักเก่งเกินไปแล้ว ถ้าพูดอีกเชื่อหรือไม่ว่าข้าฉีกปากเจ้าได้”
ไป๋หรูปิงถลึงตาใส่หลินซือแวบหนึ่ง เรื่องนี้ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้รับผลกระทบใหญ่โตแต่อย่างใด
เมื่อหลินซือมาถึง ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับไป๋หรูปิงอย่างไร แต่เมื่อมาถึง บทสนทนาก็เริ่มขึ้ การพูดคุยหลังจากนั้นก็ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าตระกูลไป๋จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลินซือและไป๋หรูปิงทั้งสองคนจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเสมอ
“วันนี้ระหว่างทางข้าซื้อขนมติดไม้ติดมือมาด้วยสองสามกล่อง ฮูหยินไป๋อยู่หรือไม่?”
หลินซือมาถึงตระกูลไป๋ทั้งที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าพบฮูหยินเจ้าบ้านของตระกูลไป๋เพื่อกล่าวทักทายสักคำ
แต่วันนี้ไป๋หรูปิงกลับพาหลินซือไปยังห้องของตัวเอง ไมได้ไปลานกว้างด้านหลังของตระกูลไป๋แต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ หลินซือจึงอดถามออกไปไม่ได้
“สองสามวันนี้ท่านแม่กลับบ้านท่านตาสักระยะหนึ่ง”
ยามที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของไป๋หรูปิงแสดงสีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยพบเจอเท่าไรนัก
ความจริงแล้วตระกูลหลินไม่อยากจะซักไซ้ไล่ถามเรื่องของตระกูลไป๋นัก ตกลงตระกูลไป๋เกิดเรื่องอะไรขึ้นย่อมสับสนงุนงงเป็นธรรมดา แต่ทำให้ฮูหยินไป๋โกรธเคืองจนต้องกลับเรือนฝ่ายมารดา สรุปได้ว่าต้องเป็นเรื่องแต่งงานของไป๋หรูปิงแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าไป๋หรูปิงมีท่าทีกลุ้มใจมานานแล้ว ทันทีที่หลินซือถูกพามาถึงห้องโถงกลาง ก็เริ่มพูดเรื่องนี้กับหลินซือทันที “ไม่ว่าเจ้าจะขบขันหรือไม่ก็ตาม แต่หลังจากที่ท่านแม่ออกแบบห้องนอนให้ข้าเรียบร้อยก็ลากข้ากลับเรือนทันที จากนั้นก็ทะเลาะกับท่านพ่อ เวลานี้ครอบครัวของข้าโกลาหลมากทีเดียว…”
“น้องข้า ข้าได้ยินว่าเจ้ามีแขกอยู่ที่นี่ ข้าก็เลยเข้ามา”
ยังไม่ทันทีหลินซือจะดื่มชาหมด ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา เห็นจากท่าทางแล้วน่าจะโตกว่าไป๋หรูปิง หลังจากเข้ามาก็เบือนสายตามามองหลินซือทันที
“คุณหนูตระกูลไป๋?”
หลินซือไม่เคยเจอหญิงผู้นี้ แต่สังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าทันทีที่นางเข้ามา หน้าอกของไป๋หรูปิงพลันกระเพื่อมขึ้นลง เห็นท่าทางไม่ชอบมาพากลของทั้งสองคนอย่างชัดเจน
“ข้าชื่อไป๋หรูเยว่”
หลินซือได้ยินสตรีนางนี้เอ่ยขึ้น
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องเปิดศูนย์พักพิงก็ไม่มีอะไรแล้ว แถมยังได้สปอนเซอร์มาเพียบอีก
เหลือแต่เรื่องความสัมพันธ์นี่แหละที่ยังยุ่งเหยิง บ้านตระกูลไป๋จะจัดการปัญหายังไงน้า
ไหหม่า(海馬)