ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 666 อยากจะชี้แนะองค์รัชทายาทเสียหน่อย

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 666 อยากจะชี้แนะองค์รัชทายาทเสียหน่อย

บทที่ 666 อยากจะชี้แนะองค์รัชทายาทเสียหน่อย

“องค์รัชทายาท?” เสียงของลู่เหยาสร้างความตกใจให้กับองค์รัชทายาทอย่างมาก เขากำลังทำอะไร? ทำไมถึงเสียการควบคุมตัวเองเช่นนี้ ถ้าลู่เหยาไม่ส่งเสียง เขาคงยื่นมือออกไปลูบศีรษะของนางเหมือนกับไอ้บ้ากามหื่นไม่เลือกหน้าแล้วจริง ๆ

จึงรีบดึงมือของตัวเองกลับมา ยืดตัวตรง มองลู่เหยา และทำราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

“แล้วเมื่อครู่เจ้าร้องไห้ทำไม?”

“ไม่มีอะไรเพคะ หม่อมฉันแค่อ่อนไหวง่ายไปหน่อย จึงรู้สึกแย่เท่านั้น”

“ไม่ว่าจะอ่อนไหวง่ายหรือไม่ ก็ต้องมีเหตุผล จงบอกข้าว่าเหตุผลคืออะไร” องค์รัชทายาทไม่เชื่อคำไร้สาระของลู่เหยา

เขาเข้าใจลู่เหยาดี นางเป็นคนไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัวและซื่อบื้อมาก ถ้าไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจ แล้วจะมานั่งร้องไห้เสียใจเช่นนี้ทำไม ก่อนหน้านั้นมารดาของนางก็ด่านางสาดเสียเทเสีย นางยังไม่ได้ใส่ใจเลย

“เพราะหม่อมฉันจะไปหาพี่หลินซือไม่ได้อีกแล้ว”

“นางโกรธเจ้ารึ?” ครั้นได้ยินคำพูดของลู่เหยา นัยน์ตาขององค์รัชทายาทก็ฉายแววดุดันบางเบา

เขาคาดไม่ถึงว่าอาซือจะจัดการกับลู่เหยาเช่นนี้ ครั้นคิด ๆ ดูมันก็ใช่ ขนาดตัวเองเป็นถึงองค์รัชทายาท ยามอาซือเจอตนนางยังไม่พูดเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น

มีแค่อาซือเท่านั้นที่จะทำให้ลู่เหยาเสียใจเช่นนี้ แต่เรื่องที่ทำให้องค์รัชทายาทคาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ การที่อาซือเปลี่ยนไป เพราะความชอบของเขาที่มีต่อนางทำให้นางทำตัวหยิ่งยโสโอหังอย่างนั้นหรือ?

“ไม่ใช่พี่หลินซือเพคะ” ลู่เหยาได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาทก็รู้ทันทีว่าเขาต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่นอน จึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

“แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าไม่เคยโกหก ลู่เหยา เจ้าค่อยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อข้า ดังนั้นถ้าเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอะไรก็ให้รีบบอกข้า ไม่ต้องปิดบัง”

“องค์รัชทายาท ไม่ใช่พี่หลินซือจริง ๆ เพคะ….”

“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปถามอาซือให้รู้เรื่อง” ยังไม่ทันที่ลู่เหยาจะอธิบาย องค์รัชทายาทก็กลับไปเสียก่อน

ครั้นเห็นองค์รัชทายาทจากไป ในใจของลู่เหยาก็ยิ่งร้อนใจ จึงรีบให้คนรับใช้ไล่ตามองค์รัชทายาทไป ส่วนตัวเองก็ตรงไปยังจวนหลิน นางจะต้องขวางองค์รัชทายาทให้จงได้ มิเช่นนั้นหากองค์จักรพรรดิทรงรู้เข้าจะต้องลงโทษองค์รัชทายาทอย่างแน่อน

หลังจากองค์รัชทายาทออกจากจวนลู่แล้วก็ตรงไปยังจวนหลินทันที เป็นเพราะอยู่บนถนนสายเดียวกัน จึงไม่นับว่าไกลมากนัก ทันทีที่ถึงก็ถลันเข้าไปในจวนของหลินซือโดยไม่มีการรายงานก่อนแต่อย่างใด

ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ องค์รัชทายาททรงติดเป็นนิสัยไปแล้ว

ยามเสด็จเข้าไป หลินซือกำลังพูดคุยกับเจี่ยงเถิง ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก ดูไปแล้วก็ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก

“องค์รัชทายาท?” ครั้นเห็นองค์รัชทายาทเข้ามา หลินซือกลับไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับมององค์รัชทายาทด้วยสีหน้างุนงง

“ดูท่าข้าจะมาถูกเวลาจริง ๆ สินะ อาซือ คราที่แล้วที่ลักพาตัวเจ้าไปเป็นฝีมือของข้า เหตุใดเจ้าถึงต้องเอาความกับลู่เหยาด้วย”

“หม่อมฉันไปเอาความกับคุณหนูลู่ตั้งแต่เมื่อใด?” หลินซือไม่ใช่คนทีจะยอมให้ใครใส่ร้ายได้ง่าย ๆ ถ้านางทำนางจะยอมรับ แต่ถ้านางไม่ได้ทำ นางไม่มีวันยอมรับ

ช่วงนี้ตัวเองวุ่นแต่กับเรื่องค้าเกลือ ไฉนเลยจะมีเวลาไปหาลู่เหยา แม้แต่เรื่องไปเยี่ยมลู่เหยาล้วนเป็นหน้าที่ของมารดาตนทั้งสิ้น นางอยู่แต่ในเรือน เฝ้าดูเหล่าพ่อค้าที่นำของขวัญมามอบให้เท่านั้น

“เหอะ ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วทำไมลู่เหยาถึงได้นั่งร้องไห้สะอื้นอยู่ในเรือนตัวเองเช่นนั้น นางเป็นคนไม่สนใจสิ่งรอบตัว ถ้าไม่เสียใจขั้นสุดจริง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”

“องค์รัชทายาท พระองค์จะมาตำหนิหม่อมฉันหรือจะมาถามเอาความจริงจากหม่อมฉันกันแน่เพคะ?” เจี่ยงเถิงที่อยู่ข้างกายกำลังจะพูดบางอย่าง แต่กลับถูกสายตาของหลินซือห้ามปราม ไม่ให้เขาทำการบุ่มบ่าม นางอยากถามให้แน่ใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“เจ้าคิดว่าข้าอยากทำไหมล่ะ? อาซือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าคิดว่าเจ้าอารมณ์ร้าย แต่ข้ากลับไม่คิดว่าเจ้าจะใจดำถึงเพียงนี้ หากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของลู่เหยา ข้าคงไม่รู้ว่าถูกเจ้าหลอกลวงมานานเพียงใดแล้ว!”

“องค์รัชทายาท องค์ทรงกล่าวหาคุณหนูของเราเช่นนี้ไม่เกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?” คนรักของตนถูกกล่าวหา เจี่ยงเถิงก็ทนไม่ได้แล้วยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนที่ถูกชี้หน้าด่าเช่นนี้

อาซือเป็นคนอย่างไรเขาย่อมรู้ดีกว่าใคร ถ้าเป็นอย่างที่องค์รัชทายาททรงกล่าวหา ทำไมหลังจากกลับเมืองถึงยังเอาแต่จัดการเรื่องเรือนพังพิงเล่า?

แค่สถานะของอาซือ นางคิดว่าการเป็นคุณหนูที่ไม่ต้องกังวลสิ่งใดเป็นเรื่องที่ทำกันได้โดยง่าย แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานางมักช่วยผู้อื่นด้วยวิธีการของตัวเอง องค์รัชทายาทไม่รู้อะไรเลย ถึงได้วิพากวิจารณ์นาง เขารับไม่ได้!

“เกินไป? แล้วตอนที่นางพูดกับลู่เหยาทำไมถึงไม่คิดว่าว่าเกินไปบ้าง?”

“ลู่เหยา? ถ้ากระหม่อมจำไม่ผิด องค์รัชทายาททรงชื่นชอบอาซือ บัดนี้กลับมาสอบถามอาซือเพื่อสตรีนางอื่น นี่คือความชอบที่พระองค์ทรงเคยตรัสไว้รึ? สำหรับกระหม่อม การชอบคนคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกของนางแล้ว ทั้งยังมองถึงจิตใจภายในของนางด้วย การกระทำขององค์รัชทายาทในวันนี้ กำลังสงสัยสายตาของตัวเองก่อนหน้านี้หรือกำลังแก้ตัวเพียงเพราะอยู่กับอาซือไม่ได้กันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”

คำพูดของเจี่ยงเถิงนั้นชัดเจนมาก จนองค์รัชทายาทไม่รู้ว่าจะโต้ตอบกลับไปอย่างไร

เขาชอบอาซือจริง แต่นั้นเป็นตอนที่อาซือยังน่ารักไร้เดียวสา อาซือในตอนนี้ไม่เหมือนกับในความทรงจำของเขาแต่อย่างใด

“เจี่ยงเถิง ข้าให้เกียรติเจ้า ไม่ใช่ให้เจ้ามาท้าทายเส้นตายของข้า เจ้าเห็นข้าเป็นองค์รัชทายาทอยู่ไหม?”

“องค์รัชทายาท? องค์จักรพรรดิทรงเป็นห่วงทุกข์สุขของราษฎร แต่องค์รัชทายาทกลับมักใฝ่หาในนารี ทั้งยังมาตำหนิสามหาวต่อสตรีที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองอีก ขอทูลถาม พระองค์เหมือนองค์รัชทายาทตรงไหนมิทราบพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าบังอาจ! อยากเจ็บตัวใช่หรือไม่?”

“อยากจะทำก็ทำเลย คิดว่ากระหม่อมกลัวพระองค์งั้นรึ?”

ขณะกล่าว ทั้งสองคนเตรียมฟาดฟัน หลินซือได้แต่ร้อนใจอยู่ด้านข้าง

องค์รัชทายาทได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ แต่พี่อาเถิงฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้าง

เพิ่งฟื้นจากอาการหลับใหลจะต่อสู้ในทันทีทันใดได้อย่างไร? ในใจนางยิ่งเป็นกังวล ให้คนไปตามเหยาซู บัดนี้มีแค่มารดาของตนที่จะขัดขวางสองคนนี้ได้

“พวกท่านหยุดทะเลาะกันได้แล้ว มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือไร? พี่อาเถิง หยุดเดี๋ยวนี้!”

“อาซือ เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้าแค่อยากชี้แนะทักษะการต่อสู้ขององค์รัชทายาท แต่แค่ไม่มีเวลามาตลอด”

“เหอะ อย่างเจ้า ข้าจะคอยดูว่าเจ้ามีความสามารถเพียงใดกันเชียว!”

ทั้งสองคนทั้งเตะทั้งต่อยอย่างดุดันอยู่ในจวนของหลินซือ คนรับใช้รอบตัวต่างหลีกห่างออกไปไกล ๆ กันทีละคน เหมือนกับกลัวว่าตัวเองจะถูกลูกหลงไปด้วย

มีแค่หลินซือที่ยืนเฝ้ามองทั้งสองคนสู้กันอยู่ในลานกว้าง ด้วยความร้อนใจอยู่ภายใน องค์รัชทายาทก็จริง ๆ เลย มาถึงก็ทรงตรัสไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ใครเลยจะรู้ว่าเขาหมายถึงสิ่งใด

เพราะกลัวว่าพี่อาเถิงจะได้รับบาดเจ็บ หลินซือจึงไม่กล้าวางใจ ตอนที่ลู่เหยามาถึงได้เห็นสถานการณ์ที่กำลังชุลมุนกันพอดี จึงยิ่งเป็นกังวลในใจ ทะเลาะกันเช่นนี้ ถ้าองค์รัชทายาททรงเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร?

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

องค์รัชทายาทก็บุ่มบ่ามเสียจริง ๆ ไม่ยอมฟังอะไรเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท