บทที่ 673 ลู่เหยาช่างไร้เดียงสายิ่งนัก
บทที่ 673 ลู่เหยาช่างไร้เดียงสายิ่งนัก
เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่พูดจาคล่องแคล่วโน้มน้าวใจเก่ง และไม่ถนัดโกหกเป็นที่สุด การกระทำเช่นนี้ของลู่เหยาทำให้เขาผ่อนคลายลงมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไปเถอะ” ครั้นเห็นซวีจ้าวประคองเหยาเอ้อหลางจากไป องค์รัชทายาทก็หันไปมองลู่เหยาที่อยู่ข้างกาย นัยน์ตาแฝงไปด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่อีกฝ่ายไม่ได้ดั่งใจ
ถ้านางไม่ใจดี จะถูกรังแกง่าย ๆ เช่นนี้หรือไม่ แม้แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถรังแกนางได้ เหยาเอ้อหลางผู้นั้นมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นนักเลงหัวไม้ ไฉนนางถึงต้องเปลืองสมองคิดช่วยเขาเช่นนี้ด้วย
แต่ครั้นองค์รัชทายาทเห็นสายตาของลู่เหยา จำต้องตัดใจตำหนินางไป
“คนก็ไปแล้ว เจ้ามัวยืนทำซากอะไรอีก?”
“องค์รัชทายาทเสด็จมาหาหม่อมฉันหรือเพคะ?” ลู่เหยามององค์รัชทายาทด้วยความดีใจอยู่ภายใน แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ได้เสียใจเพื่อนางเหมือนยามอยู่ต่อหน้าพี่หลินซือ แต่องค์รัชทายาทก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีเพื่อนาง เพียงเท่านี้นางก็ดีใจแล้ว
ลู่เหยาไม่ได้รู้สึกว่าท่าทางเงอะงะของตัวเองจะสามารถปิดบังองค์รัชทายาทได้ แต่แค่อยากเห็นว่าองค์รัชทายาทจะปล่อยนางไปหรือไม่เท่านั้น
“ไม่มาหาเจ้าแล้วจะมาหาผู้ใด? ตอนนี้งานเลี้ยงในจวนหลินก็จบลงแล้ว ไปก็ไม่เจอใคร”
“ที่แท้องค์รัชทายาทก็อยากเสด็จไปหาพี่หลินซือนี่เอง?” ครั้นได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาท ความสุขสกาวในสายตาของลู่เหยาก็หม่นหมองลงเล็กน้อย นางรู้ดีว่าองค์รัชทายาทต้องไม่ได้มาเพื่อนางแน่นอน
“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว วันนี้ข้าตั้งใจมาหาเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าพูดอยู่เสมอไม่ใช่หรือว่าอยากไปดูโคมไฟลอยน้ำ? วันนี้วันดี ว่ากันว่าทางตอนเหนือของเมืองมีโคมไฟลอยน้ำ อยากไปหรือไม่?”
“จริงหรือเพคะ?” ครั้นได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาท ลู่เหยาถึงกับเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ นี่คือเรื่องจริงใช่หรือไม่? องค์รัชทายาทไม่ได้โกหกนางใช่ไหม?
“จริงแท้แน่นอน โกหกเจ้าไปให้มันได้อะไร สรุปเจ้าจะไปหรือไม่ไป?” องค์รัชทายาทผู้ซึ่งไม่รู้วิธีการปลอบใจเด็กผู้หญิงมาโดยตลอด ช่วงนี้ยามได้เห็นลู่เหยามีหน้าตาอมทุกข์ในทุกวัน ไม่เหมือนกับเด็กสาวที่เขาเคยรู้จักในตอนแรกคนนั้นแม้แต่น้อย จึงได้พยายามระดมความคิดหาทางหยอกเย้าให้นางอารมณ์ดี
เพียงแต่ปากเจ้ากรรมดันแข็งไปหน่อย แม้แต่การเชิญชวนเจ้าตัวให้มาดูโคมไฟลอยน้ำก็ยังแสดงออกมาไม่เป็นธรรมชาติ
“ไป ไปแน่นอน เช่นนั้นเราไปกันเถอะ” ครั้นได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาท ลู่เหยาก็รีบก้มหน้างุดไม่ให้องค์รัชทายาทเห็นมุมปากที่กระตุกขึ้นของนาง
เหตุใดดูเหมือนยิ่งอยู่นางยิ่งชื่นชอบองค์รัชทายาทมากขึ้น!
ครั้นถึงทางตอนเหนือของเมือง ทั่วสารทิศล้วนเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่เดินกันขวักไขว่ไปมาอย่างที่คิดไว้ พ่อค้าแม่ขายโห่ร้องเรียกลูกค้าดังกึกก้อง ดูคึกคักไม่น้อย
ลู่เหยาไม่ใช่คนที่จะได้ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกได้บ่อยนัก ไฉนเลยจะเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ในใจย่อมดีใจมากเป็นธรรมดา ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใสยาวนาน
“องค์รัชทายาท ที่นี่คึกคักมากเพคะ” ลู่เหยาทูลต่อองค์รัชทายาท ก่อนจะเหลือบไปเห็นแผงลอยข้างกายองค์รัชทายาท กำลังนั่งทำหุ่นของละครเงาอยู่พอดี
จึงจับจ้องอย่างไม่ละสายตา แม้ว่าก่อนหน้านั้นตอนอยู่ในจวน ตู้เหิงมักจะเชิญคนมาทำการแสดงละครเงา แต่ลู่เหยากลับไม่รู้ที่มาของละครเงา กระดาษเพียงบาง ๆ แผ่นเดียวจะสร้างเป็นตัวละครได้จริงหรือ?
“หากเจ้าชอบก็หยุดดูสักหน่อยสิ” องค์รัชทายาทสังเกตเห็นท่าทางของลู่เหยามาตลอด ครั้นเห็นลู่เหยาชื่นชอบละครเงาโดยแท้จริง จึงให้คนข้างหลังหยุดเดิน จากนั้นตัวเองและลู่เหยาก็หยุดดูกระดาษละครเงา มองดูกระดาษแผ่นบางเหล่านั้นถูกรังสรรค์ให้เป็นรูปคนอย่างรวดเร็วด้วยมือของช่างฝีมือผู้ชำนาญ
“คุณชาย คุณหนู ดูนี่สิ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของใหม่ หากคุณชายและคุณหนูยินยอม ข้าสามารถสรรค์สร้างตัวละครที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกับคุณชายและคุณหนูโดยเฉพาะได้นะเจ้าคะ” หญิงชราเจ้าของแผงได้เอ่ยกับองค์รัชทายาทและลู่เหยา
จากนั้นก็เห็นมีดในมือของนางเคลื่อนไหวไปบนกระดาษอย่างต่อเนื่อง ไม่นานตัวละครชิ้นหนึ่งก็ปรากฏออกมา ส่วนรูปที่นางกำลังแกะสลักในตอนนี้ก็คือรูปร่างของลู่เหยา
“ว้าว เหมือนยิ่งนัก!” ลู่เหยารับมาจากมือของหญิงชรา ท่าทางที่ดูระมัดระวังนั้นได้สร้างความขบขันให้แก่องค์รัชทายาทได้สำเร็จ
เพราะเป็นภาพเงาที่ยังตัดขอบไม่เสร็จ กระดาษจึงค่อนข้างบอบบางมาก ลู่เหยาจึงถือมันอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด
“ในเมื่อชอบก็ซื้อสิ”
“ให้ข้าทำรูปร่างของคุณชายเพิ่มอีกชิ้นดีกว่า แบบนี้จะได้เล่นกันสนุกมากยิ่งขึ้น” หญิงชราเอ่ยอย่างเนิบช้า เห็นได้ชัดว่านางคิดว่าองค์รัชทายาทและลู่เหยาเป็นคู่รักกัน
“ไม่ต้อง…”
“เอาสิ งั้นรบกวนเจ้าแล้วล่ะเจ้าค่ะท่านยาย” ยังไม่ทันที่องค์รัชทายาทจะปฏิเสธ ลู่เหยาก็ชิงตอบรับไปเสียก่อน
แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ได้ชอบนาง แต่ตอนนี้มีแค่เหตุการณ์นี้ถึงจะทำให้นางและองค์รัชทายาทได้มีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน ความต้องการของนางไม่ถือว่ามากเกินไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ไม่รบกวนเลยเจ้าค่ะ เห็นคุณหนูเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นลูกหลานขุนนางชั้นสูง ทั้งยังอ่อนโยนต่อหญิงแก่อย่างข้า ช่างแตกต่างต่างดั่งที่คาดคิดไว้ ได้โปรดคุณหนูคืนภาพเงานั้นให้ข้า ข้าจะแต่งแขนและขาให้คุณหนู และวาดองค์ประกอบบนใบหน้า เช่นนี้ก็จะกลายเป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบแล้ว”
“เจ้าค่ะ” กล่าวจบก็ยื่นมันคืนให้หญิงชราอย่างระมัดระวัง ลู่เหยามีความสุขอย่างมาก
องค์รัชทายาทเห็นดังนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลู่เหยาที่ไร้เดียงสาหรือเพราะนางดูเรียบง่ายกันแน่ ตัวละครตัวเล็ก ๆ สามารถทำให้นางมีความสุขได้ถึงเพียงนี้
“งั้นเราจะจ่ายตำลึงเงินให้เจ้าก่อน ประเดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยมารับของจากเจ้าที่นี่ได้หรือไม่?” องค์รัชทายาทเอ่ยกับหญิงชราผู้นั้น
“ได้เจ้าค่ะ” องค์รัชทายาทส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ด้านหลังนำเงินให้แก่หญิงชรา แล้วพาลู่เหยาไปด้านข้าง
ระหว่างทางได้เห็นว่าในหลายพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยฝูงชนกลุ่มใหญ่ บ้างก็กำลังแสดงกายกรรมผาดโผน บ้างก็กำลังเดาปริศนาที่เขียนไว้บนโคมไฟ โคมไฟหลากลีสันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ขับให้แม่น้ำสายนี้งดงามวิจิตรดั่งภาพที่วาดโดยจิตรกร
หากสังเกตอย่างละเอียด จะเห็นคู่รักหลายคู่มานั่งกระซิบกระซาบกันอยู่ใต้ต้นไม้ตลอดเวลา ช่างอบอุ่นและละมุนใจยิ่งนัก
“องค์รัชทายาท เราไปลอยโคมไฟด้วยกันดีไหมเพคะ?”
“ได้สิ” กล่าวจบ องค์รัชทายาทก็ให้คนไปซื้อโคมไฟกลับมาสองดวง ซึ่งเป็นโคมไฟลอยน้ำรูปดอกบัวสีชมพูที่พบเห็นได้โดยทั่วไป แต่ในใจของลู่เหยานั้นแตกต่าง นี่คือโคมไฟที่องค์รัชทายาทประทานให้นางด้วยตัวเอง!
ครั้นเห็นกลุ่มคนที่มารวมตัวกัน องค์รัชทายาทนำพาลู่เหยาอย่างระมัดระวัง หลบเลี่ยงผู้คน กระทั่งเจอสถานที่ที่สามารถลอยโคมไฟได้แห่งหนึ่ง
ลู่เหยารับกระดาษและดินสอถ่านจากในมือของผู้ติดตาม แล้วเริ่มขีดเขียน หลบเลี่ยงสายตาขององค์รัชทายาทอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนจะไม่อยากให้องค์รัชทายาททรงทราบว่านางเขียนมันไว้ว่าอย่างไร
ส่วนองค์รัชทายาทก็ขีดเขียนตามใจชอบสองสามคำ แล้วจับกระดาษพับไว้ ใส่ลงในโคมไฟลอยน้ำ
แล้วค่อย ๆ เดินมาริมแม่น้ำ ทอดมองโคมไฟแม่น้ำที่ลอยอยู่เต็มผืนนที ลู่เหยาค่อย ๆ จุดไฟบนโคมไฟอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็วางลงในน้ำอย่างเบามือ ค่อย ๆ ไล่น้ำอย่างอ่อนโยน ให้โคมไฟลอยน้ำนั้นค่อย ๆ ลอยออกไปไกล
องค์รัชทายาทจึงวางโคมไฟลอยน้ำลงอย่างแผ่วเบา เลียนแบบการกระทำของลู่เหยากระทั่งเริ่มลอยออกไป ความจริงแล้ว เขาไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้มาก่อน ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงยอมทำเช่นนั้น