หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 32 แมวป่าชนิดหนึ่ง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 32 แมวป่าชนิดหนึ่ง

“เอ้อร์หวาของเราฉลาดที่คิดวิธีขยายพันธุ์กระต่ายป่าเพื่อทำเงิน ! รอให้กระต่ายของเราออกลูกออกหลานคอกใหญ่ แล้วข้าจะทำกระต่ายหมักเครื่องเทศรมควัน กระต่ายตุ๋นและเนื้อกระต่ายตากแห้งไว้ให้เจ้าทาน ! ” หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ากระต่ายตัวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมียแล้วจะให้มันคลอดลูกน้อยได้เช่นไร ? แต่มันก็เป็นเพียงกระต่ายตัวหนึ่ง หากเขาอยากเลี้ยงหรืออยากเล่นก็ช่างเขาเถิด !

“ดูสิ ! วันนี้ข้ามีของดีมาให้เจ้าด้วย ! ” หลินเว่ยเว่ยเอารังผึ้งขนาดใหญ่มาแกว่งตรงหน้าน้องชาย

นางหวงที่เห็นเช่นนั้นจึงถามด้วยความดีใจระคนความตกใจ “รังผึ้ง ? นั่นของดีเชียวนะ ! แล้วรังผึ้งของเจ้าดูท่าว่าจะหนักอย่างน้อย 2 ชั่ง ! รังผึ้งป่าเป็นของหายากมาก ราคาของน้ำผึ้งไม่ถูกเลย ยิ่งไปกว่านั้นเรายังสามารถขายรังให้ร้านขายยาได้ด้วย…”

บุตรสาวของนางช่างโชคดีเหลือเกิน ทุกครั้งที่เข้าป่าก็มักไม่เคยกลับมามือเปล่าเลย

“เราจะเก็บน้ำผึ้งไว้ทานกันเอง ข้าไม่ขายหรอก ข้าจะเอาไว้ชงน้ำให้ท่านแม่ดื่ม ! ” หลินเว่ยเว่ยล้างโถจนสะอาด จากนั้นก็นำน้ำผึ้งที่คั้นแล้วใส่ลงในโถพร้อมมัดปากด้วยกระดาษน้ำมัน1 อย่างแน่นหนา

“อย่าเลย สุขภาพของแม่ดีขึ้นมากแล้ว แม่ไม่กล้าทานของแพงเยี่ยงน้ำผึ้งหรอก พวกเราเอาไปแลกเป็นเส้นหมี่และแป้งมาไว้ทำอาหารดีกว่า แม่คิดว่ามันน่าจะแลกของพวกนั้นได้เพียงพอสำหรับฤดูหนาว ! ” นางหวงหวาดกลัวว่าตนและบุตรจะต้องมาหิวโหยในฤดูหนาว ดังนั้นทุกครั้งนางจึงกังวลว่าจะไม่มีธัญพืชหรือพวกเส้นหมี่ต่าง ๆ ไว้ให้บุตรได้อิ่มท้อง

“ข้ามิได้ใช้เงินซื้อมาสักอีแปะเดียว ข้าได้มันมาเปล่า ๆ แล้วจะเป็นของแพงของล้ำค่าได้เช่นไร ? ท่านแม่ ท่านเชื่อข้าเถิดเจ้าค่ะ ! ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าสุขภาพของท่านอีกแล้ว ดังนั้นท่านอย่าเอาแต่กังวลว่าการดื่มกินของตนจะเป็นการสิ้นเปลืองเลย ท่านยังมีข้าอยู่ทั้งคน ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมให้ท่านและน้องสี่ต้องหิวโหยอีกแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยนำโถใส่น้ำผึ้งไปวางไว้ในห้องครัว

ยามที่ครอบครัวของชาวนายังไม่ถึงช่วงยุ่งกับการทำไร่ไถนานั้น โดยทั่วไปพวกเขามักทานข้าวเพียง 2 มื้อ แต่เพราะหลินเว่ยเว่ยต้องการบำรุงสุขภาพของนางหวง เพื่อให้มารดามีสุขภาพแข็งแรงและได้สารอาหารครบถ้วน ดังนั้นหลังจากที่หลินเว่ยเว่ยทะลุมิติมาแล้วในแต่ละวันครอบครัวของนางจึงทานอาหารถึง 3 มื้อ

มื้อกลางวันนางต้มโจ๊กข้าวฟ่างให้มารดาและได้นำไข่ของไก่ป่ามาใส่กุยช่ายแล้วนึ่งจนหอมฉุย ทั้งยังนึ่งมะเขือม่วงจนสุกนิ่ม จากนั้นก็ทำผัดแตงกว่าอีกหนึ่งจานพร้อมแป้งทอด เมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งครอบครัวก็ได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย

นางถือโอกาสยามว่างตอนที่มารดากำลังพักผ่อนหลังทานยาแล้ววิ่งออกไปหาพรานหวังที่บ้าน จากนั้นก็พากันออกเดินทางขึ้นเขาไปตรวจกับดักที่ทั้งคู่วางไว้

สมแล้วที่พรานหวังเป็นพรานล่าสัตว์ผู้มีประสบการณ์โชกโชนเพราะมีความชำนาญในการวางกับดักและขุดหลุมพรางเพื่อดักสัตว์ป่าเป็นอย่างดี ซึ่งเห็นได้จากกับดักที่พวกนางเคยช่วยกันวางไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งคู่ขึ้นไปดูหลุมพรางของพรานหวังก่อนเป็นอันดับแรก ในนั้นมีกวางป่าขนาดค่อนข้างโตติดอยู่ มันพยายามดิ้นทุรนทุรายเพื่อให้หลุดพ้น หลินเว่ยเว่ยที่เห็นเช่นนั้นจึงกล่าวอย่างดีใจว่า “ลุงหวัง เจ้าตัวนี้น่าจะมีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งร้อยกว่าชั่ง หากพวกเรานำไปขายตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะได้ราคาสูงขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ข้าคิดว่าอย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่า 10 ตำลึง ! ”

พรานหวังตื่นเต้นจนอ้าปากค้าง เขากระโดดลงไปในหลุมพรางแล้วใช้เชือกมัดขาของเจ้ากวางเอาไว้ จากนั้นก็ให้หลินเว่ยเว่ยช่วยดึงขึ้น

หลินเว่ยเว่ยอดใจรอไม่ไหวจึงวิ่งไปยังหลุมพรางที่ตนวางไว้บ้างและเมื่อเห็นสัตว์ป่าติดอยู่ในนั้นนางก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น “ว้าว ! นี่คือตัวอะไร ? มันคือแมวภูเขาใช่หรือไม่ ? ตัวมันใหญ่มากแถมยังสวยอีกด้วย ! ”

หลินเว่ยเว่ยขุดหลุมให้เหมือนลักษณะของขวดก้นกว้างซึ่งตรงปากหลุมมีลักษณะแคบ ขณะที่ด้านล่างของหลุมมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจึงทำให้นางกลัวว่าสัตว์ป่าอาจตายจนส่งกลิ่นเหม็นเน่า ไม่สดใหม่ ดังนั้นนางจึงมิได้วางไม้ไผ่แหลมไว้ในก้นหลุม ในกับดักนั้นมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมว ทว่าตัวใหญ่กว่าแมวกำลังเดินวนอยู่ตรงก้นหลุมอย่างกระวนกระวาย

สัตว์ป่าตัวนี้มีขนสีเหลืองเหลือบน้ำตาลทั้งตัว ขาทั้งสี่ข้างของมันยาวและถูกปกคลุมด้วยขนที่ดูหนานุ่ม มันมีหูที่ตั้งและมีปลายหูแหลม ขนปลายหูของมันมีสีดำเป็นพู่แหลมชี้ตั้งตรงและบริเวณแก้มทั้งสองข้างก็มีขนที่ยาวราวกับไว้เครา

“มันคือเสือดาวใช่หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยไม่มั่นใจว่ามันคือตัวอะไร

พรานหวังจึงชะโงกหน้าไปมองในหลุมกับดักแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มันมิใช่เสือดาว แต่มันคือแมวป่าชนิดหนึ่ง2 ! เนื้อของเจ้าตัวนี้อร่อยมาก ลำไส้เล็กของมันสามารถนำไปปรุงยาได้ ยิ่งไปกว่านั้นขนและผิวหนังของมันยังมีมูลค่าสูงมาก ! หนังของมันมีมูลค่าสูงกว่ากวางป่าของข้าทั้งตัวเสียอีก”

“มันดุยิ่งนัก มันกำลังแยกเขี้ยวใส่พวกเรา แล้วจะเอามันขึ้นมาได้อย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายแมวยักษ์ตัวนี้ พลางคิดในใจว่าหากทำให้มันเชื่องแล้วเลี้ยงไว้ได้ก็คงไม่เลวเลยทีเดียว

พรานหวังตอบว่า “แมวป่าชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและเจ้าเล่ห์ มันล่าสัตว์เก่งและมีความดุร้ายตามสัญชาตญาณของสัตว์ป่า ทางที่ดีควรทำให้มันตายตั้งแต่อยู่ในหลุมเพราะหากมันหนีไปได้เราก็จะเปลืองแรงเปล่า ๆ เจ้าจะยอมหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ “ตกลง ! ”

พรานหวังหยิบคราดเหล็กขึ้นมาเพื่อเตรียมกดไปที่คอของแมวป่าและพยายามทำให้ผิวหนังของมันเสียหายน้อยที่สุด

ดูเหมือนเจ้าตัวนี้รู้ว่าอันตรายกำลังคืบคลานมาหาจึงพยายามดิ้นทุรนทุรายอยู่ในหลุมมากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นมันอยากกระโดดขึ้นจากหลุมอีกด้วย ทว่าก็ถูกคราดเหล็กของพรานหวังดันลงไปใหม่อีกครั้ง

ถึงอย่างไรแมวป่าตัวนี้ก็ติดอยู่ในหลุมเป็นเวลานาน ดังนั้นหลังจากที่มันดิ้นรนอยู่หลายคราในที่สุดก็หมดแรง มันถูกพรานหวังสกัดกั้นไว้ด้วยคราดเหล็ก หลินเว่ยเว่ยจึงขยายปากหลุมแล้วกระโดดลงไปเพื่อใช้กำปั้นทุบหัวของแมวป่าครู่หนึ่งจนในที่สุดมันก็แน่นิ่งไป

ระหว่างทางกลับ พรานหวังได้ชี้ไปที่รูขนาดเล็กเท่ากำปั้นบริเวณกองดินแล้วบอกหลินเว่ยเว่ยว่า “นั่นคือโพรงที่กระต่ายขุด เวลากระต่ายขุดหลุมมันจะขุดปากรูเอาไว้หลาย ๆ รู นั่นคือกลหลอกล่อของกระต่าย พวกเราจึงเรียกว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์สามโพรง”

“ลุงหวัง ท่านขุดโพรงกระต่ายเป็นด้วยหรือ ? ” เพราะน้องชายสุดน่ารักของนางต้องการเลี้ยงกระต่ายเพื่อหาเงินมาช่วยจุนเจือครอบครัว ดังนั้นนางในฐานะพี่สาวก็ต้องสนับสนุนเด็กน้อยอย่างเต็มที่ !

“โพรงกระต่ายนั้นลึกมากและก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขุดมัน แต่เราสามารถใช้ควันมาทำให้พวกมันออกมาได้” พรานหวังเห็นว่านางมีความสนใจในเรื่องนี้ เขาจึงเดินวนรอบกองดินกองเล็กอยู่หนึ่งรอบ จากนั้นก็ใช้ประสบการณ์ของตนเพื่อหาปากรูอื่นที่กระต่ายขุดเอาไว้แล้วใช้ดินกับเศษหินอุดปิดปากรู

เขาเหลือปากรูไว้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็จุดไฟด้วยกิ่งไม้และใบไม้ที่เปียกชื้นแล้วพัดควันโขมงให้ลอยเข้าไปในรู ไม่นานก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน

พรานหวังถอดเสื้อของตนออกแล้วทำให้มันมีลักษณะคล้ายถุงห่อหุ้ม เขานำไปวางไว้ที่ปากรูจนกระทั่งกระต่ายเริ่มติดกับแล้วกระโดดเข้ามาในถุงผ้าที่ครอบไว้ทีละตัว นอกจากกระต่ายสีเทาตัวใหญ่แล้วที่เหลืออีกหกตัวล้วนติดกับหมด

“แม่กระต่ายกับลูกกระต่ายอีกห้าตัว เจ้าเอาไปสิ ! ” พรานหวังรู้ว่านางอยากลองเลี้ยงกระต่ายจึงยกกระต่ายทั้งหมดให้ แต่เขาก็ยังพูดเตือนนางว่า “กระต่ายป่าสามารถขุดหลุมได้ลึก ทางที่ดีเจ้าควรเลี้ยงมันด้วยกรง พอกลับไปแล้วข้าจะทำกรงไม้ไผ่ไปให้ ! ”

“ขอบคุณลุงหวัง ถ้ากลับไปแล้วข้าจะนำเงินมอบให้ท่านเป็นค่าตอบแทน ! ” กระต่ายพวกนี้เป็นกระต่ายที่พรานหวังจับได้ หลินเว่ยเว่ยไม่อยากเอาเปรียบเขาโดยการได้กระต่ายไปโดยไม่เสียอะไรเลย ดังนั้นนางจึงคิดใช้เงินเพื่อซื้อมัน

พรานหวังได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าตึงใส่ทันที “เจ้าเห็นข้าเป็นคนนอกหรือไร ! เมื่อวานนี้ถ้อยคำของมารดาเจ้าอ้วนซานแม้ไม่น่าฟังยิ่งนัก แต่มันก็คือความจริง หากข้าไม่ให้เจ้าพาขึ้นเขาก็เกรงว่าข้าจะไม่กล้ามาเองหรอก เมื่อวานนี้ข้าได้แพะป่ากลับไปที่บ้าน มาวันนี้ข้าก็ได้กวางหนุ่มไปอีกหนึ่งตัว หากไม่มีเจ้าก็คงจับพวกมันมิได้ ! แต่เจ้าพวกนี้เป็นเพียงกระต่ายตัวเล็กไม่กี่ตัวเท่านั้น เจ้าจะเกรงใจข้าด้วยเหตุใด ? เช่นนั้นข้าก็ต้องแบ่งเงินที่ขายสัตว์ป่าสองตัวนั้นให้เจ้าครึ่งหนึ่งถึงจะถูก ! ”

หลินเว่ยเว่ยก็ไม่อยากฝืนใจอีกฝ่าย นางจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปรอท่านที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแล้วเราก็เข้าเมืองด้วยกัน ดีหรือไม่ ? ”

หลังจากที่แบกแมวป่าขนฟูขึ้นบ่า หลินเว่ยเว่ยก็เดินลัดเลาะผ่านพุ่มไม้รกไปยังด้านหลังบ้านของตนเพราะเลือกไม่เดินผ่านปากทางเข้าหมู่บ้าน

1 กระดาษน้ำมัน เป็นกระดาษที่เคลือบด้วยน้ำมันตุง หรือน้ำมันแห้งชนิดอื่น ทนต่อการพับ กันน้ำและความชื้นทุกชนิด

2 แมวป่าชนิดหนึ่ง หมายถึงตัวเซอรี่ ( 猞猁 ) คือ แมวป่าจำพวกลิงซ์ จัดอยู่ในวงศ์เสือและสิงโต

ตอนต่อไป

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท