ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 699 ในที่สุดก็โพล่งออกมา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 699 ในที่สุดก็โพล่งออกมา

บทที่ 699 ในที่สุดก็โพล่งออกมา

วันแบบนี้คงอยู่ได้แค่สองสามวัน มันทำให้หลินซือรู้สึกเบิกบานใจอย่างมาก ความรู้สึกจากการได้รับการประคบประหงมจากทุกคน ยิ่งนานวันกลับทำให้หลินซือรู้สึกอึดอัด

ปฏิบัติราวกับนางเหมือนกับตุ๊กตาก็มิปาน ได้รับการปกป้องอย่างระมัดระวังจากทุกคน ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำได้แค่กินและก็นอนเท่านั้น

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลินซือรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่ถูกเลี้ยงจนอิ่มหมีพีมัน แต่มักรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินบะหมี่ ทุกคนต่างควบคุมอย่างเข้มงวด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจี่ยงเถิงที่ไม่ให้หลินซือกินในสิ่งที่นางอยากกินเลย เตรียมอาหารให้หลินซือตามที่หมอสั่งอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน

เรื่องนี้ทำให้หลินซืออึดอัดใจยิ่งนัก หลังจากตั้งครรภ์นางมักอยากกินอาหารรสจัดจ้านอยู่เสมอ

แต่หมอบอกว่าสตรีที่ตั้งครรภ์กินอาหารรสจัดจ้านมากเกินไปจะไม่ดีต่อเด็ก เจี่ยงเถิงจึงไม่ให้หลินซือแตะต้องอาหารรสจัดจ้านเลย แค่มีรสเผ็ดเป็นพื้นฐานก็ไม่ได้ เรื่องนี้ยิ่งทำให้หลินซือหงุดหงินใจอย่างมาก

ช่วงไหนที่เจี่ยงเถิงว่าง นางจะให้เจี่ยงเถิงทำอาหารที่มีรสชาติเผ็ดสักเล็กน้อยให้กิน เผ็ดสักนิดสักหน่อยก็ได้

แต่เจี่ยงเถิงมักจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของผู้อื่น “ฮูหยิน ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ หมอบอกว่าการกินเผ็ดไม่เป็นผลดีต่อเด็ก เพื่อลูกในอนาคตของเรา เราต้องอดทน รอให้ลูกคลอดออกมาก่อน เจ้าอยากกินเผ็ดแค่ไหนข้าจะทำให้เจ้ากินทุกอย่างดีไหม?”

เจี่ยงเถิงมักจะใช้คำพูดเหล่านี้มารับมือกับหลินซือทุกครั้ง หลินซือทำได้แค่ท้อใจ แต่ในใจกลับไม่ยอม ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

ยิ่งไม่ให้หลินซือกิน นางก็ยิ่งอยากกิน

คิดได้เช่นนี้หลินซือก็ทำการวางแผนอย่างแยบยลในใจ นางคิดวิธีการดี ๆ ออกหนึ่งอย่าง เจี่ยงเถิงต้องออกไปว่าราชการข้างนอกทุกวัน นางจะฉกฉวยโอกาสนี้แหละ

วันนี้ก็เฉกเช่นทุกวัน หลินซือเห็นเจี่ยงเถิงออกจากจวนไป

จากนั้นก็ถือโอกาสตอนที่คนรับใช้ไม่ทันสังเกตเห็น แอบเข้าไปในจวนด้านหลัง เปิดประตูจวนด้านหลัง วิ่งเหยาะ ๆ ออกไป ล้วงหยิบเงินถุงหนึ่งจากในกระเป๋า เล็งเป้าหมายและตรงไปยังโรงเตี๊ยมข้างทางแห่งนั้นทันที

นางหยิบเงินออกมาตบโต๊ะด้วยท่าทีร้อนใจอย่างอดไม่ได้ ลูกจ้างในร้านรีบเดินเข้ามา ยิ้มตาหยีพลางเอ่ยถามหลินซือ

“ลูกค้าจะรับอะไรดีขอรับ?”

“ขออาหารจานเผ็ดทุกอย่างในร้านมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!”

ลูกจ้างในร้านรีบหมุนตัวออกไปอย่างมีความสุข ตรงเข้าไปสั่งอาหารในครัว

ไม่นานตรงหน้าของหลินซือก็เต็มไปด้วยอาหารที่ถูกนำมาวางแล้ววางเล่า กลิ่นหอมที่ลอยคละคลุ้งออกมา ช่างเป็นกลิ่นหอมที่ชวนน้ำลายสอยิ่งนัก

หลินซือสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สูดเอากลิ่นหอมของความเผ็ดจัดจ้านเข้าไป ชวนน้ำลายสอแทบทนไม่ไหว

นางหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็คีบปลาผัดเปรี้ยวหวานชิ้นหนึ่งเข้าปาก ร่างกายที่ได้รับความเผ็ดนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ร่างทั้งร่างรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

จากนั้นก็คีบเอาเนื้อผัดเผ็ดอีกชิ้น ปลานึ่ง ผัดพริกแกงหน่อไม้ เป็นต้น…

หลินซือสามารถกินอาหารบนโต๊ะเหล่านี้ให้หมดเพียงคนเดียวได้ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้กินเพียงผู้เดียว ยังมีเจ้าตัวเล็กอีกคน

แค่อาหารบนโต๊ะนี้ก็เพียงพอแล้ว

หลินซือกินข้าวคนเดียวไปครึ่งถัง เถ้าแก่ร้านและลูกจ้างในร้านพากันตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนจะกระซิบกระซาบกัน

“ฮูหยินท่านนี้ดูท่าจะยังอ่อนเยาว์นัก ร่างกายซูบผอม เหตุใดถึงกินเก่งขนาดนี้ ข้าเพิ่งเคยเห็นคนที่กินเก่งเพียงนี้เป็นครั้งแรกเลยนะ”

เสี่ยวเอ้อคนนั้นกลับไม่แปลกใจ “เถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่เห็นท้องที่ยื่นออกมาของฮูหยินท่านนี้หรือขอรับ? น่าจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ คนในจวนคงห้ามไม่ให้นางกินเผ็ด จึงแอบหนีออกมาแก้ความอยากกระหายเช่นนี้ พอได้กินก็เลยสบายตัวขึ้นขอรับ”

ลูกจ้างในร้านวิ่งวุ่นอยู่ในร้านมานานหลายปี จึงนำเรื่องราวในอดีตมาปะติปะต่อกันและทำการตรวจสอบหลินซือในตอนนี้กระทั่งพบว่าทำไมหลินซือถึงแตกต่างจากคนทั่วไป

“เสี่ยวเอ้อคิดเงินด้วย!”

“ไอหยา! ได้เลย!”

หลังจากหลินซือจ่ายเงินแล้วก็ออกจากโรงเตี๊ยม แต่กลับไม่ได้รีบร้อนกลับจวนแต่อย่างใด หลังจากตัวเองตั้งครรภ์ นางก็ถูกสั่งห้ามออกจากจวน ทำให้นางอึดอัดจนแทบจะเป็นบ้า

ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมาข้างนอก ประกอบกับที่เพิ่งกินข้าวเสร็จเลยอยากเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารเสียหน่อย

หลินซือเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนน เห็นของเล่นอะไรน่าสนใจก็ซื้อ หรือเห็นของกินอะไรน่ากินก็ซื้อ และซื้อเสื้อผ้าประปราย

ไม่นาน สิ่งของเหล่านั้นก็เต็มไม้เต็มมือของนางจนถือไม่ไหว หลินซือจึงต้องถอดใจ แล้วค่อย ๆ เดินโซเซตรงกลับจวน

ครั้นหลินซือเดินใกล้ถึงจวน ก็เห็นเจี่ยงเถิงรีบตรงมายังทิศทางของตัวเองอย่างร้อนใจ

คิดว่าเขาต้องรู้แน่ว่าวันนี้ตัวเองออกไปทำสิ่งใด และต้องตำหนิตนแน่นอน

จึงรีบหมุนตัว ตั้งใจแอบย่องเข้าด้านหลังจวน กลับเข้าทางประตูของจวนด้านหลังอีกครั้ง แล้วแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโนเวลพีดีเอฟ

แต่หลินซือเพิ่งเดินออกไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกเจี่ยงเถิงดักทางไว้เสียก่อน ความเร็วของเขานั้นไร้เทียมทาน กระทั่งเขาจ้องเขม็งมายังหลินซือที่อยู่ต่ำกว่าตรงหน้า

จากนั้นก็มองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือของหลินซือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วันนี้เจ้าออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร? เหตุใดต้องทำให้คนอื่นเป็นห่วงขนาดนี้ด้วย?”

หลินซือรู้ตัวว่าผิดและรู้สึกละอายแก่ใจจึงก้มหน้าลง พลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ขอโทษ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้าอยู่แต่ในจวน ข้าอึดอัดก็เลยออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่ข้าก็รีบกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ”

“เจ้าแน่ใจไหมว่านอกจากเดินเล่นซื้อของเหล่านี้แล้วไม่ได้ทำสิ่งอื่นอีก?”

เจี่ยงเถิงเลิกคิ้วสูง ในแววตาเผยความรู้สึกทุกอย่าง

หลินซือหลบสายตาพลางเอ่ยเสียงเบา “ใช่ ข้าซื้อของพวกนี้เท่านั้นไม่ได้ทำสิ่งอื่น”

“โกหก เห็น ๆ อยู่ว่าข้าได้กลิ่นอาหารรสจัดจ้านจากตัวเจ้า ไปกินอาหารรสเผ็ดจากโรงเตี๊ยมมาใช่หรือไม่? ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามเจ้ากินอาหารรสเผ็ด? แบบนี้เกิดส่งผลเสียต่อลูกในครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไร? หมอก็เคยกำชับแล้ว!”

น้ำเสียงของเจี่ยงเถิงแเสดงออกถึงความไม่ได้ดั่งใจ และจนปัญญาอย่างขีดสุด

เจี่ยงเถิงเห็นอะไร ๆ ก็นึกถึงแต่ลูก หลินซือจึงยิ่งฉุนเฉียวในใจ เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยไม่ทนอีกต่อไป ถลึงตาใส่เจี่ยงเถิงที่อยู่ตรงหน้า

“ลูก ๆ ท่านคิดถึงแต่ลูก ท่านเคยใส่ใจความรู้สึกของข้าบ้างหรือไม่? หมอแค่บอกให้กินอาหารเผ็ดน้อยลง ไม่ใช่กินไม่ได้เสียหน่อย ข้ากินสักนิดสักหน่อยจะเป็นอะไรไป อีกอย่างท่านไม่เคยให้ข้าออกจากจวนเลยสักวันเดียว จนข้าจะกลายเป็นผักแห้งเหี่ยวตายอยู่แล้ว แบบนี้ต่างหากที่ไม่ดีต่อลูก!”

หลินซือทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนใส่หน้าเขาทันที

เจี่ยงเถิงตะลึงงันไปในทันที ครั้นได้เห็นสีหน้าของหลินซือตรงหน้าก็พลันปวดใจที่เขาเอาคิดถึงแต่ตัวเองมาตลอด ราวกับตั้งใจทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังเกินไป โดยไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของหลินซือ นึกถึงแค่ลูกเท่านั้น

“นับตั้งแต่ที่ข้าตั้งครรภ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านดูแลล้วนแต่คล้ายกับเป็นห่วงข้ามาก แต่คนที่ท่านห่วงมีแค่ลูกในท้องของข้าเท่านั้น ท่านเคยนึกถึงจิตใจของข้าบ้างหรือไม่? หรือที่ท่านสู่ขอข้าก็เพื่อมีลูก ไม่เคยคิดอยากทำเพื่อข้า?”

อารมณ์ของสตรีตั้งครรภ์ค่อนข้างซับซ้อน ประกอบกับที่หลินซือเอาแต่คิดเรื่องนี้อยู่ในใจตลอดเวลา จนในที่สุกก็ต้องโพล่งออกมา

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อารมณ์คนท้องแปรปรวน เจี่ยงเถิงทำให้หลินซือน้อยใจหมดแล้วนะคะเนี่ย

ไหหม่า (海馬)

——————————————–

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท